Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Overdrive มีประโยชน์อย่างไร แล้วจะใช้ตอนไหนถึงจะดี



ความหมายจริง ๆ ของคำว่า Overdrive Ratio
คือ "อัตราทดเฟืองเกียร์ ที่ทำให้เพลากลางหมุนได้เร็วกว่าเพลาขับตัวเมนของเกียร์”
จึงช่วยให้ใช้รองเครื่องต่ำลงและรถวิ่งเร็วขึ้น

ซึ่งตามความหมายนี้ก็พอจะถือได้ว่า พวกเฟืองเกียร์ที่มีอัตราทดต่ำกว่า 1 นั้นเป็นเกียร์ Overdrive
ส่วนผลงานของมันจะเป็นอย่างไร ได้ผลมากน้อยขนาดไหน ก็จะต้องขึ้นอยู่กับ กำลังเครื่อง
อัตราทดเฟืองท้ายเส้นรอบวงยาง น้ำหนักและรูปทรงของรถประกอบกัน



จุดประสงค์หลักของการใช้งานเกียร์โอเวอร์ไดรว์
คือช่วยลดรอบเครื่องยนต์ให้ทำงานน้อยลงกว่าเกียร์อัตราทดปกติ เมื่อขับเคลื่อนด้วยความเร็วที่เท่ากัน
เพื่อเป็นการลดความสึกหรอและมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยลง

อย่างเช่น ในเกียร์ 4 ที่มีอัตราทดเกียร์ 1.000
เมื่อวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่อง 3,400 รอบต่อนาที
แต่พอใช้เกียร์ 5 ที่มีอัตราทดเพียง 0.850 ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. เท่ากัน
ก็อาจจะใช้รอบเครื่องรถยนต์เพียงแค่ 2,800 รอบต่อนาที
ย่อมมีการสึกหรอและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง น้อยกว่าเครื่องยนต์ที่ทำงาน 3,400 รอบต่อนาที
แต่นั้นหมายถึงว่าเราจะต้องวิ่งด้วยความเร็วคงที่ เพราะถ้ามีการเร่งแซงและเปลี่ยนแปลงความเร็วบ่อย ๆ
ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าเกียร์ 5 หรือเกียร์โอเวอร์ไดรว์นี้จะสร้างความประหยัดให้เสมอไป
เนื่องจากเกียร์ 5 จะมีอัตราเร่งน้อยกว่าเกียร์ 4 ดังนั้นเมื่อมีการเร่งแซงคนขับจึงต้องกดคันเร่งลึกกว่า
และนานกว่าเพื่อเรียกแรงม้าแรงบิดออกมาใช้งาน
เหมือนกับตอนออกรถซึ่งถ้าออกด้วยเกียร์ 1 กดคันเร่งเบา ๆ ก็ออกตัวไปได้แล้ว
แต่ถ้าเปลี่ยนมาออกตัวด้วยเกียร์ 3 ก็จะต้องกดคันเร่งลึกกว่าเดิม
เกียร์ 3 ซึ่งมีอัตราทดต่ำกว่าเกียร์ 1 ในความเร็วเท่ากันก็ใช้รอบเครื่องน้อยกว่า แต่การออกรถด้วยเกียร์ 3
มันไม่ได้ลดการสึกหรอและให้ความประหยัด เหมือนกับการออกรถด้วยเกียร์ 1 เลย

ด้วยเหตุนี้หากคิดจะใช้เกียร์ Overdrive ให้ได้ประโยชน์จริง ๆ ก็จะต้องใช้ให้เป็นและใช้ให้ถูกวิธีด้วย


ใช้ให้ถูกวิธี
ในการใช้เกียร์ Overdrive ให้ได้ผลเต็มที่นั้น ประการแรกคือต้องใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
และสภาพการจราจร
อย่างเช่น การขับขี่ในเมืองที่ใช้ความเร็วต่ำ มีการเร่งและหยุดบ่อย ๆ
แบบนี้ไม่ควรเร็วต่ำ มีการเร่งและหยุดบ่อย ๆ แบบนี้ไม่ควรใช้
ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติที่มีปุ่มเปิด-ปิด ให้ใช้จังหวะ OD off
จนกระทั่งเจอทางโล่ง สามารถใช้ความเร็วได้เกินกว่า 60-80 กม./ชม. (ขึ้นอยู่กับกำลังเครื่องยนต์)
จึงค่อยกดสวิทซ์ OD on เพื่อให้เกียร์เปลี่ยนเป็น Overdrive

พวกรถเกียร์อัตโนมัติที่มีเกียร์ Overdrive จะพยายามอยู่ในตำแหน่งเกียร์สูงสุดเท่าที่จะสามารถ
รถบางรุ่นนั้นขนาดคลานด้วยความเร็ว 40 กม./ชม. ยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำเลยก็มี
แบบนี้นอกจากทำให้แรงบิดเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น แทนที่จะเกิดความประหยัดตามความมุ่งหมาย
หรือพวกรถเกียร์ธรรมดา เมื่อใช้เกียร์ Overdrive ในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำมาก ๆ
จะไม่มีผลเฉพาะอัตราเร่งกับอัตราสิ้นเปลืองเท่านั้น
ยังทำให้ชุดขับเคลื่อนและระบบส่งกำลัง ตลอดจนเครื่องยนต์เกิดชำรุดเสียหายได้อีกด้วย


ใช้ในการแซง
เมื่อขับอยู่ในช่วงความเร็วประมาณ 60-100 กม./ชม. โดยขับเคลื่อนอยู่ในจังหวะเกียร์ Overdrive
และมีความต้องการแซงรถคันข้างหน้าแบบไม่รีบร้อนเร่งด้วยอะไรมากนัก ควรกดสวิทช์เป็น OD off
เพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงมาเป็นเกียร์ต่ำก่อน แล้วกดคันเร่ง (เบา ๆ ) เพิ่มกำลังเครื่องแซงขึ้นไป
พอพ้นหรือหมดความจำเป็นแล้วจึงค่อยกดสวิทช์เปลี่ยนกลับมาเป็น OD on ตามเดิม

วิธีนี้จะรวดเร็วและประหยัดกว่าการเร่งแซงทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในเกียร์ Overdrive
ซึ่งจะอืดอาดใช้เวลาในการแซงนานกว่า

วิธีนี้จะทำให้การแซง “นิ่มนวล” กว่าการกดคันเร่งลึกให้เกียร์ Kick Down เปลี่ยนกลับเป็นเกียร์ต่ำ
เพราะการคิกดาวน์นั้นเครื่องยนต์จะมีรอบสูง อัตราเร่งรุนแรงกระชากกระชั้นเกินความจำเป็น
ซึ่งจะนำไปสู่การสึกหรอและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเปล่าประโยชน์


โอเวอร์ไดรว์ในที่คับขัน
พวกเกียร์ Overdrive มีอัตราทดเกียร์ต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ไม่มีเอนจิ้นเบรค (Engine brake)
ดังนั้นในการเบรกจะใช้ระยะเบรกยาวกว่าปกติ
ด้วยเหตุนี้เพื่อความปลอดภัยและช่วยให้ใช้ระยะในการเบรกสั้นลง
เวลาที่ขับรถในจุดคับขัน เช่น ขับลงทางลาด ลงสะพาน หรืออยู่ในจุดบอดไม่เห็นทางข้างหน้า
ควรจะเปลี่ยนกลับมาใช้เกียร์ต่ำ โดยกดสวิทซ์เป็นตำแหน่ง OD off
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้งละสิบยี่สิบตังค์
แต่ขอให้นึกเทียบกับค่าซ่อมรถเนื่องจากไปสะกิดบั้นท้ายคันอื่น แล้วจะรู้สึกกว่าคุ้มกว่ากันเยอะ
โดยเฉพาะรถที่ใช้ระบบเบรค ABS ซึ่งปกติระยะเบรกก็จะยาวกว่ารถที่ไม่มี ABS อยู่แล้ว
มาผสมโรงกับจังหวะเกียร์โอเวอร์ไดรว์อีกก็จะไปกันใหญ่ เบรคกันไม่ค่อยทัน
ในบางครั้งเราจึงควรกดสวิทช์เป็น OD off ให้ลดลงมาเป็นเกียร์ต่ำ
เพื่อใช้ “เอนจิ้นเบรค” มาช่วยลดความเร็วของรถด้วยอีกทางหนึ่ง

ทำนองเดียวกันเวลาขับรถเข้าโค้งด้วยความเร็ว
ถ้าเรากดสวิทช์เป็น OD off ลดเกียร์ลง จะเกิดเอนจิ้นเบรคช่วยให้การทรงตัวของรถดีขึ้น
สร้างความมั่นใจได้มากกว่า อีกทั้งสามารถเร่งเครื่องพาตัวรถออกจากโค้งได้รวดเร็วกว่าอีกด้วย
การลดเกียร์ลงมาจะให้ความปลอดภัยได้เหนือกว่า
หรือหากไปเจอเหตุกะทันหันกลางโค้ง ก็จะสามารถเบรกชะลอรถและเร่งส่งบังคับควบคุมรถได้ง่ายขึ้น


จากหนังสือยานยนต์ เล่มที่ 388


สารบัญ รู้เรื่องรถ


Create Date : 05 มีนาคม 2552
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 13:46:43 น. 2 comments
Counter : 1281 Pageviews.

 
ขอบคุณมากๆจ้ะ แอบมาอ่านเป็นความรู้


โดย: annclub IP: 58.9.234.42 วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:18:59:55 น.  

 
เปิดผ่านมาเจอ ขับรถมีOverdrive มาเกือบสิบปี
เคยใช้แต่ตอนขึ้นลงเขา เพิ่งรู้ว่าทางราบก็ควรใช้
เคยใช้ Kick Down ตอนแซง ต่อไปจะลอง off
ดู ขอบคุณมากๆเด้อ


โดย: จร IP: 115.67.9.8 วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:21:29:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.