เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อประหยัด
เทคนิคอีกหนึ่งอย่างของการประหยัดน้ำมัน คือให้พยายามเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากๆ เพราะการเว้นระยะห่างเท่านั้นที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการเบรกบ่อยๆ และการเร่งรอบเครื่องบ่อยๆ
ปกติ เราเฉลี่ยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีระยะทางการใช้งานประมาณ 2 หมื่นกิโลเมตรต่อปี และบริโภคน้ำมันปีละ 2 พันลิตร (เฉลี่ยลิตรละ 10 กิโลเมตร)
ถ้าราคาน้ำมันลิตรละ 30 บาทก็ปีละ 6 หมื่นบาท เมื่อเทียบย้อนไปห้าปีที่ราคาน้ำมันลิตรละประมาณ 15 บาทเท่ากับวันนี้ราคาน้ำมันแพงขึ้นเท่าตัว
หากราคาน้ำมันยังคงทรงที่ราคาลิตรละ 30 บาท อัตราการใช้น้ำมันต่อคันก็เฉลี่ยเดือนละประมาณ 166 ลิตร ค่าน้ำมันประมาณเกือบห้าพันบาท การสิ้นเปลืองน้ำมันของรถยนต์ คันและรุ่นที่มีเทคโนโลยีที่มีอัตราสิ้นเปลือง เกือบลิตรละ 20 กิโลเมตร ก็จะทดแทนกับราคาที่แพงเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน เมื่อนำเอาเทคโนโลยีรวมกับพฤติกรรมการขับที่พึงประสงค์ ก็จะช่วยให้ประหยัดได้ โดยไม่ต้องไปคิดกังวลกับราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจากอดีต
การเลือกรถที่เหมาะสมกับลักษณะงานและรายรับต่อเดือน ก็มีส่วนช่วยให้ระบบประหยัดมีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รถยนต์ที่จะช่วยเอื้ออำนวยให้เกิดการประหยัดทั้งเงินและน้ำมัน สำหรับการใช้งานในกรุงเทพ ควรเป็นรถลักษณะที่มีเทคโนโลยีทันสมัย คันเล็ก น้ำหนักเบา มีระบบช่วยป้องกันความผิดพลาดของผู้ขับขี่ เช่น เบรก ABS, Air Bag เป็นต้น การมีชีวิตอยู่ในกรุงเทพหากปฏิบัติตามกฎระเบียบ ก็จะมีโอกาสประหยัดและปลอดภัย ด้วยว่าความเร็วที่จะสามารถขับได้ในกรุงเทพคือเพียง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ทั้งลายพื้นราบและทางลอยฟ้าก็กำหนดไม่เกินนี้
รถคันเล็กๆ ชนิด City car ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมให้รถหยุดได้อย่างปลอดภัย หากใช้ความเร็วไม่เกินกำหนด เพราะความเร็วที่กำหนดไว้นั้น ถูกคิดคำนวณด้วยเหตุและผลด้านความปลอดภัยมาตรฐานของถนน ส่วนการจะเดินทางไปต่างจังหวัดอันตรายก็ลดลงมาก เพราะถนนแบ่งแยกการเดินรถไปในทิศทางเดียวกัน เช่นไปพัทยาจะขับรถสวนทางก็เฉพาะเพียงถนนบางช่วงในเขตเมืองพัทยา การเดินรถทางเดียวช่วยให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะลดโอกาสอุบัติเหตุลักษณะชนประสานด้านหน้า
ในอนาคตพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อรถยนต์ จะมีความเปลี่ยนมากกว่าปัจจุบัน คนจะให้ความสำคัญกับความประหยัด ความสวยงามของรูปแบบรถยนต์และความทันสมัย ความกลมกลืนของการดำเนินชีวิตและการใช้รถยนต์จะไปในทิศทางเดียวกัน ทำงานในเมืองก็ใช้รถสำหรับวิ่งในเมือง ซึ่งการแข่งขันด้านวัตถุอาจจะลดลง แต่การแข่งขันด้านสมองและปัญญาจะมาแทนที่ ยกตัวอย่างเช่นขีดระดับความสามารถในการเลือกซื้อรถยนต์ เลือกรูปแบบการขับที่มีความแตกต่างจากคนอื่นๆ ในเชิงบวก เพื่อเร่งหนีชีวิตที่ย่ำอยู่กับที่
ทักษะการเอาตัวรอดจะถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น เช่น การริเริ่มประหยัดตั้งแต่อายุยังน้อย การรู้จักเลือกการดำเนินชีวิตแบบประหยัด ซื้อเสื้อผ้าราคากลางๆ ทักษะการเอาตัวรอดทุกวันนี้ถูกป้อนและดูแลโดยบิดามารดา
ดังนั้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันแพงๆ และของใช้อื่นๆ ราคาเกินตัวจึงยังมีให้เห็นอยู่ เพราะการไม่ต้องตระหนกกับพลังงานทดแทนที่ กำลังถกเถียงว่าอะไรดีกว่ากันและลงทุนโหมประชาสัมพันธ์ในขณะนี้
การเลือกซื้อรถยนต์ที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน การขับรถไม่เร็วเกินกฎหมายกำหนด พยายามใช้ความเร็วคงที่ การเบรกที่นุ่มนวล ขับรถด้วยการวางแผนและสังเกตสถานการณ์ข้างหน้าในระยะทางไกลๆ การเร่งเครื่องเพื่อเพิ่มรอบความเร็วที่เหมาะสม โดยสังเกตว่าเข็มบอกอัตรา เร่งค่อยๆ สูงขึ้นอย่างมีจังหวะและความต่อเนื่อง ไม่กระตุกขึ้นๆ ลงๆ การค่อยๆ เพิ่มขึ้น จะช่วยให้ได้รูปแบบการขับที่ประหยัดน้ำมัน
เทคนิคอีกหนึ่งอย่างของการประหยัดน้ำมัน คือให้พยายามเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากๆ เพราะการเว้นระยะห่างเท่านั้นที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการเบรกบ่อยๆ และการเร่งรอบเครื่องบ่อยๆ
ต้องอย่าลืมนะครับว่า ราคาของเชื้อเพลิงเป็นปัจจัยภายนอกที่เราและประเทศไทย ไม่สามารถจะควบคุมได้ ถึงเวลาแล้วครับที่ควรจะวาดอนาคตของเราด้วยตัวของเรา การสามารถใช้น้ำมันหนึ่งลิตรได้ระยะทางเพิ่มขึ้น มากกว่าคนอื่นเท่ากับประหยัดกว่าคนอื่นแล้วครับ
ที่มา : //www.bangkokbiznews.com
สารบัญ รู้เรื่องรถ
Create Date : 18 เมษายน 2554 |
Last Update : 18 เมษายน 2554 20:26:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 898 Pageviews. |
|
|
|
|
|