|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ระบบปัดน้ำฝน
ระบบปัดน้ำฝนประกอบด้วย มอเตอร์ปัดน้ำฝน (Wiper Motor) ก้านต่อปัดน้ำฝน (Wiper Link) แขนปัดน้ำฝน ( Wiper Arm ) และ ใบปัดน้ำฝน (Winper Blade )
1. มอเตอร์ปัดน้ำฝน (Wiper Motor) มอเตอร์ปัดน้ำฝนแบ่งตามวิธีการสร้างสนามแม่เหล็ก ( Field Generation ) ออกเป็น 2 แบบ - แบบขดลวด ( Wound-Rotor Type ) แบบนี้ใช้ขดลวด พันรอบแกนเหล็กสร้างสนามแม่เหล็ก - แบบแม่เหล็กถาวร ( Ferrite Magnet Type ) แบบนี้ใช้แม่ เหล็กถาวรเฟอไรต์สร้างสนามแม่เหล็ก ปัจจุบันมอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวรได้ถูกพัฒนาขึ้น และมีขนาดกระทัดรัดน้ำหนักเบา มอเตอร์กระแสตรงมีการใช้แม่เหล็กถาวรกันอย่างกว้างขวาง
2. ก้านต่อปัดน้ำฝน ( Wiper Link ) ก้านต่อปัดน้ำฝนมีหน้าที่เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ แบบหมุนของมอเตอร์ปัดน้ำฝน มาเป็นการเคลื่อนที่แบบส่ายไปมาของแกนหมุน แขนปัดน้ำฝนแบ่งได้เป็น 2 แบบ - แบบเส้นลวด ( Wire Type ) - แบบก้านต่อ ( Link Type ) ปัจจุบันแขนปัดน้ำฝน ที่ใช้กันทั่วไปคือ แบบก้านต่อ ( Link Type )
3. แขนปัดน้ำฝน (Wiper Arm) แขนปัดน้ำฝน ประกอบด้วยส่วนประกอบดังนี้ - ส่วนหัว (Arm Head) สำหรับยึดเข้ากับแกนหมุน (Wiper Shaft) - สปริง (Spring) สำหรับทำให้ใบปัดน้ำฝน มีแรงกดแนบสนิทกับกระจก - ส่วนแขน (Arm Piece) สำหรับติดตั้งใบปัดน้ำฝน - ช่วงกลาง (Retainer) สำหรับครอบส่วนประกอบทั้งหมดไว้
1. แบบธรรมดา (Ordinary Wiper) แบบนี้ไม่เก็บทั้งใบปัดน้ำฝนและแขนปัดน้ำฝน 2. แบบกึ่งเก็บซ่อนตัว (Semi Concealed Wiper) แบบนี้เก็บซ่อนเฉพาะแขนปัดน้ำฝนเท่านั้น 3. แบบเก็บซ่อนตัวเก็บทั้งหมด (Full Concealed Wiper) แบบนี้เก็บซ่อนตัว ทั้งใบปัดน้ำฝนและแขนปัดน้ำ 4. ใบปัดน้ำฝน (Wiper Blade)
ใบปัดน้ำฝน ประกอบด้วยส่วนประกอบดังนี้ - แผ่นยาง (Rubber Blade) สำหรับกวาดผิวหน้ากระจก - ชุดสปริงแผ่นหรือ แหนบ (Leaf Spring Packing) สำหรับกดให้แผ่นยางแนบสนิทกับผิวหน้ากระจก - ก้านใบ (Levers) สำหรับยืดและติดตั้งแผ่นยาง - ตัวล็อก (Clips) สำหรับการติดตั้งใบปัดน้ำฝนกับแขนปัดน้ำฝน
การติดตั้งใบปัดน้ำฝนเข้ากับแขนปัดน้ำฝน อาจแบ่งได้เป็น 2 วิธีคือ
1. วิธียึดด้วยบานพับตรงกลาง (Center Hinge Type) แบ่งเป็น 2 แบบ 1.1 แบบง่าม (Bayonet Type) 1.2 แบบตัวล็อคอยู่ภายใน (Interlock Type)
2. วิธียึดจับด้านข้าง (Side Latch Type) แบ่งเป็น 2 แบบ 1.1 แบบสลัก (Pin Type) 1.2 แบบสกรู (Screw Type) ในปัจจุบันแบบยึดจับด้านข้างด้วยสกรู นิยมใช้กันโดยทั่วไป เนื่องจากใบปัดต่ำลงและใบปัดยึดกับแขนใบปัดได้แน่นยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนบังลมหน้า
ถอดใบปัดน้ำฝน 1. สำรวจเขี้ยวล็อค ด้านปลายแขนใบปัดด้านหนึ่ง จะล็อคยางใบปัดไว้ 2. บีบยางบริเวณเขี้ยวที่ล็อคใบปัด เพื่อหลบเขี้ยวล็อค ให้ยางหลุดออกมา 3. ดึงยางใบปัดออกจากช่องโครงใบปัด
ประกอบใบปัดอันใหม่ 1. ประกอบยางอันใหม่สอดด้านปลายเข้าช่องโครงใบปัดด้านที่ล็อคใบปัด ดันยางเข้าไปตามช่องในโครงใบปัด 2. จนกระทั่งยางใบปัดทั้งหมดเข้าอยู่ในช่องโครง บีบยางด้านปลายใบปัดเพื่อให้เขี้ยวล็อคยางใบปัดในตำแหน่งเดิม
สำคัญ ! - ก้านปัดน้ำฝนที่อยู่ด้านหน้าทางเบาะคนขับ มีรูปร่างแตกต่างไปจากก้านปัดน้ำฝนทางด้านเบาะคนนั่ง จากเหตุผลอันนี้ ก้านปัดน้ำฝนมีเครื่องหมาย (D สำหรับด้านเบาะคนขับ และ P ด้านเบาะคนนั่ง แน่ใจว่าได้ประกอบก้านปัดน้ำฝนทางด้านที่ถูกต้องแล้ว)
- อย่าดันก้านปัดน้ำฝนลงเมื่อถอดใบปัดออก มันจะทำความเสียหายกับกระจกบังลมหน้า
น้ำยาล้างกระจก น้ำยาล้างกระจกเป็นของเหลวที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลัก นำมาผสมกับน้ำสารทำละลาย และสารป้องกันสนิมสำหรับใช้ทำความสะอาดกระจกบังลม น้ำยาล้างกระจกจะมีคุณสมบัติที่ไม่เกิดการกัดกร่อนยางหรือสี แต่จะชำระล้างสิ่งสกปรกและคราบน้ำมันโดยการทำงานของใบปัด
อะไรเป็นสาเหตุให้ยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ? ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ เนื่องจากสาเหตุเหล่านี้และไม่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยระยะไกลได้ ผิวสัมผัสส่วนปลายมีการสึกหรอจากการทำงานตามปกติของใบปัด เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงสิ่งสกปรก และผงทรายละเอียดที่อยู่ระหว่างยางใบปัดกับกระจกได้ จึงเกิดความเสียหายขึ้น โดยใบปัดน้ำฝนจะปัดเป็นเส้นๆ เมื่อใบปัดน้ำฝนผ่านการใช้งานนาน ๆ ยางใบปัดน้ำฝนจะแข็งตัว การยืดหยุ่นตัวจะลดลงและความบกพร่องในการปัดจะเกิดขึ้น เนื่องจากหน้าสัมผัสระหว่างยางใบปัดกับกระจกไม่ดี รวมทั้งอาจเกิดจากใบปัดน้ำฝนเกิดอาการสั่นเต้น หรืออาการอื่นๆ
ใบปัดน้ำฝนจะใช้งานได้นานเท่าไร ? เป็นการยากที่จะเจาะจงระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน การเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนสามารถทำได้เนื่องจากราคาค่องข้างถูก ดังนั้นควรจะเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนปีละครั้ง ตามระยะเวลาในการตรวจสอบตามระยะ ข้อแนะนำ - การที่จะทำให้ใบปัดน้ำฝนมีอายุใช้งานนานๆ นั้น ใบปัดน้ำฝนควรทำงานหลังจากใช้น้ำฉีดล้างพวกเศษผงทราย และสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่ผิวกระจก แม้ว่าฝนจะเริ่มตกแล้วก็ตาม
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคราบน้ำมันเกาะติดอยู่ที่กระจก ด้วยเหตุนี้ควรใช้อะไรในการทำความสะอาด ? เมื่อคราบน้ำมันเกาะติดกับกระจกหยดน้ำ และคราบน้ำบนกระจกจะไม่สม่ำเสมอ และการสะท้อนของแสงไม่สม่ำเสมอด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของการหักเหของแสง นอกจากนี้ยังอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเต้นสั่นของใบปัดน้ำฝน สารประกอบของน้ำยาล้างกระจกจะถูกใช้ เพื่อทำให้คราบน้ำมันหลุดออกได้ง่ายโดยน้ำยาจะดูดซึมคราบน้ำมัน เพราะฉะนั้นเมื่อน้ำยาล้างกระจกถูกใช้ ในขณะเดียวกันกับที่ปัดน้ำฝนทำงาน คราบน้ำมันก็จะถูกปัดออกไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อคราบน้ำมันที่ติดอยู่กับกระจกมีปริมาณมาก ก็จำเป็นต้องใช้น้ำยาเช็ดกระจกในการทำความสะอาด
ชัดเจนทุกสภาวะอากาศ ขึ้นอยู่กับใบปัดน้ำฝน ? หน้าที่ใบปัดน้ำฝน มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการมองเห็นภายใต้สภาวะอากาศต่างๆ เช่น ฝนตก เป็นต้น ใบปัดน้ำฝนประกอบด้วยมอเตอร์ (motor) ตัวเชื่อม (link) แขน (arm) และยางปัด (blades) ยางปัดจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระจกด้านหน้าในการปัดน้ำฝนและฝุ่น
คุณสมบัติที่ดีของใบปัดน้ำฝน ?
1. ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพ หน้าสัมผัสของยางปัดน้ำฝนระหว่างปลายของยางปัดกับผิวกระจก ควรจะประมาณ 0.01-0.05 มม. 2. มีความทนทานและทนความร้อน (Durabillty and Heat Resistance) ยางปัดต้องทำจากยางคุณภาพสูง สามารถทนต่อแสงแดดรังสีอัลตราไวโอเลต โอโซน และ ไอเสีย 3. ทนต่อสารเคมี (Chemical Resistance) ใบปัดต้องทนต่อสารเมททานอล (Methanal) และสารละลายอื่นๆ ที่ใช้ในการล้าง 4. ทนต่อการทำงานของสารเคมี (Anti-Corrosion) ใบปัดต้องมีการป้องกันสนิมและไม่เป็นตัวนำ เพื่อที่จะป้องกันใบปัดจากสารซัลไฟต์ในอากาศ 5. มีความมั่นคง (Stability) ใบปัดต้องมั่นคง และไม่ยกขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้น
ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทันที ? ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทันทีเมื่อเกิดอาการดังต่อไปนี้ 1. เมื่อใบปัดปัดแล้วเกิดเส้นเป็นจำนวนมากหรือเป็นรอยมัว 2. เมื่อใบปัดปัดแล้วเกิดรอยเปื้อนขนาดใหญ่ 3. เมื่อใบปัดปัดแล้วยางสัมผัสไม่ดีกับผิวหน้ากระจก
การเก็บใบปัดน้ำฝน แบ่งออกได้เป็น 3 แบบดังภาพ
ที่มา : //www.phithan-toyota.com
สารบัญ รู้เรื่องรถ
Create Date : 04 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 13:46:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 12213 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|