Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
อยากให้รถหอม



การสำรวจอย่างไม่เป็นทางการ หรือการสำรวจด้วยตัวผมเอง พบว่าเจ้าของรถยนต์ชาวไทย
เป็นกลุ่มเจ้าของรถยนต์ที่มีความรักรถยนต์ของตนเองมากที่สุดในโลก
โดยมีข้อสังเกตจากการที่เจ้าของรถยนต์ชาวไทยส่วนใหญ่
โดยเฉพาะเจ้าของที่มีรถยนต์ใหม่ป้ายแดงเป็นของตนเองคันแรกในชีวิต

เจ้าของรถยนต์กลุ่มนี้ มักจะจ่ายเงินเพิ่มจากค่าตัวรถยนต์มาตรฐานทั่วไปอีก
ไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของราคาค่าตัวรถยนต์ เงินจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละสิบที่เพิ่มขึ้นมานั้น
เกือบทั้งหมดไม่ได้จ่ายเพิ่มเพื่อทำให้สมรรถนะ และประสิทธิภาพของรถยนต์ดีขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนใหญ่จะใช้ไปเพื่อทำให้เจ้าของรถเกิดความรู้สึกว่า รถยนต์คันใหม่ของตนเองมีความสวยงาม
และจ่ายให้กับเครื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และสร้างความเพลิดเพลินเสียมากกว่า

ปัจจุบันนี้ รถยนต์กว่าร้อยละเก้าสิบห้าที่วิ่งบนท้องถนนทั่วประเทศไทย
ล้วนแต่ได้รับการติดตั้งระบบปรับอากาศ เพื่อทำความเย็นในห้องโดยสารเข้าไปแล้วทั้งสิ้น
ปัญหาจากระบบปรับอากาศ จึงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจำนวนมากอีกประการหนึ่ง
ซึ่งคนที่มีหน้าที่ตอบปัญหาอย่างผม ต้องพลอยรับรู้และศึกษาหาวิธีการใช้งานเพื่อป้องกันความเสียหาย
และศึกษาหาข้อมูลสำหรับการแก้ไขซ่อมแซมเมื่อเกิดความเสียหาย
เพื่อคอยสนองตอบความต้องการในคำตอบของผู้ใช้รถไปด้วย

คุณอนรรฆพร ส่งอีเมลมาที่ pattanadesh@nationgroup.com
เพื่อถามผมเกี่ยวกับระบบปรับอากาศภายในรถ มีใจความว่า

ถาม ใช้รถยนต์ใหม่ป้ายแดงมาได้ 3 ปีแล้ว อยู่ๆ เกิดแอร์ไม่เย็นขึ้นมา
จึงเอารถไปให้ที่ศูนย์บริการเจ้าประจำตรวจเช็ค เขาบอกว่าต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์
ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นหมื่นบาท จึงนำรถกลับมาที่ร้านแอร์แถวบ้าน
(เป็นร้านเดียวกันกับที่คุณพัฒนเดชเคยแนะนำเมื่อหลายปีมาแล้ว และจดเบอร์โทรศัพท์เอาไว้)

ช่างที่ร้านแอร์บอกว่าถอดตู้แอร์มาล้างก็หาย เสียค่าใช้จ่ายไม่เกิน 2,500 บาท จึงตกลงให้เขาทำ
เสียเวลาไปประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ได้แอร์ใหม่เย็นฉ่ำสบายใจ แต่มีข้อสงสัยคือ ตอนที่ช่างถอดตู้แอร์มาล้าง
พบว่ามีคราบคล้ายแป้งเปียกเหนียวๆ ติดตามครีบตู้แอร์ ช่างบอกว่าเกิดจากการใช้น้ำหอมปรับอากาศ

จึงสงสัยว่าจริงหรือไม่ และหากต้องการให้รถไม่เหม็นอับ
จะทำอย่างไรหากน้ำหอมปรับอากาศ เป็นต้นเหตุให้แอร์เสียจริงตามที่ช่างบอกและตนเองได้เห็นมากับตา


ตอบ ผมมีความเห็นคล้อยตามกับที่ช่างบอกคุณ เพราะเท่าที่ได้รับทราบข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ
พบว่า รถยนต์ที่ใช้พิมเสน, การบูร หรือสารหอมระเหยอื่นๆ วางไว้ในห้องโดยสารเป็นประจำ
มักจะมีปัญหาเรื่องตู้แอร์ตันง่ายกว่ารถที่ไม่ใช้
และในทางการแพทย์ ก็มีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สารระเหยที่สามารถสูดดมทางจมูก
เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองที่เยื่อโพรงจมูก ทำให้โพรงจมูกบวม
และเกิดอาการคัดจมูกถาวรได้

ในสมัยที่ผมยังชมชอบการมีกลิ่นหอมในห้องโดยสาร ผมจะใช้น้ำหอมหรืออาฟเตอร์เชพกลิ่นที่ผมชอบ
เอามาหยดใส่ในสำลีที่ปั้นเป็นก้อน หรือหยดลงในก้นกรองบุหรี่ที่ยังไม่ได้ใช้
แล้วเอาสำลีหรือก้นกรองบุหรี่นั้น ไปจุกไว้ที่ช่องแอร์ช่องใดช่องหนึ่ง เมื่อเปิดแอร์ใช้งานขึ้นมาคราใด
ลมเย็นจากแอร์ที่พัดผ่านสำลีหรือก้นกรองบุหรี่ซึ่งชุบน้ำหอมเอาไว้
ก็จะพัดพากลิ่นหอมให้ลอยจรุงตามมาด้วยพอได้ชื่นใจ สักหนึ่งสัปดาห์ก็เปลี่ยนสำลีก้อนใหม่ครั้งหนึ่ง
เท่านี้ก็หอมจนอารมณ์ดีได้โดยไม่ต้องไปซื้อสารใดๆ มาวางในรถ

สำหรับหลายท่านที่ไม่ต้องการกลิ่นหอมใดทั้งสิ้น
ต้องการเพียงแค่ไม่ให้รถมีกลิ่นเหม็นอับขึ้นมาในห้องโดยสารเท่านั้น ก็ทำเพียงแค่
การเอาผ้ายางปูพื้นออกมาล้างทำความสะอาด ตากแดดให้แห้งก่อนใส่กลับเข้าไป สัปดาห์ละครั้ง
รื้อพรมปูพื้นออกมาตากแดดเดือนละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝน
หากอยู่ในช่วงที่ไม่โดนฝนหรือความอับชื้น อาจจะทำ 3 เดือน/ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว

* พยายามหาที่จอดรถที่ปลอดภัยกลางแสงแดด
แล้วเปิดบานประตูทั้งหมดออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้
โดยจอดรถให้มีมุม ซึ่งแสงแดดจะชอนไชเข้าไปในห้องโดยสารได้ลึกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อให้แสงแดดเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคและความอับชื้นออกไปจากห้องโดยสาร

* พึงหลีกเลี่ยงการขึ้นนั่งในรถขณะที่ตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไคล หรือหลังเล่นกีฬามาใหม่ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่มีเบาะเป็นผ้า หรือวัสดุสังเคราะห์จำพวกผ้าชนิดต่างๆ
หากจำเป็นก็ต้องจัดการทำให้พนักพิงเบาะ และพื้นรถแห้งสนิทเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังใช้รถ หลีกเลี่ยงการเอาผ้าเปียกๆ เช่น ผ้าเช็ดรถ, เสื้อผ้าที่เพิ่งผ่านการเล่นกีฬาและโชกไปด้วยเหงื่อ
ขึ้นไปในห้องโดยสารโดยไม่มีการห่อหุ้มอย่างมิดชิด

* หลีกเลี่ยงการนำเอารองเท้าผ้าใบที่มีกลิ่นเหม็นอับ ไปวางไว้ในห้องโดยสาร
หรือแม้แต่ในห้องเก็บของท้ายรถโดยไม่มีวัสดุห่อหุ้มให้มิดชิด

* และเมื่อนำเอาอาหารหรือสิ่งของที่มีความเปียกชื้น หรือมีกลิ่นรุนแรงเข้าไปในรถ
ต้องรีบขจัดกลิ่นและความชื้นทันทีหลังจากการใช้งาน
เพียงเท่านี้ รถของคุณก็จะไม่มีปัญหาเรื่องของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้วครับ


โดย พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ
ที่มา : //www.bangkokbiznews.com


สารบัญ รู้เรื่องรถ


Create Date : 01 พฤษภาคม 2554
Last Update : 1 พฤษภาคม 2554 15:11:06 น. 6 comments
Counter : 6632 Pageviews.

 
ทักทายยามบ่ายนะจ่ะ อากาศวันนี้มันดีมากๆๆๆๆๆ


โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:44:37 น.  

 
อ่านจบแล้วอยากเอารถไปตากแดดซะตอนนี้เลย..

ถึงหน้าฝนทีไร.. รถเหม็นอับทุกทีเลยค่ะ..


โดย: VELEZ วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:43:54 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:10:28:42 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:12:28:43 น.  

 


โดย: SassymOn วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:3:34:35 น.  

 
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆเกี่ยวกับรถและยางรถยนต์ที่นำมาให้อ่าน


โดย: ยางรถยนต์ (ภัควันต์ ) วันที่: 12 ตุลาคม 2556 เวลา:13:54:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.