Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
ขับรถลุยหินต้องขับอย่างไรจึงจะปลอดภัย...???



ในตอนที่แล้วๆ มายังไม่เคยกล่าวถึงการขับรถบนเส้นทางที่เป็นหินก้อนโตๆ เลย มีแต่หินลอยธรรมดาเท่านั้น
เพราะว่าในบ้านเรานั้นค่อนข้างหาเส้นทางที่เป็นหินได้น้อยมาก
เส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นทางดิน ซึ่งก็จะแปรสภาพไปตามฤดูกาล
โดยเฉพาะในฤดูฝนจากเส้นทางดินก็จะกลายสภาพเป็นโคลนลื่นๆ
เมื่อฤดูฝนผ่านไปหลายๆ ปี จากเส้นทางดินที่โดนฝนกัดเซาะ ผิวทางก็อาจจะมีหินที่อยู่ใต้ดินโผล่ขึ้นมา
กลายสภาพเป็นเส้นทางหินแทน ส่วนเส้นทางแบบธรรมชาตินั้น ในเมืองไทยที่ผมเห็นก็คงมีแถวๆ จ.หนองบัวลำภู
และ จ.อุดรธานี สมัย 10 ปีที่แล้ว มีชมรมจอมพลัง 4WD มีการจัดการแข่งขันแบบ JAMBOREE
ซึ่งเส้นทางเป็นธรรมชาติจะคล้ายกับพวกฝรั่งเขาในแถบๆ รัฐยูท่าห์-เนวาด้า-แคลิฟอร์เนีย
คือมันเป็นภูเขาหินซึ่งอยู่ในทะเลทราย สภาพหินเป็นก้อนใหญ่ๆ ติดแน่นอยู่กับพื้นดิน

การขับแบบนี้ความยากอยู่ที่การปีนหินที่มีความสูงชัน และมีผิวค่อนข้างลื่น
รถที่มีระบบล็อกเฟืองท้ายและเฟืองหน้า จะได้เปรียบการขับรถในเส้นทางแบบนี้
แต่ถ้ารถของท่านไม่มีระบบล็อกเฟือง ก็อยู่ที่ฝีมือและความใจถึงของท่านเอง

การขับรถ OFF ROAD ไม่ว่าเส้นทางจะเป็นแบบใด
มันมีเทคนิคขั้นพื้นฐานเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ๆ ได้ลองขับในเส้นทางแบบนี้เสมอ

นอกจากนี้องค์ประกอบต่างๆ อาทิ ยาง ลมยางของรถก็ถือว่ามีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน
ยางควรเป็นยางประเภทยางบั้งหรือที่เรียกกันติดปากว่า MUD TERRAIN
ซึ่งยางชนิดนี้จะช่วยในการตะกุย หรือปีนป่ายอุปสรรคได้ดีกว่ายางประเภท ALL TERRAIN
นอกจากนี้ลมยางก็ถือว่ามีส่วนสำคัญเช่นกัน ควรลดลมยางเพื่อเพิ่มหน้าสัมผัสให้กับยาง
รวมทั้งยางที่นิ่มขึ้นจะทำหน้าที่เป็นเสมือนช่วงล่างชุดที่สอง ลดการกระเด้งกระดอนอีกด้วย
แต่ก็ไม่ควรปล่อยลมยางจนมากเกินไป เพราะอาจจะหลุดขอบหากว่าเราไม่ใส่ยางใน

นอกจากนี้ความสูง-ต่ำของรถก็ถือว่ามีส่วนสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะหากว่ารถที่มีการตกแต่งและโมดิฟายช่วงล่าง
เปลี่ยนโช้คอัพ เปลี่ยนแหนบหรือสปริง ก็จะได้เปรียบรถแบบสแตนดาร์ด

เอาล่ะครับต่อไปก็มาถึงเรื่องของการขับ ต้องเริ่มจากท่านั่ง ควรจัดท่านั่งให้มั่นคง
ลองทดสอบจับพวงมาลัย-คันเกียร์-ทดลองเหยียบเบรก-คลัตช์-คันเร่ง เพื่อใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว
และอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย

การจับพวงมาลัย
นักขับรถ OFF ROAD รุ่นเก่าๆ ส่วนใหญ่นิยมใช้เทคนิคการจับพวงมาลัยแบบนี้คือ
เมื่อท่านจับพวงมาลัย พยายามให้นิ้วทั้ง 10 กำอยู่บนขอบด้านนอกของพวงมาลัย
อย่าใช้นิ้วโป้ง กำใต้ขอบพวงมาลัย
เทคนิคนี้รวมถึงการเลี้ยวด้วย เช่น เมื่อท่านทำการเลี้ยว อย่าสอดมือเข้าไปภายในพวงมาลัย ใ
ห้ท่านเลี้ยวโดยจับพวงมาลัยแต่ด้านขอบนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เหตุผลเพราะในเส้นทาง OFF ROAD นั้น
ผิวทางมีความต่างระดับกันมาก ในบางครั้งล้อจะกระทบกับสิ่งกีดขวางต่างๆ อาจเป็น หิน ขอนไม้ หรือหลุม
การที่ล้อกระทบกับสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้ล้อบิดเลี้ยวอย่างรุนแรง
อันส่งผลให้พวงมาลัยตีกลับจนทำให้นิ้ว และข้อมือของท่านซ้นหรือหักได้

ควรศึกษาตำแหน่งของอุปสรรคที่อยู่ใต้ท้องรถ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ห้อยต่ำมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ เฟืองหน้า
เฟืองท้าย ถังน้ำมันเชื้อเพลิง และเกียร์ 4WD เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญต่อระบบขับเคลื่อนทั้งสิ้น
ควรจำตำแหน่งของอุปกรณ์เหล่านี้ให้ได้
เพราะสิ่งกีดขวางสูงๆ อย่างก้อนหินใหญ่ๆ จะเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์เหล่านี้

การ เร่งเครื่องยนต์
พยายามอย่าเร่งเครื่องยนต์มากเกินความจำเป็น ค่อยๆ เหยียบคันเร่งอย่างนิ่มนวลช้าๆ
เพื่อไม่ให้ล้อหมุนฟรี ในกรณีที่เป็นพวกหิน การที่ล้อหมุนฟรีจะทำให้ดอกยางเกิดความเสียหายได้มาก
ถ้าเป็นทางทราย หรือทางโคลนก็จะทำให้รถจมลึกมากยิ่งขึ้น


การเบรก
ควรเบรกล่วงหน้าก่อนที่จะถึงสิ่งกีดขวาง พยายามเบรกอย่างนุ่มนวล อย่าเบรกอย่างรุนแรงกะทันหัน
เพราะจะทำให้ล้อล็อกตาย จนเกิดอาการลื่นไถลรถเสียการทรงตัว จนยากแก่การควบคุม

ใน กรณีที่รถเสียการทรงตัว และเป็นรถเกียร์ออโต้
ควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกอย่างนุ่มนวล ส่วนเท้าขวาให้เหยียบคันเร่งเหมือนเดิม เทคนิคนี้จะทำให้ล้อไม่ล็อกตาย
ส่วนรถเกียร์ธรรมดาใช้เทคนิคนี้ได้เหมือนกัน แต่ต้องมีการฝึกฝนมากพอสมควร

การรักษาระยะห่างของรถแต่ละคัน ควรรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าประมาณ 20 เมตร (ในทางราบ)
ส่วนในทางที่ต้องขึ้น-ลงเขา ควรให้รถคันหน้าขับถึงด้านบนก่อน แล้วจึงตามขึ้นไป


การที่ต้องทิ้งระยะห่างในทาง OFF ROAD นั้น

ประการแรก เพื่อให้ท่านได้มองเห็นสภาพเส้นทางและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

ประการต่อมาคือ เมื่อรถคันแรกเจออุปสรรคจนไม่สามารถขับไปข้างหน้าได้ จนต้องทำการถอยหลังมา
เพื่อหาไลน์ใหม่ จะมีพื้นที่ว่างในการถอยหลัง ซึ่งในบางครั้งจะต้องทำการถอยหลังในทันทีอย่างรวดเร็ว
ในกรณีนี้ถ้าท่านขับรถชิดเกินไปอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ประการที่สาม ในทางขึ้นเขาที่เป็นหิน
รถคันหน้าอาจทำให้เกิดก้อนหินหลุดลงมา ทำความเสียหายแก่รถที่ตามหลังมาได้ ในกรณีลงเขาก็เช่นกัน
ท่านต้องให้รถคันหน้าเดินทางลงจนพ้นทางลงเขา แล้วจึงค่อยๆ ขับลงตามไป


ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้ เป็นเพียงพื้นฐานเบื้องต้นในการขับรถ OFF ROAD เท่านั้น
ท่านควรอ่านทำความเข้าใจ และจำให้ขึ้นใจ เพราะมีอุปสรรคอื่นๆ อีกมากมายให้ท่านได้ศึกษา
และหาความชำนาญ ค่อยๆ เรียนรู้

จงจำไว้ การขับรถ OFF ROAD นั้น มีหลักใหญ่ๆ อยู่ 3 ประการ
1. ให้ล้อหมุนอย่างสม่ำเสมอคงที่
2. อย่าให้ล้อล็อกตาย
3. อย่าประมาทโดยเด็ดขาด



ที่มา ://www.siammotorist.com/news_view.php?id=246


สารบัญ ความรู้เรื่องรถ
คลิกดู ที่นี่ค่ะ



Create Date : 11 ธันวาคม 2552
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 19:42:56 น. 0 comments
Counter : 1256 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.