รู้ได้อย่างไร เมื่อป่วยทางจิต
การเจ็บป่วยทางจิตได้ก้าวเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของบุคคลนั้นๆ อาจมีคำถามว่าจะทำอย่างไร เมื่อต้องเผชิญกับการเจ็บป่วยทางจิตที่เกิดขึ้น แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะอยู่กับโรคจิตนั้นอย่างไร ที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ของตนเอง ครอบครัว และชุมชนให้น้อยที่สุดยิ่งไปกว่านั้น
บุคคลที่ป่วยทางจิตจะสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้เท่าเทียมกับผู้อื่น รวมถึงการได้รับการปฏิบัติจากคนในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งการจะอยู่อย่างไร เมื่อป่วยทางจิตนั้นเป็นประเด็นที่น่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง
สิ่งที่สำคัญที่ทุกคนควรตระหนักและถือเป็นหลักปฏิบัติ 4 ข้อด้วยกัน ดังนี้
1.ผู้ที่เป็นโรคจิตมีโอกาสเสี่ยงต่อการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมเดิมที่ทำให้ป่วยซ้ำอีก ดังนั้นญาติผู้ดูแล ควรตระหนักถึงความเปราะบางง่ายต่อการเจ็บป่วยซ้ำของผู้ที่เป็นโรคจิต
2.หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ 3 ลักษณะดังนี้ - การเพิ่มความขัดแย้ง และการวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างบุคคลต่อหน้าผู้ที่เป็นโรคจิต - การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ที่เป็นโรคจิตมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือทางลบ - การตัดขาดจากเครือข่ายทางสังคมของตนเอง
3.การลดความคาดหวัง ญาติผู้ดูแลควรเข้าใจธรรมชาติของโรคจิตเวชว่า ผู้ที่เป็นโรคจิต มักจะมีอาการซึม เฉย ไม่กระตือรือร้น หรือมักจะนอนมากเกินไป ดูเหมือนไม่ขยันเท่าที่ควร ญาติผู้ดูแลไม่ควรคิดว่าผู้ที่เป็นโรคจิตนั้นแกล้ง ควรให้ความเข้าใจและยอมรับสภาพ และให้การช่วยเหลือด้วยความรัก ความเมตตา เอาใจใส่ และความสม่ำเสมอ โดยการช่วยกระตุ้น บอก เตือน ยึดหลักของความผ่อนปรน เนื่องจากการกระตุ้นที่มากเกิน ไปหรือน้อยเกินไปในผู้ที่เป็นโรคจิตทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี นั่นเอง
ญาติผู้ดูแลควรจะเรียนรู้จังหวะให้ดี เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคจิตและญาติผู้ดูแล ซึ่งหลักของการกระตุ้นผู้ที่เป็นโรคจิต มีหลักง่ายๆดังนี้ - การยอมรับผู้ที่เป็นโรคจิต - จู้จี้หรือบ่นให้น้อยที่สุด - อย่ากระตุ้นผู้ที่เป็นโรคจิตมากเกินไป - อย่าแสดงความกระตือรือร้นต่อผู้ที่เป็นโรคจิตมากเกินไป
4.การสร้างเครือข่ายทางสังคม ผู้ที่เป็นโรคจิตและครอบครัวมักแยกตัวออกจากสังคม ทำให้ มีเครือข่ายทางสังคมค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ไม่สามารถพูดระบายถึงความเจ็บป่วยของผู้ที่เป็น โรคจิตได้ ทำให้ครอบครัวเกิดความเครียดได้ง่าย ขาดแหล่งสนับสนุนทางสังคม แต่หากครอบ ครัวมีการติดต่อกับสังคมภายนอก มีความอิสระจะทำให้ช่วยลดความตึงเครียดและสามารถ ขยายเครือข่ายและแหล่งช่วยเหลือทางสังคมให้กว้างขวางขึ้น
รูปแบบการติดต่อภายนอกครอบครัวที่แนะนำประกอบด้วย - การพูดคุยเกี่ยวกับความไม่สบายใจ ความตึงเครียด ความต้องการ การได้รับการประคับ ประคอง การให้กำลังจากบุคคลอื่น
- การใช้ความสามารถส่วนบุคคล การเสียสละและความสามารถในการทำงานร่วมกับบุคคลอื่น เพื่อคงไว้ซึ่งการยกย่อง และนับถือตนเอง
จากข้อแนะนำทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หากญาติผู้ดูแลและสมาชิกในครอบครัวสามารถนำไปปฏิบัติได้ ก็จะทำให้ญาติผู้ดูแลและผู้ที่เป็นโรคจิตอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุขตลอดไป "คนไม่ใช่หุ่นยนต์ ต้องการความรักความเข้าใจ"
Create Date : 26 มกราคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2552 9:33:00 น. |
Counter : 943 Pageviews. |
|
|
|