Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
รอบรู้เรื่องของ "ผม"



สภาพของผมแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงต้องดูแลรักษาต่างกันไปด้วย
โดยปกติสภาพผมของคนเราจะแบ่งออกได้ดังนี้คือ

* ผมธรรมดา คือผมที่มีน้ำมันและน้ำหล่อเลี้ยง ในส่วนหนังศีรษะและเส้นผมอย่างเพียงพอ
จึงทำให้ผมมีน้ำหนักและเงางามตามธรรมชาติ
ผมธรรมดาไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพียงแค่รู้จักทำความสะอาดผมและหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อขจัดสิ่งสกปรก และรักษาน้ำมันและน้ำหล่อเลี้ยงที่สำคัญตามธรรมชาติก็เพียงพอ

* ผมแห้ง มักเกิดจากการที่รากและบริเวณรอบๆ ของเส้นผมขาดน้ำมันและน้ำหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ
จึงทำให้ผมมีลักษณะกรอบ ฟู เปราะ จัดทรงยาก ขาดและแตกปลายง่าย
นอกจากผมแห้งจะเกิดได้ตามธรรมชาติแล้ว อาจเกิดจากการความเครียด การดัดผม การทำสีผม
และการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมและหนังศีรษะบางชนิดอีกด้วย
คนผมแห้งจึงไม่ควรสระผมบ่อยๆ และไม่ใช้แชมพูที่ผสมสารเคมีรุนแรง

* ผมมัน คือสภาพผมที่มีน้ำมันหล่อลื่นตามธรรมชาติมากเกินไป
ทำให้ผมมีสภาพลีบติดศีรษะเหนียวเหนอะหนะ ไม่เงางาม จัดทรงยาก
จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดผมบ่อยกว่าผมประเภทอื่นเพื่อขจัดสิ่งสกปรก
และช่วยควบคุมน้ำมันส่วนเกินบนหนังศีรษะและเส้นผมไปในตัว



โรคของผม

รังแค
สาเหตุ : มักเกิดจากการใช้แชมพูที่มีสภาพความเป็นกรด-ด่างมากเกินไป ความเครียดจากการทำงาน เชื้อรา
สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง การกินอาหารที่ผิดสุขลักษณะ เช่นอาหารรสจัด แป้ง ไขมัน
การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบางชนิด เป็นต้น

อาการ : สามารถแบ่งประเภทของรังแคได้สองประเภทคือ
1. รังแคหนังศีรษะแห้ง (Dry Scalp) ซึ่งจะทำให้ผิวหนังศีรษะแห้งมาก
ฝุ่นผงที่เห็นจะมีลักษณะเป็นผงเล็กๆ สีขาวเกิดขึ้นบนผมและหนังศีรษะ ทำให้รู้สึกคันมาก
2. รังแคหนังศีรษะมัน (Oily Scalp) รังแคประเภทนี้จะทำให้หนังศีรษะมันมากกว่าปกติ
ซึ่งเกิดจากต่อมไขมันปล่อยน้ำมันออกมามากเกินไป จนทำให้เชื้อราบนหนังศีรษะ เจริญเติบโตได้ดี
ทำให้เกิดการแบ่งตัว และหลุดลอกออกมาเป็นขุย มีลักษณะเหนียว เป็นสีเหลือง และมีกลิ่น
มีอาการอักเสบเป็นผื่นแดง และคัน

การป้องกัน :
รักษาความสะอาดสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมอยู่เสมอ
เลือกใช้แชมพูที่มีค่าความเป็นกรด-ด่างไม่แรงเกินไป งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ผสมสารเคมีรุนแรง
เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม อาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินอี เป็นต้น


ผมร่วง
คนที่มีผมร่วงมากกว่า50-100 เส้น ถือว่าผมและหนังศีรษะมีความผิดปกติ
สาเหตุ : ของอาการผมร่วงเกิดได้หลายประการไม่ว่าจะเป็น ความเครียด กรรมพันธุ์ อายุที่เพิ่มมากขึ้น
การติดเชื้อ เช่น เชื้อรา หรือแม้กระทั่งการใช้สารเคมีที่รุนแรงบางชนิด เป็นต้น

การป้องกัน : ไม่ควรใช้แชมพูที่มีความเป็นด่างมากเกินไป
(สังเกตได้จากมีฟองมากผิดปกติ หลังสระผม เมื่อเอามือถูเส้นผมแล้วรู้สึกหนืด)
หลังการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ควรสระผมให้สะอาด
ไม่ควรรวบหรือเกล้าผมให้ตึงเกินไป เพราะจะทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

การรักษา : ปัจจุบันการรักษาอาการผมร่วง แพทย์มักจะให้ยากินและยาทา
ซึ่งหากทานยานานเกิน 6 เดือนมักจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา เช่นรู้สึกคันหนังศีรษะ และเป็นผื่นแดง
หรือมีอาการดื้อยาและ เมื่อหยุดกินยาแล้วผมก็จะร่วงเหมือนเดิม เป็นต้น


เชื้อราบนหนังศีรษะ

สาเหตุ : มักเกิดจากความสกปรก การหมักหมมของเหงื่อไคลบนหนังศีรษะ และความชื้น
การสระผมแล้วปล่อยให้ผมแห้งเองโดยไม่มีการเป่าให้แห้งก่อนนอน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง

อาการ : สังเกตได้จากหนังศีรษะจะมีรอยสีแดงขึ้นเป็นหย่อมๆ หากมีอาการอักเสบมากๆ
อาจมีน้ำเหลืองไหลออกมา และหนังศีรษะตกสะเก็ด
นอกจากนั้นเชื้อรายังทำให้เส้นผมสูญเสียความสมดุล หักครึ่งและหลุดร่วงได้ง่ายอีกด้วย

การป้องกัน :
หมั่นรักษาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้สะอาดอยู่เสมอ
หลังสระผมทุกครั้ง ควรหวีผมและเป่าให้แห้ง
ไม่ควรนอนหลับโดยที่ผมยังไม่แห้ง เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อเชื้อราซึ่งทำให้ผมร่วงได้


สะเก็ดเงิน
สาเหตุ : เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากระบบภูมิต้านทานในร่างกายอ่อนแอผิดปกติ
อาการ : มักจะมีอาการคัน เจ็บ บางรายอาจมีอาการอักเสบร่วมด้วย
การรักษา : ขณะนี้วงการแพทย์ยังไม่สามารถรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาดได้
แต่สำหรับในกรณีของผู้ที่เป็นไม่มาก อาจรักษาโดยการใช้ยาเพื่อลดอาการอักเสบ
และชะลอการแบ่งเซลล์ของผิวหนังเท่านั้น



สารพัดสารเคมีอันตราย ทำร้ายผม

แชมพู
มีส่วนผสมสำคัญที่เป็นอันตรายต่อหนังศีรษะและเส้นผม เช่น สารลดแรงตึงผิว
แชมพูแทบทุกยี่ห้อในท้องตลาดมักจะใช้สารเคมีชื่อโซเดียม ลอริล ซัลเฟต หรือ SLS
(สารชะล้างราคาถูก ใช้ผสมในเจลอาบน้ำ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างรถ น้ำยาขัดพื้น เป็นต้น)
เป็นส่วนผสม ทั้งนี้เพราะสารเคมีชนิดนี้ทำให้มีฟองมาก
จึงทำหน้าที่ในการชะล้างสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน ที่ติดอยู่บนเส้นผมได้หมดจด
แต่ความจริงแล้ว สารลดแรงตึงผิวชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้กับเส้นผม
เนื่องจากมีฤทธิ์ในการทำลายกระบวนการป้องกันผิวตามธรรมชาติของเรา ซ้ำยังทำให้เกิดผดผื่นคัน ผิวแห้ง
อีกทั้งหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อาจตกค้างอยู่ในผิวหนังจนเป็นอันตรายได้

ซิลิโคน (Silicone)
เป็นสารเคมีที่ทำให้ผมมีความลื่นเป็นมันวาว เป็นสปริง หวีง่าย
โดยซิลิโคนจะทำหน้าที่คล้ายฟิล์มพลาสติกบางๆ เคลือบเส้นผมบนหนังศีรษะของเราไว้
เวลาหวีจึงให้ความรู้สึกว่าผมสลวย ซึ่งในขณะเดียวกันสารซิลิโคน จะเข้าไปตกค้างอุดตันในรูขุมขนบนหนังศีรษะ
ทำให้เซลล์ผมทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ หลุดร่วงได้ง่าย ทำให้มีปัญหาเรื่องการขับเหงื่อตามมา

ครีมทำสีผม
โดยมากจะมีส่วนผสมของสารฟอกและกัดสีผมจำพวกไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และแอมโมเนีย
ซึ่งสารเคมีสองชนิดนี้เป็นตัวการสำคัญ ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบนหนังศีรษะ
และอาการแพ้เป็นผื่นคันตรงบริเวณที่สัมผัสกับน้ำยา เช่น ต้นคอ หน้าผาก ไรผม ซอกหู เป็นต้น
บางรายอาจมีอาการแพ้รุนแรงถึงขั้นหายใจขัดได้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการย้อมผมบ่อยๆ ในระยะยาวจะส่งผลให้ผมแห้ง แตกปลาย หักง่าย เปราะบางไม่มีน้ำหนัก
และทำให้หนังศรีษะแห้งจนเป็นรังแคได้อีกด้วย

น้ำยาดัดผม / ยืดผม
สำหรับการดัดผมและยืดผม อาศัยหลักการง่ายๆ คล้ายกันคือ
การใช้สารเคมีเข้าไปทำลายการยืดหยุ่นของเส้นผม ในส่วนที่เรียกว่าไดซัลไฟด์บอนด์
ซึ่งเมื่อผมถูกทำลายเรียบร้อยแล้วก็จะสามารถจัดทรงได้ตามต้องการ ก่อนที่จะเติมน้ำยาคงสภาพลงไปอีกรอบ
ผลเสียที่เห็นได้ชัดเจนจากการดัดและการยืดผมคือ หากทิ้งน้ำยาดัดหรือย้อมไว้นานเกินไป
ความเป็นด่างของสารเคมีจะทำให้ผมเสียมากขึ้น อีกทั้งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะได้
หากจำเป็นต้องทำสีผม เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพหนังศีรษะควรเลือกใช้น้ำยาชนิดอ่อน
และไม่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงต่อหนังศีรษะ

ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
ไม่ว่าจะเป็นเจลใส่ผม ครีม มูส โลชั่น
ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเหล่านี้มักจะผสมแอลกอฮอล์ น้ำหอม และเติมสีลงไปเพื่อให้เกิดความสวยงาม
หลังใช้ไปได้สักระยะ ผู้ใช้อาจเป็นผื่นแดง บวม รู้สึกคัน และเกิดการระคายเคืองได้

แฮร์โคต
น้ำมันบำรุงผมประเภทแฮร์โคตมักมีส่วนผสมของสารเคมีที่สำคัญคือ ซิลิโคน ซึ่งจะไปเคลือบเส้นผมไว้ให้นุ่มลื่น
หวีง่ายหลังการใช้ แต่ในขณะเดียวกันก็จะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนบนหนังศีรษะ
และหากใช้ในระยะยาวอาจทำให้เกิดผมร่วงตามมา และเป็นสิวได้
ความจริงแล้วผมของคนเรา มีน้ำมันตามธรรมชาติหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื่นอยู่แล้ว
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมประเภทนี้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

การหนีบผม / ไดร์ผม
การหนีบและการใช้ลมร้อนเป่าผม เป็นการทำลายเส้นผม ทำให้ผมแห้งกรอบ และแตกปลายเพิ่มมากขึ้น
ด้วยความที่ส่วนประกอบหลักของเส้นผมเป็นโปรตีน ซึ่งจะเปลี่ยนสภาพทันทีเมื่อถูกความร้อน
การหนีบผม หรือไดร์ผมจึงเป็นเหมือนการกระตุ้นให้ผมเสียสภาพเร็วขึ้น
ดังนั้นหากไม่จำเป็นไม่ควรหนีบผมบ่อยๆ


รักผม.. มาดูแลผมกันเถอะ
นอกจากจะต้องระมัดระวัง ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษแล้ว
คนรักผมทั้งหลายก็ควรให้ความสำคัญ กับการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะควบคู่ไปด้วย

● ควรสระผมด้วยแชมพูที่มีค่าความเป็นกรด-ด่างไม่สูงเกินไป (ค่า pH ไม่เกิน 12 )
● ไม่ควรใช้อุ่นในการสระผม เพราะความร้อนจะทำให้โปรตีนในเส้นผมสูญเสียสภาพ
● ไม่ควรถู หรือขยี้ผมในขณะเปียกด้วยผ้าขนหนูแรงๆ เพราะจะทำให้ผมอ่อนที่กำลังงอกใหม่ๆ หลุดร่วงได้ง่าย
ควรปล่อยผมให้แห้งเอง โดยการซับเบาๆ หรือใช้พัดลมเย็นเป่าให้แห้ง
และไม่ควรหวีผมแรงๆ หรือถูนวดศีรษะอย่างแรงเพราะจะทำให้หนังศีรษะถลอกได้

● ควรหวีผมด้วยหวีไม้หรือหวีที่ทำจากเขาควาย เพื่อให้ไม่เกิดไฟฟ้าสถิตเวลาหวีผม และไม่รัดผม รวบผม
หรือถักเปียจนแน่นเกินไป เพราะจะทำให้ผมร่วงได้ง่าย

● หลีกเลี่ยง ความเครียด แสงแดดจัด หรือสารเคมีรุนแรงเช่น น้ำที่มีคลอรีนสูง น้ำยาย้อมผม
หรือแชมพูที่ผสมสารก่อฟองที่ระคายเคืองมาก

● ไม่ควรนอนหมอนสูง หรือยกเท้าสูงกว่าหนังศีรษะ เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงหนังศีรษะได้ไม่สะดวก


ข้อมูลโดย : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 189
ที่มา : //www.cheewajit.com
ภาพจาก : //www.myhairstylingtools.com


สารบัญสุขภาพ



Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 12:23:20 น. 0 comments
Counter : 1411 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.