โรคปวดเข่าในผู้สูงอายุ
อาการปวดเข่าพบได้บ่อยในผู้ที่มีน้ำหนักมากเกินไปและในคนสูงอายุ เพราะว่าขณะที่เดิน หัวเข่าจะเป็นส่วนที่รับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย ถ้าร่างกายอ้วนมาก น้ำหนักที่มากก็จะลงไปที่หัวเข่าจะทำให้เกิดปวดเข่าได้
ระยะแรกจะรู้สึกปวดทั่ว ๆไปที่บริเวณเข่า ต่อมาจะปวดไปที่บริเวณขาส่วนล่าง และจะพบว่ามีอาการบวมรอบ ๆ ข้อเข่าได้ สาเหตุเนื่องจากภายในข้อเข่าจะมีกระดูกรูปครึ่งวงกลม 2 อันอยู่ที่ด้านนอกและด้านในของหัวข้อเข่า ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันการเสียดสีและทำให้ข้อไม่หลวม กระดูกอ่อนรูปครึ่งวงกลมนี้ อยู่ระหว่างกระดูกต้นขากับกระดูกส่วนล่าง ถ้าเกิดการอักเสบบริเวณนี้เรียกว่า ข้อเข่าอักเสบ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเข่ามีด้วยกันหลายอย่าง เช่น ข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ และมีน้ำหนักมากเกินไปเกิดจากอุบัติเหตุเช่น เล่นกีฬา หกล้มหรือได้รับแรงกระแทกรุนแรง
ข้อปฏิบัติสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาปวดเข่า ● ออกกำลังกายโดยการบริหารเข่าในท่าที่เหมาะสมสม่ำเสมอวันละประมาณ 30 นาที ● หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ปวดเข่า เช่น การยืนนาน ๆ การนั่งคุกเข่า นั่งขัดสมาธิ ● ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน ● รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทุกหมู่ และรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเช่น ปลาเล็กปลาน้อย นม ● ให้ร่างกายได้รับแสงแดดในตอนเช้า ๆ ● หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด ● การมีอิริยาบถหรือท่าทางที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน ● ระมัดระวังการหกล้ม ในผู้สูงอายุควรทำการบริหารข้อเข่า เพื่อช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อบริเวณหัวเข่ามีความแข็งแรง ป้องกันการเสื่อมของข้อเข่ามากขึ้นและเป็นการลดอาการปวดข้อเข่า (ในรายที่มีปัญหาปวดหัวเข่า)
ท่าบริหารข้อเข่า คือ
1. ท่าเกร็งกล้ามเนื้อเข่า วิธีปฏิบัติ คือนั่งในท่าหลังตรงมือทั้งสองข้างจับเก้าอี้หรืออาจวางมือที่ต้นขา เหยียดเข่าข้างซ้ายให้ขาตรง แล้วค่อย ๆยกขาขึ้นและพยายามเกร็งกล้ามเนื้อหัวเข่าให้อยู่ในท่านี้นานประมาณ 5 - 20 วินาที (อาจนับ 1 - 20 อย่างช้า ๆ) หลังจากนั้นค่อย ๆ พักขาลง เริ่มเหยียดข้อเข่าขวาและบริหารด้วยวิธีเดียวกัน ทำสลับกันข้างละ 5 - 10 ครั้ง
2. ท่ายกเข่าขึ้นลง วิธีปฏิบัติ คือนั่งในท่าหลังตรง วางฝ่ามือทั้งสองบนต้นขาทั้งสองข้าง ค่อย ๆยกเข่าขวาชันสูงในระดับพอควรอย่างช้า ๆ สลับยกเข่าซ้ายในวิธีเดียวกัน ทำเช่นนี้ประมาณ 5 - 10 ครั้ง
หากท่านผู้สูงอายุ สามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย จะทำให้สุขภาพของท่านแข็งแรงขึ้น ทั้งนี้ต้องประกอบกับการดูแลตนเองทางด้านโภชนาการ และการหมั่นมาตรวจสุขภาพ ทำจิตใจให้ผ่องใสจะทำให้สามารถชะลอความเสื่อมของร่างกายได้
บทความโดย เวธกา กลิ่นวิชิต ที่มา : //www.uniserv.buu.ac.th ภาพจาก : //www.sciencedaily.com
สารบัญสุขภาพ
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551 |
Last Update : 25 เมษายน 2553 18:15:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1058 Pageviews. |
|
|
|
|
|