พิชิตภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วย “ท่านอนเอนหลัง 30 องศา”
นักกายภาพบำบัด ม.หัวเฉียวฯ แนะท่านอนหงายเอนหลัง 30 องศา ช่วยลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สาเหตุไม่สดชื่นหลังตื่น เหตุพบชายไทย 65% มีอาการดังกล่าวแล้ว
ไม่ว่าใครก็คงเคยนึกขำเพื่อนหรือสมาชิกในครอบ ครัว โดยเฉพาะที่เป็นเพศชายและ “นอนกรน” มาบ้างแล้ว ซึ่งการนอนกรนเป็นผลมาจากทางเดินหายใจตีบลง จนบีบให้มีเสียงหายใจดังๆ เล็ดลอดออกมา ทว่าสิ่งที่ติดตามมาด้วยคือ “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ที่ดูน่ากลัวกว่าแค่เสียงกรนธรรมดาๆ มาก
งานวิจัย “ท่านอนที่มีผลต่อการไหลเวียนอากาศขณะตื่นในชายไทยสุขภาพดี” จึงช่วยตีแผ่ปัญหาและหาท่านอนที่เหมาะสม ลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับให้แก่ผู้มีความเสี่ยงได้
อาจารย์ สุนทรี ชยาวัชรกุล คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า ชายไทยกว่า 65% มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โดยสาเหตุหลักมาจากทางเดินหายใจถูกอุดตันให้ตีบลง ขณะนอนหลับแบบไม่รู้ตัว หรือที่เรียกว่า “ภาวะต้านการหายใจ” ทำให้ผู้ป่วยต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพื่อหายใจเป็นระยะๆ
ผลร้ายของมัน คือ ทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มอิ่ม ไม่สดชื่น ง่วงกลางวัน เวียนศีรษะ หงุดหงิดง่าย และอาจเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตแทรกซ้อนตามมา ซึ่งมองผิวเผินอันตรายของมันอาจไม่ถึงแก่ชีวิตโดยตรง แต่ก็มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่สำคัญตามมาได้
อาจารย์ สุนทรี เล่าว่า ทีมวิจัยจึงได้ทดสอบภาวะต้านการหายใจขึ้นในกลุ่มตัวอย่างเพศชาย 30 คน อายุ 18 -24 ปี โดยไม่เป็นผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ ไม่ได้เป็นนักกีฬาซึ่งมีปอดแข็งแรงกว่าคนปกติ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่ได้รับประทานยาในช่วงทดสอบ และไม่มีประวัติการนอนกรน มาทดสอบขณะตื่นอยู่
ทั้งนี้มีสมมติฐานที่เชื่อถือได้ว่า ระบบการทำงานของทางเดินหายใจขณะตื่น จะมีประสิทธิภาพดีกว่าตอนนอนหลับอย่าง แน่นอน เพราะผู้ทดสอบยังมีสติคอยกำกับและระบบกล้ามเนื้อยังทำงานอยู่เต็ม ประสิทธิภาพ แต่การทดสอบขณะตื่นก็เพียงพอที่จะส่อให้เห็นแนวโน้มความผิดปกติ ที่จะเพิ่ม มากขึ้นขณะนอนหลับได้
“เราจะเก็บข้อมูลความดันอากาศและอัตราการไหล เวียนของลมหายใจ เพื่อคำนวณภาวะต้านการหายใจ โดยต่อท่อให้กลุ่มตัวอย่างหายใจเฉพาะทางปากเท่านั้น จากนั้นจึงตรวจวัดค่าและแสดงผลผ่านชุดคอมพิวเตอร์ในที่สุด โดยเปรียบเทียบกันในท่านอน 4 ท่าคือ ท่านอนหงายเอน 30 องศา ท่านอนหงายราบกับพื้น ท่านอนตะแคงซ้าย และท่านอนตะแคงขวา ท่าละ 5 -10 นาที” นักวิจัยกล่าว
สำหรับผลวิจัย อาจารย์สุนทรี กล่าวว่า ท่านอนหงายเอนหลัง 30 องศาจะเป็นท่านอนที่มีภาวะต้านการหายใจน้อยที่สุด รองลงมาคือการนอนตะแคงซ้ายและนอนตะแคงขวาที่ได้ผลไม่ต่างกันมากนัก ส่วนการนอนหงายราบกับพื้น ที่จะเป็นท่านอนที่ภาวะต้านการหายใจมากที่สุด
“ผล วิจัยนี้เชื่อว่า จะนำไปสู่การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ในกลุ่มเสี่ยงได้ และช่วยลดการเกิดอาการดังกล่าวในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากนัก ขณะที่ผู้ป่วยที่มีอาการมากแล้วจะต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยตรง” อาจารย์สุนทรี เผย
ส่วนอีก 3 นักวิจัยร่วมโครงการ คือ ดร.วรรธนะ ชลายนเดชะ คณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว ดร.รุ่งชัย ชวนไชยะกุล วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา และ อาจารย์สุเมธี รนังกุล โครงการจัดตั้งอุปกรณ์ชีวการแพทย์ ซึ่งทั้งหมดมาจากมหาวิทยาลัยมหิดล
“การนอนหงายเอนหลัง 30 องศานี้ ควรนอนหนุนด้วยหมอนที่ไล่ระดับลงมาจากส่วนที่หนุนศีรษะที่สูงที่สุด ไปยังต้นคอและไหล่ โดยควรมีหมอนใบเล็กรองรับข้อพับเข่าอีกใบหนึ่ง เพื่อรักษาไม่ให้กระดูก สันหลังคดงอ” นักวิจัย คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ แนะทิ้งท้าย
ที่มา : //www.sudipan.net ภาพจาก : //www.healthjockey.com
สารบัญ บทความ สุขภาพ คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 03 เมษายน 2553 |
Last Update : 3 เมษายน 2553 11:33:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1558 Pageviews. |
|
|
|
|
|