Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
นอนกรน อย่านอนใจ



แพทย์เตือนรอบคอใหญ่เกินเกณฑ์ เสี่ยงสารพัดโรค
ศ.นพ.ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ แพทย์จากศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จ.นครนายก
บอกว่า หญิงที่มีรอบคอเกินกว่า 15 นิ้ว และชายที่มีรอบคอใหญ่กว่า 17 นิ้ว
เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคนอนกรนได้ พอๆ กับคนที่มีต่อมทอนซิลโต และจมูกอักเสบเนื่องจากโรคภูมิแพ้

"เหตุที่คนเจ้าเนื้อมักเป็นโรคนอนกรนมากกว่าคนปกติ เพราะว่าเนื้อที่มากเกินความจำเป็น
จะบดบังช่องคอให้แคบลงสาเหตุที่พบมักมาจากต่อมทอลซิลโต ลิ้นโต
เพดานอ่อน หย่อนยาน จมูกอักเสบจากภูมิแพ้
กะโหลกศีรษะและคางผิดปกติทำให้ช่องลมในคอแคบลง รวมถึงฮอร์โมนบางตัวผิดปกติ เช่น ฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ลดลง
หรือต่อมใต้สมองผลิตฮอร์โมนมากกว่าปกติ"แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุ โสต ศอ นาสิก ลาลิงซ์วิทยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ สาธยายเหตุปัจจัยยาวเป็นหางว่าว

หากจะแยกแยะระดับความรุนแรงของโรคนอนกรน เช็คง่ายๆ
เพียงดูว่านอนท่าไหนแล้วกรนบ้าง ถ้าแค่นอนหงายแล้วกรน
นี่ยังไม่เท่าไรอยู่ในระดับไม่รุนแรงอาจแก้ปัญหาโดยเปลี่ยนมานอนท่าตะแคง

ถ้านอนตะแคงข้างก็แล้ว นอนหงาย นอนคว่ำก็แล้วยัง กรนครอกฟี้อยู่ ยังเป็นกลุ่มรุนแรงปานกลาง
และท้ายสุดเป็นการกรนทุกท่าประกอบกับการหยุดหายใจขณะหลับ แบบนี้อันตรายที่สุด

เสียงกรนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อนลิ้นไก่ โคนลิ้น ผนังคอ
เมื่อร่างกายต้องออกแรงสูดลมหายใจเข้าออกแรงกว่าปกติ เนื่องจากช่องคอแคบลงมากผิดปกติ
โดยพบมากในคนอ้วนเจ้าเนื้อเพศชายมากกว่าเพศหญิง

"สถิติโรคนอนกรนในคนไทย พบในกลุ่มผู้ชายมากถึง 20-30% ส่วนผู้หญิงพบได้ 10-15%
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยทำงาน คนที่อาการรุนแรงมากพบได้สูงถึง 5% และยังพบเด็กเป็นโรคนอนกรนได้เช่นกัน"
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคนอนกรน กล่าว

โรคนอนกรนหากปล่อยไว้นานๆ ไม่พบแพทย์เพื่อรับการรักษาในผู้ใหญ่จะส่งผลให้เกิดสารพัดโรคตามมามากมาย
อาทิ ความดันโลหิตสูงหัวใจขาดเลือด โรคสมองเสื่อม โรคอัมพฤกษ์อัมพาต
โรคสมรรถภาพทางเพศเสื่อม โรคเบาหวาน และโรคความจำเสื่อม

สำหรับเด็กที่เป็นโรคนอนกรนอาจส่งผลให้เป็นเด็กที่นอนขี้เซาการเรียนถดถอย
โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากต่อมทอนซิลโต ต่อมอะดีนอยด์โต เป็นโรคภูมิแพ้ อ้วน กระดูกบริเวณใบหน้าและคอผิดปกติ

วิธีการสังเกตอาการนอนกรน ถ้าอยู่กันสองคนก็ยังพอบอกกันได้เว้นแต่จะนอนกรนทั้งคู่
กรณีที่อยู่คนเดียวและอยากรู้ว่านอนกรนหรือไม่
ให้สังเกตเวลาตื่นนอนตอนเช้า รู้สึกไม่สดชื่น หรือง่วงนอนช่วงกลางวัน
มึนศีรษะบ่อยๆ คอแห้ง หากเป็นเช่นนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

แพทย์จะแนะนำให้เก็บข้อมูลระหว่างการนอนหลับ (Sleep test)
เพื่อดูลักษณะการนอนหลับ การหายใจระดับออกซิเจนในเลือด ความดังของเสียกรน
เพื่อทำการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป

หากอาการนอนกรนมีสาเหตุจากความอ้วน แพทย์จะแนะนำให้ดูแลตัวเองก่อน
เช่น การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย การนอนตะแคง การนอนหัวสูง
งดกินยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน เป็นต้น

สำหรับคนที่นอนกรนเนื่องจากความผิดปกติของร่างกาย
แพทย์จะวินิจฉัยและรักษาตามอาการ อาทิ การใช้เครื่องช่วยหายใจ
ใช้ฟันยางป้องกันการนอนกรน การผ่าตัดซึ่งมีหลายวิธี อาทิ การใช้เลเซอร์การใช้คลื่นความร้อนคลื่นวิทยุ
การวางด้ายบริเวณเพดานอ่อนเพื่อลดการสั่นสะเทือนของเพดาน เป็นต้น

โรคนอนกรนหากปล่อยไว้นาน ไม่รับการรักษาอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อาจหลับในขณะที่ขบขี่ยวดยานพาหนะ
หรือแม้แต่การขับเครื่องบินก็ด้วยเช่นกัน และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
โดยเฉพาะในคนที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจขณะหลับอาจเป็นโรคใหลตายได้เช่นกัน

"การรักษาด้วยวิธีการต่างๆ ลดอาการนอนกรนลงได้ 80-90%
แต่ไม่ทำให้หายขาด ผู้ป่วยจะต้องดูแลตัวเองด้วย
เช่น งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกายหักโหมจนเกินความจำเป็น
และงดกินยาที่ออกฤทธิ์กล่อมประสาทชนิดที่ทำให้ง่วงนอน" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคนอนกรนแนะนำ

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


Create Date : 22 ธันวาคม 2551
Last Update : 22 ธันวาคม 2551 14:06:15 น. 0 comments
Counter : 1151 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.