Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 
22 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
รับมือ...ภาวะสมองเสื่อม



ปัจจุบันมีผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ดูแลต้องรับหน้าที่หนักหลายด้าน เพราะเหตุใด
มาหาคำตอบพร้อมๆ กันครับ

ภาวะสมองเสื่อม เป็นภาวะที่ความสามารถทางสติปัญญาลดลง คิดและจำไม่ได้ เป็นโรคที่มักพบในผู้สูงอายุ
ทำให้ผู้ที่เป็นมีอาการหลงลืม การใช้ภาษาผิดปกติ และพฤติกรรมรวมถึงอารมณ์เปลี่ยนไป

★ สาเหตุของโรคสมองเสื่อม
เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งที่แก้ไขได้และไม่ได้ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน
ขาดไทรอยด์ฮอร์โมน เนื้องอกในสมอง โพรงน้ำในสมองขยายตัว
ขาดวิตามินหรือจากโรคติดเชื้อบางชนิด เช่น ซิฟิลิส และเอดส์ เป็นต้น
แต่โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉลี่ยผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์จะอยู่ได้นาน 8-10 ปี


★ อาการเริ่มแรก
อาการ เริ่มแรกมัก เป็นการลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ ไม่นาน ในขณะที่ความจำเรื่องเก่าๆ ในอดีตจะยังดีอยู่
ผู้ป่วยอาจถามซ้ำเรื่องที่เพิ่งบอกไป หรือพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งเล่าให้ฟัง นอกจากนั้นยังอาจมีอาการอื่นๆ เช่น
วางของแล้วลืม ทำอะไรที่เคยทำประจำไม่ได้ สับสนเรื่องวัน เวลา สถานที่ หลงทิศทาง
นึกคำพูดไม่ค่อยออกหรือใช้คำผิดๆ แทน มีอารมณ์ พฤติกรรมและบุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
การตัดสินใจแย่ลง ไม่สามารถมีความคิดริเริ่มใหม่ๆ ได้
ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้จะค่อยเริ่มเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดปัญหาต่อการทำงานและกิจวัตรประจำวัน
ซึ่งการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็วหรือช้า ขึ้นกับระดับความสามารถเดิม การศึกษา และหน้าที่เดิมของผู้ป่วย
รวมถึงความช่างสังเกต และเอาใจใส่ของญาติด้วย


★ สาเหตุโรคอัลไซเมอร์
สาเหตุที่ชัดเจนนั้นยังไม่แน่ชัด
รู้แต่ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในสมองขึ้น จนทำให้สมองทำหน้าที่ลดลงและเหี่ยวไป
ที่แน่ๆ ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ แต่อาจมีการถ่ายทอดในครอบครัวทางกรรมพันธุ์ได้ในผู้ป่วยส่วนน้อย
ส่วนใหญ่จะไม่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ อายุที่มากขึ้น โดยจะพบมากขึ้นสองเท่าทุก 5 ปี ที่อายุมากกว่า 60 ปี คือ
ร้อยละ 1 ตอนอายุ 60 ปี เป็นร้อยละ 2 ตอน 65 ปี เพิ่มจนเป็นร้อยละ 32 ตอน 85 ปี
และเนื่องจากปัจจุบันนี้คนเราอายุยืนขึ้น โรคนี้จึงพบได้มากขึ้นเรื่อยๆ และจะเป็นปัญหาที่สำคัญของทุกประเทศ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การวินิจฉัยโรคนี้ให้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกเพื่อชะลอการดำเนินโรค
ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการศึกษาถึงวิธีต่างๆ ในการป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ แต่ยังไม่ได้ผลชัดเจน


★ การวินิจฉัย
เมื่อมาพบแพทย์และสงสัยว่าจะเป็นโรคสมองเสื่อม แพทย์จะดำเนินการตรวจวินิจฉัยโรคดังนี้

1. ซักประวัติและตรวจร่างกาย เพื่อต้องการรายละเอียดของอาการผู้ป่วย
โดยทั่วไปผู้ป่วยมักให้ประวัติไม่ได้ เนื่องจากอาการหลงลืม จึงควรมีญาติ หรือผู้ดูแลผู้ป่วยที่อยู่กับผู้ป่วยมานาน
และทราบรายละเอียดอย่างดีมาร่วมในการซักประวัติด้วย

2.ตรวจเบื้องต้นว่ามีอาการซึมเศร้าหรือไม่
3.ทดสอบความจำ

4.ตรวจเลือด เพื่อหาสาเหตุอื่นที่อาจทำให้ความจำไม่ดี
เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลง เกลือแร่ผิดปกติ การขาดสารอาหารบางอย่าง และ โรคซิฟิลิส เป็นต้น

5.อาจตรวจเอกซเรย์สมอง อาจเป็นเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า


★ การรักษา
การรักษา ภาวะสมองเสื่อมขึ้น กับสาเหตุ สำหรับโรคอัลไซเมอร์ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด
แต่ยาบางตัวอาจช่วยลดอาการของผู้ป่วยได้ โดยทั่วไปแบ่งการรักษาออกเป็น

1. รักษาสาเหตุที่ตรวจพบ เช่น ถ้าเกิดจากเนื้องอกหรือโพรงน้ำในสมองขยายตัว อาจต้องผ่าตัดสมอง
ถ้าเกิดจากขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ก็รับประทานยาทดแทน เป็นต้น

2.รักษาเรื่องความจำเสื่อม
ยากลุ่ม cholinesterase inhibitors สามารถชะลออาการของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมบางชนิดได้
ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อให้ในผู้ป่วยที่มีอาการระยะแรกๆ
แต่ยานี้ไม่ได้ทำให้โรคนี้หายขาด เพียงชะลอการดำเนินโรคไม่ให้เปลี่ยนแปลงเร็ว

3.รักษาปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมจากโรค ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์มักมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมต่างๆ ด้วย เช่น
เอะอะวุ่นวาย เห็นภาพหลอน ไม่ร่วมมือกับญาติในการดูแล เป็นต้น
การแก้ไขปัญหานี้ต้องใช้การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแล ในบางรายที่ไม่ได้ผลอาจต้องใช้ยาเพื่อลดอาการ

4.ผู้ดูแลผู้ป่วย เนื่องจากการดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม มีผลต่อสุขภาพกายและใจของผู้ดูแลผู้ ป่วย เป็นอย่างมาก
ยิ่งผู้ดูแลเป็นบุตรหลานหรือญาติด้วยแล้ว จะยิ่งเกิดความเครียด รู้สึกห่อเหี่ยวและทุกข์ใจมากกว่าผู้ดูแลทั่วไป
ฉะนั้น หากผู้ดูแลเหล่านี้ได้รับความรู้เกี่ยวกับโรค การดูแลตลอดจนแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
รวมทั้งมีช่วงพักเพื่อคลายเครียดให้กับตนเอง ซึ่งอาจพบปะพูดคุยกับผู้อื่น
หรือโทรศัพท์ขอคำแนะนำจากทีมแพทย์และพยาบาล และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างต่อเนื่องแล้ว
ก็จะช่วยให้ผู้ดูแลลดความเครียดและความทุกข์ลงได้มาก


★ วิธีป้องกันความจำเสื่อม
ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการป้องกันโรคสมองเสื่อมนี้
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตัวบางอย่างอาจช่วยให้สมองมีความจำที่ดีได้

1.หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่สมอง เช่น การดื่มเหล้าจัด การรับประทานยาโดยไม่จำเป็น

2.การฝึกฝนสมอง ได้แก่ การพยายามฝึกให้สมองได้คิดบ่อยๆ
เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือบ่อยๆ คิดเลข เล่นเกมตอบปัญหา ฝึกหัดการใช้อุปกรณ์ ใหม่ๆ เป็นต้น

3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง เช่น เดินเล่น รำมวยจีน เป็นต้น
4.การพูดคุย พบปะผู้อื่นบ่อยๆ เช่น ไปวัด ไปงานเลี้ยงต่างๆ หรือเข้าชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น

5.ตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้ามีโรคประจำตัว ก็ต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ
เช่น การตรวจหา ดูแล และรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น

6.ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุต่อสมอง ระวังการหกล้ม เป็นต้น
7.พยายามมีสติในสิ่งต่างๆ ที่กำลังทำและ ฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา

8.พยายามไม่คิดมาก ไม่เครียด หากิจกรรมต่างๆ ทำเพื่อคลายเครียด
เนื่องจากความเครียดและอาการซึมเศร้าอาจทำให้จำอะไรได้ไม่ดี

ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น


โดย ผศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล
ที่มา : //www.vcharkarn.com/varticle/38925


บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
หลัก 9 ข้อสังเกตสมองเสื่อม
11 วิธี ดูแลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมด้านพฤติกรรม


สารบัญ บทความ สุขภาพ
คลิกดู ที่นี่ค่ะ



Create Date : 22 ธันวาคม 2552
Last Update : 22 ธันวาคม 2552 13:20:20 น. 1 comments
Counter : 1108 Pageviews.

 
กรุณาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานบริการรับดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคนี้หน่อยเถอะค่ะลูกๆรับมือไม่ไหวแล้ว ต้องการให้แม่ได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อยู่พิษณุโลกค่ะ อยากได้ใกล้ๆบ้านเพื่อจะได้ไปเยี่ยมหาบ้าง ไปมาชั่วคราวก็ยังดี นี่ไม่มีทางออก ทางไปเลย เครียดตามๆกันนี่ขนาดหมุนเวียนเปลี่ยนกันแล้วนะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


โดย: วันจัน (วันจัน ) วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:13:03:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.