‘โรคหัวใจ’ กับวัยทำงาน
โรคหัวใจมักเกิดกับวัยทำงาน พบบ่อยในวัยกลางคน ได้แก่ โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากในปัจจุบันการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงไป คือ ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การรับประทานอาการอย่างเร่งรีบ และมีโภชนาการแย่ลง ประกอบกับการออกกำลังกายน้อย อันเป็นสาเหตุทำให้อัตราการเกิดโรคสูงขึ้น
ผู้ป่วยบางรายอาจละเลยอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น มักคิดว่าตนเองยังแข็งแรงอยู่ ซึ่งกว่าจะมาพบแพทย์ก็มีอาการของโรคที่รุนแรง และเสี่ยงต่อโรคร้ายไปแล้ว
อาการของโรค ผู้ป่วยมักจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก สัมพันธ์กับการออกกำลังกาย การออกแรง หรือภาวะเครียด เหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก ใจสั่น วูบหมดสติ น้ำท่วมปอด เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค 1. การสูบบุหรี่ หรือเพิ่งเลิกสูบบุหรี่ได้ไม่เกิน 2 ปี หรือได้รับควันบุหรี่สม่ำเสมอ (แม้ไม่ได้สูบบุหรี่) 2. โรคประจำตัว อาทิ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความอ้วน โรคเครียด
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
1. เพศและอายุ เพศชายที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ขึ้นไป เพศหญิงที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป หรือหญิงหลังหมดประจำเดือน
2. ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
วิธีการรักษาโรค การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมี 3 แนวทางใหญ่ๆ เบื้องต้น แพทย์มักให้การรักษาโดยการรับประทานยา แต่ในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจตีบมาก อาจพิจารณาให้การรักษาโดยการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ ร่วมกับการใส่ขดลวด หรืออาจรักษาโดยการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือการทำบายพาสหัวใจ
แนวทางการป้องกัน
1. รับประทานอาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลี่ยงอาหารประเภทที่มีไขมันสูง 2. ลดน้ำหนัก และออกกำลังกายเป็นประจำ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30-40 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3-5 วัน 3. หยุดสูบบุหรี่ 4. ควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค เช่น ควบคุมระดับน้ำตาล และความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 5. ลดความเครียด 6. หมั่นตรวจสุขภาพร่างกาย และอย่ามองข้ามอาการเล็กน้อย
โรคหัวใจ...กับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
โรคหัวใจเป็นคำรวม ถ้าแยกรายละเอียดจะแบ่งโรคหัวใจออกได้อีกหลายชนิด เช่น โรคหัวใจจากหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ อาจตีบหรือรั่ว โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เป็นต้น โรคหัวใจทั้งหมดนี้ หากเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ในที่สุดก็จะมีอาการโรคหัวใจที่เหมือนกัน คือเกิดอาการเหนื่อยง่าย มีอาการหอบเมื่อออกแรง ทั้งหมดเกิดจากการที่หัวใจทำงานผิดปกติที่เรียกว่าหัวใจล้มเหลว หรือภาวะหัวใจวาย
ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะนี้ จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อรักษาอาการดังกล่าว เมื่ออาการหายไป ผู้ป่วยสบายขึ้นแล้วควรเริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพของหัวใจ เพื่อบำบัดอาการ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบหัวใจ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานเกินไปจะทำให้ร่างกายส่วนอื่นๆ เสื่อมสภาพตามกันจากการหยุดพักนานเกินไป การเริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจในเวลาที่เหมาะสม จะเป็นการทำให้หัวใจกลับมาทำงานได้ปกติเร็วขึ้น แล้วยังเป็นการป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพของอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วย
ข้อมูลโดย : //www.komchadluek.net //www.lisaguru.com
ที่มา : //www.thaihealth.or.th //health.kapook.com
สารบัญสุขภาพ
Create Date : 12 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 12 มิถุนายน 2553 10:44:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 937 Pageviews. |
|
|
|
|
|