กินแบบไมเกรน
ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียวที่มีหลายสาเหตุปนๆ กันไป เช่น ความเครียด ความเหนื่อยล้า การมีประจำเดือน (ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง) ควันบุหรี่ ความหิว และการแพ้สารอาหารบางอย่าง ก็ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนได้
คนเรารู้จักอาการของไมเกรนมากว่า 2,000 ปี แต่เดี๋ยวนี้เราปวดหัวกันมากขึ้นอาจจะเพราะเครียดมากขึ้น ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เหมาะแก่การกำเริบของไมเกรนดีนัก แต่ที่คนบ้านเราไม่ค่อยนึกถึงกันเกี่ยวกับไมเกรน ก็คืออาหารที่เรากินเข้าไปมีส่วนอย่างยิ่งต่อการเกิดอาการ
คนที่ปวดศีรษะเรื้อรัง จึงต้องสังเกตตัวเองให้ดีว่ามีอาหารประเภทไหน ที่กินเข้าไปแล้วทำให้ปวดศีรษะหนึบขึ้นมา ถ้ารู้แล้วก็เลี่ยงอาหารนั้นๆ เสีย อาการปวดศีรษะไมเกรนก็จะห่างออกไปเองและค่อยๆ หายไปในที่สุด ไมเกรนเป็นอะไรที่แปลก หากจะเป็นก็เป็นได้บ่อยๆและเป็นถี่เข้าๆ แต่ถ้าระวังตัวให้ดีให้อาการเกิดห่างออกไป อาการก็จะมาเยือนนานๆ ครั้งแล้วค่อยๆ หายไปได้เอง
กลุ่มอาหารที่ต้องงดเลย ได้แก่
1.แอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะมีแอลกอฮอล์น้อยแค่ไหนหรือราคาจะแพงแค่ไหน ขึ้นชื่อว่าแอลกอฮอล์ดื่มแล้วจะทำให้หน้าแดง ทำให้หลอดเลือดที่หนังศีรษะขยายตัว และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนตามมา
2.ชาและกาแฟ ซึ่งมีคาเฟอีนอยู่ถ้าดื่มเป็นประจำจะทำให้เส้นเลือดหดตัว เวลาไม่ได้ดื่มเส้นเลือดจะคลายตัวคืนสู่สภาพปกติ ทำให้เสียความเคยชินเดิมต่อเส้นเลือดที่หดตัวอยู่เสมอ เมื่อไม่ได้ชา กาแฟ จะทำให้ปวดศีรษะและเลิกชากาแฟไม่ได้
สำหรับอาหารกลุ่มที่รายงานว่า ถ้าแพ้ หากกินเข้าไปก็จะทำให้ไมเกรนกำเริบ ได้แก่
1.อาหารเย็นจัดๆ เช่น ไอศกรีมสำหรับบางคนก็ทำให้ปวดศีรษะหนึบขึ้นมาทันที
2.ผงชูรส ในผงชูรสมีสารโมโนโซเดียมกลูตาเมท ที่มีรายงานว่ากระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน ดังนั้นคนที่เป็นไมเกรนควรกินอาหารแบบทำเองที่บ้าน เพราะจะได้ควบคุมได้ว่าไม่มีผงชูรสในอาหาร
3.ช็อกโกแลต ในช็อกโกแลตมีไทรามีนซึ่งจะกระตุ้นทำให้ปวดศีรษะ
4.นมและผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด เนื่องจากมีไทรามีนเช่นเดียวกัน หากอยากหาอะไรดื่มให้ใช้น้ำเต้าหู้แทน
5.ข้าวสาลี เพราะในข้าวสาลีมีกลูเต็นซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน ดังนั้น ขนมปัง บะหมี่ โรตีและขนมที่ทำจากแป้งสาลีต้องเลี่ยงเสีย
6.อาหารที่เปรี้ยวจัดๆ เช่น ส้ม มะนาว ผักสด ผลไม้สด ก็มีรายงานว่าบางคนกินเข้าไปแล้วก็ปวดศีรษะ ยิ่งเปรี้ยวมากเพียงใดก็ยิ่งกระตุ้นให้ปวดศีรษะได้มากเพียงนั้น แต่ว่าความเปรี้ยวแท้ๆ จากน้ำส้มสายชูกลับไม่มีผลต่ออาการปวดศีรษะ จึงเข้าใจว่าสำหรับบางคนอาหารที่มีวิตามินซีสูงๆ อาจจะกระตุ้นให้ปวดศีรษะก็ได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อสังเกตของคนที่เป็นไมเกรน ว่าอาหารชนิดไหนที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้บ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องแพ้แบบเดียวกันทุกคนและไม่จำเป็นต้องแพ้ทุกอย่าง เช่น คนที่แพ้ข้าวสาลีกินขนมปังแล้วปวดหัว กลับกินส้มได้ บางคนกินผงชูรสแล้วปวดศีรษะแต่ดื่มนมได้ก็มี ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อสังเกตคร่าวๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะแพ้เหมือนกันหมด คนที่เป็นไมเกรนอาจจะต้องลองสังเกตตัวเอง โดยลองกินอาหารที่คิดว่าจะทำให้เกิดอาการ กินทีละอย่างแล้วรอนานประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้าแพ้อาหารนั้นๆ อาการปวดศีรษะจะกำเริบภายใน 2 ชั่วโมงนั้น ถ้าไม่ปวดศีรษะหลังจากกินก็แปลว่าไม่แพ้
ถ้าลองกินอาหารอย่างไหนแล้วแพ้ก็ให้เลี่ยงอาหารอย่างนั้นเสีย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องหาวิธีคลายเครียดอื่นๆ เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง ทำสมาธิประกอบกันไปด้วยจึงจะหายในระยะยาว
โดย พญ.ลลิตา ธีระสิริ ที่มา : //www.balavi.com ภาพจาก : //www.womansday.com
สารบัญสุขภาพ
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 25 เมษายน 2553 19:21:29 น. |
Counter : 983 Pageviews. |
|
|
|
แต่ดูจากรายการแล้ว ขอยอมปวดหัวดีก่าม้างงงง แฮ่ๆ