โรคปวดหลังและคอ ป้องกัน - รักษาได้
โดยเฉลี่ยแล้ว คนในวัยผู้ใหญ่ถึงร้อยละ 80 ต้องทรมานจากอาการปวดหลัง โดยทั่วไปมักจะหายไปเองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่ในกรณีร้ายแรงอาจ กินระยะเวลานานและทรมานอย่างยิ่ง เหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาการปวดหลังนั้นหายยาก เนื่องจากหลังเปรียบเสมือน "เสาหลัก" ของร่างกาย โดยมีกล้ามเนื้อหลังและเส้นเอ็นต่างๆ ทำหน้าที่รับน้ำหนักส่วนใหญ่ เรียกว่าทุกการเคลื่อนไหวล้วนเกี่ยวข้องกับหลังทั้งสิ้น
น.พ.นันทเดช หิรัณยัษฐิติ ศัลยแพทย์ปวดหลังและข้อ กล่าวว่า แท่งกระดูกสันหลังประกอบไปด้วยกระดูกสันหลังเรียงตัวซ้อนกันมากกว่า 30 ปล้อง เกิดเป็นช่อง ซึ่งล้อมรอบปกป้องไขสันหลัง และมีเส้นประสาทโยงใยเข้าออกจากไข สันหลังผ่านช่องกระดูกสันหลัง แต่ละปล้องถูกยึดติดกันด้วยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นต่างๆ ระหว่างกระดูกแต่ละปล้องนั้นจะมี "หมอนรอง" ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับแรงกระแทกไม่ให้ กระดูกแต่ละปล้องกระทบกันเมื่อเดินหรือกระโดด
สาเหตุของโรคปวดหลังและคอ เกิดจากหลังส่วนล่างเป็นบริเวณที่รับน้ำหนักของร่างกายมากที่สุดและเกิดอาการปวด บ่อยที่สุด อาการปวดหลังโดยทั่วไปมักเกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อที่คอยพยุงหลังและจะปวดขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ ในหลายๆกรณี อาการปวดอาจรักษาได้ภายในเวลาไม่กี่วันด้วยการรับประทานยาแก้ปวด เช่น อัยบูโพรเฟน (lbuprofen) ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายจากอาการปวดเล็กๆน้อยๆ ได้ภายใน 2 สัปดาห์ด้วยการบำบัดเพียงเล็กน้อย ในกรณีที่อาการปวดคงอยู่เป็นเวลาเกินกว่า 4 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการ ตรวจเพิ่มเติม เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง ส่วนมากแล้วประมาณร้อยละ 80 ของโรคปวดหลังจะมีสาเหตุมาจากอาการหลังตึง ส่วนสาเหตุอื่นๆ มีดังนี้ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือหกล้ม หมอนรองกระดูกเสื่อม อันเป็นผลมาจากกระดูก อ่อนที่หุ้มกระดูกสันหลังแต่ละปล้องเกิดการฉีกขาด ภาวะข้อเสื่อม/ช่องไขสันหลังตีบ ภาวะติดเชื้อที่กระดูกสันหลังทำให้ สันหลังแข็งขาดความยืดหยุ่น กระดูกสันหลังเคลื่อน และสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เช่น มะเร็ง นิ่วในไตหรือภาวะติดเชื้อต่างๆ แพทย์จะซักถามเพื่อประเมินสาเหตุของอาการปวด ประวัติด้านความเจ็บป่วยและการผ่าตัด ของทั้งของคนไข้และสมาชิกในครอบครัว ข้อมูลที่ได้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยถึงต้นตอ อาการปวด และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อกิจวัตรประจำวันได้ กรณีที่มีอาการปวดรุนแรง แพทย์อาจต้องวินิจฉัยด้วยเครื่องเอกซเรย์และการตรวจคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า(MRI)หรือการเอกซเรย์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ภาพตัดขวาง(CT Scans)
"การรักษาโรคปวดหลังและคอ ส่วนใหญ่อาจรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องใช้วิธีท ซับซ้อนนัก เพียงพักผ่อนประมาณ 2-3 วัน รับประทานยาแก้อักเสบร่วมกับการ ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อก็จะดีขึ้นได้ภายใน 2 สัปดาห์ สำหรับอาการปวดหลังเรื้อรัง แพทย์จำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาที่ครอบคลุม หลายด้านมากขึ้น โดยอาจรวมการทำกายภาพบำบัดและการจัดการความปวดเข้าไว้เป็น ส่วนหนึ่งของแผนการรักษาด้วย ในภาวะปกติกระดูกสันหลังจะมีความยืดหยุ่น โค้งงอได้ แต่การบาดเจ็บที่หลังและภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลังแข็ง ขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ปวดรุนแรงและเรื้อรัง ซึ่งในกรณีนี้แพทย์อาจผ่าตัดเปลี่ยน หมอนรองกระดูกสันหลังให้ผู้ป่วย" น.พ.นันทเดชกล่าว
น.พ.นันทเดชแนะการป้องกันไว้ว่า ในกรณีที่คุณไม่มีอาการปวดหลังและคอ การบริหารร่างกายที่ช่วยยืดและสร้างความแข็งแรงให้กับหลังเป็นการดีที่สุด ที่จะช่วยให้หลังของคุณมีสุขภาพดี เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและปวดบริเวณหลังน้อยลง โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์พิเศษใดๆ ด้วยการปรับท่าทางให้ถูกต้อง หากต้องยกของหนักและเบาจะต้องย่อเข่าเพื่อทำการยกโดยพยายามให้หลังตรงเสมอ ไม่ควรโน้มตัวลง ให้เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง แล้วยกโดยใช้กล้ามเนื้อขา ยืดเข่าขึ้น ยืนให้มั่นคง และพยายามอย่ายกของหนักซึ่งตั้งอยู่สูงกว่าระดับเอว ของจะต้องอยู่ชิด ตัวเพื่อกระจายน้ำหนัก เมื่อจะวางของให้ย่อเข่าลง ใช้กล้ามเนื้อขาอย่าให้หลังงอ สำหรับการนอน ไม่ควรวางหมอนไว้ใต้ไหล่ วางหมอนไว้ใต้ศีรษะอย่าให้หมอนหนาเกินไป พยายามนอนในท่าที่หลังโค้งได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่านอนคุดคู้ ไม่ควรนอนคว่ำ เพราะจะทำให้เมื่อยคอและหลัง เลือกที่นอนที่ดีต่อสุขภาพหลัง อย่าให้นุ่มจนเกินไป การดูแลและเอาใจใส่ต่อสุขภาพที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด
ที่มา มติชน
Create Date : 14 มกราคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 14 มกราคม 2552 13:17:47 น. |
Counter : 857 Pageviews. |
|
|
|