Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
14 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

โรคปวดหลังและคอ ป้องกัน - รักษาได้



โดยเฉลี่ยแล้ว คนในวัยผู้ใหญ่ถึงร้อยละ 80 ต้องทรมานจากอาการปวดหลัง
โดยทั่วไปมักจะหายไปเองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่ในกรณีร้ายแรงอาจ
กินระยะเวลานานและทรมานอย่างยิ่ง เหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาการปวดหลังนั้นหายยาก
เนื่องจากหลังเปรียบเสมือน "เสาหลัก" ของร่างกาย
โดยมีกล้ามเนื้อหลังและเส้นเอ็นต่างๆ ทำหน้าที่รับน้ำหนักส่วนใหญ่
เรียกว่าทุกการเคลื่อนไหวล้วนเกี่ยวข้องกับหลังทั้งสิ้น

น.พ.นันทเดช หิรัณยัษฐิติ ศัลยแพทย์ปวดหลังและข้อ กล่าวว่า
แท่งกระดูกสันหลังประกอบไปด้วยกระดูกสันหลังเรียงตัวซ้อนกันมากกว่า 30 ปล้อง
เกิดเป็นช่อง ซึ่งล้อมรอบปกป้องไขสันหลัง และมีเส้นประสาทโยงใยเข้าออกจากไข
สันหลังผ่านช่องกระดูกสันหลัง แต่ละปล้องถูกยึดติดกันด้วยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นต่างๆ ระหว่างกระดูกแต่ละปล้องนั้นจะมี "หมอนรอง" ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับแรงกระแทกไม่ให้
กระดูกแต่ละปล้องกระทบกันเมื่อเดินหรือกระโดด

สาเหตุของโรคปวดหลังและคอ
เกิดจากหลังส่วนล่างเป็นบริเวณที่รับน้ำหนักของร่างกายมากที่สุดและเกิดอาการปวด
บ่อยที่สุด อาการปวดหลังโดยทั่วไปมักเกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง
หมอนรองกระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อที่คอยพยุงหลังและจะปวดขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
ในหลายๆกรณี อาการปวดอาจรักษาได้ภายในเวลาไม่กี่วันด้วยการรับประทานยาแก้ปวด
เช่น อัยบูโพรเฟน (lbuprofen) ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายจากอาการปวดเล็กๆน้อยๆ
ได้ภายใน 2 สัปดาห์ด้วยการบำบัดเพียงเล็กน้อย

ในกรณีที่อาการปวดคงอยู่เป็นเวลาเกินกว่า 4 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการ
ตรวจเพิ่มเติม เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง ส่วนมากแล้วประมาณร้อยละ
80 ของโรคปวดหลังจะมีสาเหตุมาจากอาการหลังตึง ส่วนสาเหตุอื่นๆ มีดังนี้
การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือหกล้ม หมอนรองกระดูกเสื่อม อันเป็นผลมาจากกระดูก
อ่อนที่หุ้มกระดูกสันหลังแต่ละปล้องเกิดการฉีกขาด ภาวะข้อเสื่อม/ช่องไขสันหลังตีบ
ภาวะติดเชื้อที่กระดูกสันหลังทำให้ สันหลังแข็งขาดความยืดหยุ่น กระดูกสันหลังเคลื่อน
และสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เช่น มะเร็ง นิ่วในไตหรือภาวะติดเชื้อต่างๆ
แพทย์จะซักถามเพื่อประเมินสาเหตุของอาการปวด ประวัติด้านความเจ็บป่วยและการผ่าตัด
ของทั้งของคนไข้และสมาชิกในครอบครัว ข้อมูลที่ได้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยถึงต้นตอ
อาการปวด และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อกิจวัตรประจำวันได้
กรณีที่มีอาการปวดรุนแรง แพทย์อาจต้องวินิจฉัยด้วยเครื่องเอกซเรย์และการตรวจคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้า(MRI)หรือการเอกซเรย์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ภาพตัดขวาง(CT Scans)



"การรักษาโรคปวดหลังและคอ ส่วนใหญ่อาจรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องใช้วิธีท
ซับซ้อนนัก เพียงพักผ่อนประมาณ 2-3 วัน รับประทานยาแก้อักเสบร่วมกับการ
ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อก็จะดีขึ้นได้ภายใน
2 สัปดาห์ สำหรับอาการปวดหลังเรื้อรัง แพทย์จำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาที่ครอบคลุม
หลายด้านมากขึ้น โดยอาจรวมการทำกายภาพบำบัดและการจัดการความปวดเข้าไว้เป็น
ส่วนหนึ่งของแผนการรักษาด้วย ในภาวะปกติกระดูกสันหลังจะมีความยืดหยุ่น โค้งงอได้
แต่การบาดเจ็บที่หลังและภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลังแข็ง
ขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ปวดรุนแรงและเรื้อรัง ซึ่งในกรณีนี้แพทย์อาจผ่าตัดเปลี่ยน
หมอนรองกระดูกสันหลังให้ผู้ป่วย" น.พ.นันทเดชกล่าว

น.พ.นันทเดชแนะการป้องกันไว้ว่า ในกรณีที่คุณไม่มีอาการปวดหลังและคอ
การบริหารร่างกายที่ช่วยยืดและสร้างความแข็งแรงให้กับหลังเป็นการดีที่สุด
ที่จะช่วยให้หลังของคุณมีสุขภาพดี เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและปวดบริเวณหลังน้อยลง
โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์พิเศษใดๆ ด้วยการปรับท่าทางให้ถูกต้อง
หากต้องยกของหนักและเบาจะต้องย่อเข่าเพื่อทำการยกโดยพยายามให้หลังตรงเสมอ
ไม่ควรโน้มตัวลง ให้เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง แล้วยกโดยใช้กล้ามเนื้อขา ยืดเข่าขึ้น
ยืนให้มั่นคง และพยายามอย่ายกของหนักซึ่งตั้งอยู่สูงกว่าระดับเอว ของจะต้องอยู่ชิด
ตัวเพื่อกระจายน้ำหนัก เมื่อจะวางของให้ย่อเข่าลง ใช้กล้ามเนื้อขาอย่าให้หลังงอ

สำหรับการนอน ไม่ควรวางหมอนไว้ใต้ไหล่ วางหมอนไว้ใต้ศีรษะอย่าให้หมอนหนาเกินไป
พยายามนอนในท่าที่หลังโค้งได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่านอนคุดคู้ ไม่ควรนอนคว่ำ
เพราะจะทำให้เมื่อยคอและหลัง เลือกที่นอนที่ดีต่อสุขภาพหลัง อย่าให้นุ่มจนเกินไป
การดูแลและเอาใจใส่ต่อสุขภาพที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด

ที่มา มติชน




 

Create Date : 14 มกราคม 2552
0 comments
Last Update : 14 มกราคม 2552 13:17:47 น.
Counter : 857 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.