Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
17 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

เหตุแห่งนิ่ว

โรคนิ่ว อาจจะเป็นนิ่วน้ำดี หรือนิ่วในไต พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาหาร
แต่จะมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับอาหารแตกต่างกัน



นิ่วน้ำดีหรือนิ่วในถุงน้ำดี
ถุงน้ำดีเป็นถุงเล็กๆที่ต่อกับตับ เป็นถุงสำหรับเก็บน้ำดี น้ำดีจะถูกขับออกมาจากถุง
น้ำดีเมื่ออาหารที่มีไขมันมาถึงลำไส้เล็กส่วนต้น น้ำดีนี้จะช่วยในกระบวนการย่อยไขมัน
น้ำดีประกอบด้วย น้ำโคเลสเตอรอล เกลือน้ำดี ไขมัน โปรตีน และบิลิรูบินซึ่งเป็น
สารสีในน้ำดี ในบางคนพบว่าสารที่มีอยู่ในน้ำดีจะตกผลึกทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วได้
ส่วนใหญ่ผู้ที่มีนิ่วน้ำดีจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่บางรายอาจมีอาการท้องอืด เฟ้อ เรอ
คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาการอาหารไม่ย่อยซึ่งมักจะพบหลังกินอาหารมัน ๆ
ในรายที่ก้อนนิ่วมาอุดตันท่อน้ำดีจะมีอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพักๆ ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่
หรือใต้ชายโครงขวา ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวา หรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา
มักปวดนานเป็นช่วง ๆ หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย บางรายอาจปวดรุนแรง
จนเหงื่อออก เป็นลม อาการปวดท้องมักเป็นหลังกินอาหารมันๆหรือกินอาหารมื้อหนัก
บางรายอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง) เกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง นิ่วน้ำดีนี้
นานเป็นช่วงๆหรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย บางรายอาจปวดรุนแรงจนเหงื่อออก
เป็นลม อาการปวดท้องมักเป็นหลังกินอาหารมัน ๆ หรือกินอาหารมื้อหนัก
บางรายอาจมีอาการดีซ่าน(ตาเหลือง) เกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง

นิ่วน้ำดีนี้มักพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
และมักพบในคนอ้วน นิ่วน้ำดีนี้มัแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ นิ่วชนิดโคเลสเตอรอล
นิ่วชนิดเม็ดสี และนิ่วชนิดผสม

นิ่วชนิดโคเลสเตอรอลและนิ่วชนิดผสมพบได้บ่อยกว่านิ่วชนิดเม็ดสี นิ่วน้ำดีประกอบด้วย
โคเลสเตอรอล แคลเซียมบิริรูเนต แคลเซียมคาร์บอเนต หรือแคลเซียมไบคาร์บอเนต
นิวชนิดโคเลสเตอรอล เกิดเนื่องจากน้ำดีมีโคเลสเตอรอลมากกว่าที่จะละลายได้จึงตก
ตะกอนเป็นผลึกและกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด ทั้งนี้อาจเกิดจากการหลั่งโคเลสเตอรอล
มาที่ถุงน้ำดีมากกว่าปกติ เช่น ในคนอ้วน คนที่กินอาหารไข้มันสูง

ผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือผู้ที่มีการหลั่งกรดน้ำดีน้อยกว่าปกติ เช่น ผู้ที่กินยาคุม
กำเนิด ผู้ที่เป็นตับแข็ง นอกจากนี้อาจเกิดจากปัจจัยเสริม เช่น ถุงน้ำดีทำงานน้อย
จึงเกิดการสะสมของผลึกนิ่ว เช่น ในคนที่อดอาหาร

นิ่วชนิดเม็ดสี ประกอบด้วยบิริรูบินและเกลือของแคลเซียมนิ่วชนิดนี้ พบมากในผู้ที่มี
ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเรื้อรัง เช่น ผู้ที่เป็นธาลัสซีเมีย ผู้ป่วยตับแข็งจากการดื่มเหล้า
ผู้ที่มีการติดเชื้อของทางเดินน้ำดีเรื้อรัง หรือเป็นโรคพยาธิในทางเดินน้ำดี และผู้สูงอายุ


อาการชวนสงสัยต้องรีบพบแพทย์
ถ้ามีอาการปวดท้องที่ชวนให้สงสัยว่าเป็นนิ่วน้ำดี ควรไปตรวจที่โรงพยาบาลภายใน
1-2 สัปดาห์ และควรงดอาหารมันๆ ถ้ามีไข้ดีซ่านหรือกดเจ็บมากตรงบริเวณใต้
ชายโครงขวา ควรไปรักษาที่โรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง


ป้องกันการเกิดนิ่วน้ำดีได้ไหม
เนื่องจากไม่มีอาหารชนิดใดโดยเฉพาะที่สามารถป้องกันการเกิดนิ่วน้ำดีได้
แต่สามารถป้องกันปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของโรคได้ เช่น โรคอ้วน หรือการอดอาหาร
คนที่มีการอักเสบของถุงน้ำดี ควรให้อาหารที่มีไขมันต่ำ เพื่อป้องกันการบีบตัวของถุงน้ำ
ดังนั้นเพื่อป้องกันการเป็นนิ่วน้ำดีควรรักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไปหรืเป็นโรคอ้วน
ในคนอ้วนจะมีการสร้างโคเลสเตอรอลสูง ทำให้ปริมาณโคเลสเตอรอลในน้ำดีสูง
จึงเพิ่มโอกาสเป็นก้อนนิ่ว ซึ่งการพิจารณาว่าอ้วนหรือไม่ คำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง

น้ำหนักที่ควรจะเป็นสำหรับผู้ชาย = (ความสูงเป็นเซนติเมตร-100)

น้ำหนักที่ควรจะเป็นสำหรับผู้หญิง = (ความสูงเป็นเซนติเมตร-100) - (ร้อยละ 10 ของน้ำหนักที่ลบได้)

หรือจะดูได้จากค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งค่านี้คำนวณได้จากสูตร

ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว (ก.ก.)/ส่วนสูง(ม.)2

คุณสามารถคำนวณค่าดัชนีมวลกายได้โดยเอาน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วย
ความสูงซึ่งวัดเป็นเมตร ยกกำลัง 2 ก็ได้ค่าดัชนีมวลกาย

ถ้าค่านี้อยู่ระหว่าง 18.5 - 22.9 แสดงว่าน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ถ้าค่าน้อย 18.5 แสดงว่าผอม
ถ้าค่ามากกว่า 23.0 แสดงว่าน้ำหนักเกิน
ถ้าค่าอยู่ระหว่าง 23-24.9 แสดงว่าท่านเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคอ้วน
ถ้าค่ามากกว่า 25 แสดงว่าท่านเป็นโรคอ้วน

ได้มีการศึกษาพบว่าเมื่อดัชนีมวลกายเพิ่มขึ้นภาวะเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี
ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ในผู้หญิงที่ค่าดัชนีมวลกาย 32 จะมีภาวะเสี่ยงต่อการ
เป็นนิ่วน้ำดีเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีค่าดัชนีมวลกาย 24-25

นอกจากนี้ในกรณีที่คนอ้วนต้องการลดน้ำหนัก ก็ควรเลือกวิธีลดน้ำหนักโดยค่อยๆ
ลดน้ำหนักช้าๆ สัปดาห์ละ 0.5-1 กิโลกรัม
การลดน้ำหนักลงมาก 1.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดนิ่วน้ำดี
หรือทำให้ก้อนนิ่วที่มีอยู่แล้วแต่ไม่แสดงอาการ จะแสดงอาการออกมาได้
และการลดน้ำหนักโดยการรับประทานอาหารสำเร็จรูปซึ่งมีพลังงานต่ำมาก
จะสามารถลดน้ำหนักลงได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่พบว่าร้อยละ 10-25
ของคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้จะเกิดนิ่วน้ำดี แต่มักไม่แสดงอาการ

คนที่ลดน้ำหนักโดยการกินอาหารที่มีไขมันต่ำมาก หรืออดอาหารบางมื้อจะมีผลให้
ถุงน้ำดีบีบตัวน้อยลงทำให้มีน้ำดีอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น อาจทำให้เกิดก้อนนิ่วได้
ส่วนการกินอาหารที่มีไขมันสูงติดต่อกันเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดีเช่นกัน
เนื่องจากอาหารไขมันจะกระตุ้นให้มีการสร้างโคเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น
เพื่อนำไปใช้ในการสังเคราะห์น้ำดี ซึ่งจำเป็นในการย่อยไขมัน

การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง(ได้แก่ อาหารพวกผัก,ผลไม้)
จะลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วน้ำดี เนื่องจากผู้ที่ทานใยอาหารสูงจะมีโคเลสเตอรอลต่ำ
ซึ่งจะป้องกันการเกิดนิ่วน้ำดีได้ มีงานวิจัยพบว่าคนที่กินอาหารมังสวิรัติมีความเสี่ยงต่อการ
เป็นนิ่วน้ำดีน้อยกว่าคนที่กินอาหารปกติถึงครึ่งหนึ่ง

ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วน้ำดีควรจะปฏิบัติดังนี้
1. รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไปหรือเป็นโรคอ้วน
2. ถ้าต้องการลดน้ำหนักตัวควรใช้วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องไม่ควรลดน้ำหนักเกินไป
3. ลดอาหารที่มีไขมัน,โคเลสเตอรอลสูง และทานอาหารที่มีใยอาหาร(ผัก,ผลไม้)เพิ่มขึ้น

เอกสารอ้างอิง
- สุรเกียรติ อาชานุภาพ ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป อุษาการพิมพ์ กทม.
- Ouentin Nunes and lan Beckingham. 2004 Management.
- Mahan L.K. and Sylvia Escott-Stump Krause's Food

แหล่งอ้างอิง
ดร.อรอนงค์ กังสดาลอำไพ (Feature)
เรื่อง "เหตุแห่งนิ่ว" HealthToday THAILAND. ปีที่ 5 ฉบับที่ 49


เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
แล้วนิ่วก็จะไม่ทำให้หน้านิ่วอีก




 

Create Date : 17 มกราคม 2552
0 comments
Last Update : 17 มกราคม 2552 12:35:59 น.
Counter : 1255 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.