All Blog
องค์ประกอบของคนเรียนเก่ง
องค์ประกอบของคนเรียนเก่ง
 
คนจะเรียนเก่ง
ใช่แค่ได้คะแนนสูงจากครู จากโรงเรียนเท่านั้น
แต่ต้องรอบรู้เรื่องราวต่าง ๆ
จนได้ชื่อว่าเป็นคนเก่งฉลาดปราดเปรื่องด้วย
เอาตัวรอดได้ด้วยปัญญา
จึงจะได้ชื่อว่า เป็นคนเรียนเก่งอย่างแท้จริง



Create Date : 15 มิถุนายน 2567
Last Update : 15 มิถุนายน 2567 2:14:23 น.
Counter : 439 Pageviews.

0 comment
ทุกคนมีศักยภาพเท่าเทียมกัน
ทุกคนมีศักยภาพเท่าเทียมกัน
              คำพูดนี้อาจเกินเลยไปในสายตาของคนหลายคน คำคัดค้านคงมีมากมาย แต่ลองพิจารณาประเด็นย่อย ๆ ต่อไปนี้ก่อนว่ามันอาจจะเป็นจริงได้
              สมัยที่เรียนป.เอก สาขาการวิจัย ตัวแปรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คนส่วนใหญ่สนใจแต่ตัวแปรต้นและตัวแปรตาม แต่แท้ที่จริงตัวแปรแทรกซ้อนนี่สำคัญกว่า ทำไมในการทดลองภาคสนาม ผลการทดลองจึงต่างกันทั้งที่ใส่ตัวแปรต้นเหมือนกันเพราะควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนไม่ได้
              คนเป็นครูจะรู้ว่า เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน การเรียนการสอนในชั้นเรียนในห้องสี่เหลี่ยมที่ครูใช้วิธีการสอนแบบเดียวกับเด็กที่ต่างกัน ผลย่อมไม่เท่ากันอยู่แล้ว เด็กที่ชอบเรียนเขียนอ่านจะเรียนรู้เรื่อง แต่เด็กที่มีปัญญาในรูปแบบที่ต่างกันออกไปจะเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง
              ครูจึงควรมีความรู้เรื่องพหุปัญญา เด็กแต่ละคนจะเก่งแต่ละด้านต่างกัน ลีลาการเรียนรู้ เด็กแต่ละคนจะเรียนด้วยวิธีการที่ต่างกัน และวิธีการสอนในแต่ละเรื่องแต่ละบริบท ไม่ใช่สอนแบบบรรยายตลอดปีตลอดชาติ
              ถ้าครูไม่ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนให้เหมาะกับเด็กแต่ละคนแล้ว เด็กที่ได้ที่ 1 ย่อมได้ที่ 1 และเด็กที่ได้ที่โหล่ย่อมได้ที่โหล่ตลอดไป
              การสอนพิเศษจึงเกิดขึ้นในครอบครัวที่พ่อแม่มีความรู้และมีเงินมากพอจะจ้างครูมาสอนแบบตัวต่อตัว ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะครูจะค้นหาสาเหตุว่าพื้นฐานตรงไหนที่เด็กไม่เข้าใจและเสริมแต่ละจุดจนรู้เรื่องและเข้าใจดี เมื่อพื้นฐานแม่นการต่อยอดจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
              ทุกคนจะเรียนรู้ได้เท่ากันแต่อาจใช้เวลาที่ต่างกันและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป
              เมื่อต้องการให้เด็กเป็นคนเก่งในทุกด้านไม่ว่าจะสอบได้ที่ 1 ในห้อง ลองค้นหาจุดอ่อนที่มีอยู่ในตัวเขา เสริมเพิ่มเติมให้รู้เท่ากับเกณฑ์มาตรฐานที่โรงเรียนกำหนดและอาจจะมากกว่า หรือจะให้มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านที่ติดตัวเขามาแต่เล็กแต่น้อยให้ใส่ในสิ่งที่เขาต้องการจนเต็มอิ่ม
              การเรียนรู้ที่จะรู้จักเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดีและให้ในสิ่งเด็กขาด รวมทั้งเพิ่มเติมในสิ่งที่เด็กต้องการ ย่อมสร้างศักยภาพให้มีอย่างเต็มที่ได้ เชื่อเถอะ เริ่มต้นเสียแต่วันนี้แล้วลูกของคุณจะเป็นที่ 1 ได้อย่างแน่นอน
 



Create Date : 07 พฤษภาคม 2567
Last Update : 7 พฤษภาคม 2567 14:08:13 น.
Counter : 323 Pageviews.

0 comment
สาวหอ 5 บางแสน

640128 สาวหอ 5 บางแสน
เขาว่า คนแก่ชอบกินของขม ชมความหลัง เล่าแต่อดีตตะพึดตะพือ เรื่องนี้เช่นกัน เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ในความรู้สึกของคนเล่า แต่หลาน ๆ คงขำกลิ้ง บอก หลานยังไม่เกิดเลย
เมื่อปี 2514 เราสอบเข้าวิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสนได้ เขาบังคับให้นอนหอ ทั้งที่บ้านอยู่เมืองชล ค่าหอปีละ 100 ของปี 1 กับปี 3 ส่วนปี 2 กับปี 4 ปีละ 200 บาท ไม่ต้องทำตาโต เพราะทองบาทละ 400 เอง
เรื่องเล่าของคนอยู่หอ 5 สมัยยังเอ๊าะ ๆ ถ้าจับเพื่อนเก่ามานั่งล้อมวง คงเม้าส์มอยส์ได้หลายยก อาจถึงขั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอน แย่งกันพูดเสียงดัง เพราะกลัวจะลืมเรื่องที่ตัวเองอยากเล่า
อาจารย์จงรักษ์คุมหอ เข้มงวดระดับหนึ่งเพราะคุมสาว ๆ ที่น่ากลัวว่าจะใจแตก แล้วสมัยนั้น เขาไม่ยอมให้หญิงทำประเจิดประเจ้อ ควงแฟนเปิดเผย ทำตัวอันมิงาม อาจได้แค่ขี่จักรยานเคียงกันไป
กฎมากมาย ห้ามเข้าหอหลัง 18.30 น. ยกเว้นไปโรงอาหาร เรียกให้โก้ว่าโภชนาคาร ใช่หรือเปล่าชักลืม แต่เรียกย่อ ๆ ว่า โภ ไปซ้อมเพลงเชียร์ ฐานะอันโก้คือเฟรชชี่ ที่โดนซีเนียร์ปี 4 คุมเข้ม บังคับให้ร้องเพลงสถาบันให้คล่อง จนบัดนี้ แก่เกินแกง เพลงเหล่านี้ยังจำได้
กฎอีกข้อห้ามซ้อนจักรยานผู้ชายเป็นอันขาด ไม่รู้มีใครกล้าฝืนกฎหรือไม่ แล้วผลเป็นอย่างไร
ส่วนกฎในหอมีมากพอควร ห้ามเสียงดังเกิน อาจารย์ที่ยอมคุมหอมักเป็นสาวโสด ที่ไม่มีบ้านพัก จำต้องยอมทนกับสาวแรกรุ่นที่แหกปากเสียงดัง กรี๊ดกร๊าดได้ตลอดเวลา
ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำเป็นที่รวมกลุ่ม คุยจากในห้องน้ำขณะเปิดฝักบัว คิดดูก็แล้วกันว่าเสียงจะดังขนาดไหน โชคดีเป็นของเราเสมอ ที่มักกลับเข้าห้องก่อน จึงไม่เคยโดนปรับ แต่โดนเพื่อนต่อว่าเอาบ่อย ๆ ว่าเป็นต้นเหตุ อ้าวเป็นงั้นไป ไม่ได้คุยคนเดียวนะ
รีบเขียนก่อนที่สมองอันน้อยนิดจะลืมเลือน ใครอยากเติมเต็ม เชิญได้เลย
 



Create Date : 07 พฤษภาคม 2567
Last Update : 7 พฤษภาคม 2567 13:57:23 น.
Counter : 287 Pageviews.

0 comment
เทคนิคช่วยจำ Active Recall

จำได้ ต้องตอบได้
ลองตั้งคำถาม แล้วตอบสิ
สอนหรือบอกคนอื่นในสิ่งที่รู้
ทบทวนซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง จำแม่นแน่


 

 
 
 
 
เทคนิคช่วยจำ Active Recall
เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้คุณสามารถจำข้อมูลได้ดีขึ้นและนานขึ้น นี่คือหลักการของเทคนิค Active Recall:
การทดสอบตนเอง: แทนที่จะอ่านข้อมูลซ้ำ ๆ ให้ทดสอบตนเองด้วยการตั้งคำถามและพยายามนึกคำตอบ
การสร้างคำถาม: สร้างคำถามจากเนื้อหาที่เรียนและตอบคำถามเหล่านั้นโดยไม่ดูข้อมูล
การใช้แฟลชการ์ด: ใช้แฟลชการ์ดเพื่อทดสอบความจำของคุณ ด้านหนึ่งเขียนคำถามและอีกด้านเขียนคำตอบ
การสอนผู้อื่น: พยายามอธิบายเนื้อหาที่เรียนให้กับผู้อื่น การสอนเป็นวิธีที่ดีในการทดสอบความเข้าใจของคุณ
การทบทวนแบบมีโครงสร้าง: กำหนดเวลาทบทวนเป็นประจำ โดยใช้เทคนิค Active Recall ในการทบทวน

การใช้เทคนิค Active Recall อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณจำข้อมูลได้ดีขึ้นและช่วยให้ความรู้นั้นอยู่ในความทรงจำระยะยาว 
 
 
เทคนิคช่วยจำ Active Recall
เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้คุณสามารถจำข้อมูลได้ดีขึ้นและนานขึ้น นี่คือหลักการของเทคนิค Active Recall:
การทดสอบตนเอง: แทนที่จะอ่านข้อมูลซ้ำ ๆ ให้ทดสอบตนเองด้วยการตั้งคำถามและพยายามนึกคำตอบ
การสร้างคำถาม: สร้างคำถามจากเนื้อหาที่เรียนและตอบคำถามเหล่านั้นโดยไม่ดูข้อมูล
การใช้แฟลชการ์ด: ใช้แฟลชการ์ดเพื่อทดสอบความจำของคุณ ด้านหนึ่งเขียนคำถามและอีกด้านเขียนคำตอบ
การสอนผู้อื่น: พยายามอธิบายเนื้อหาที่เรียนให้กับผู้อื่น การสอนเป็นวิธีที่ดีในการทดสอบความเข้าใจของคุณ
การทบทวนแบบมีโครงสร้าง: กำหนดเวลาทบทวนเป็นประจำ โดยใช้เทคนิค Active Recall ในการทบทวน
การใช้เทคนิค Active Recall อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณจำข้อมูลได้ดีขึ้นและช่วยให้ความรู้นั้นอยู่ในความทรงจำระยะยาว
 



Create Date : 02 พฤษภาคม 2567
Last Update : 2 พฤษภาคม 2567 8:24:44 น.
Counter : 448 Pageviews.

0 comment
เทคนิคช่วยให้จำแม่นจนขึ้นใจ
#เทคนิคช่วยให้จำแม่นจนขึ้นใจ
#พรรณีเกษกมล

 
            สิ่งที่เรียนรู้มีมาก จะจำได้หมด และจำได้นานสักเท่าไร สงสัยจัง
            ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ ช่วยให้จำได้ดีขึ้น
ไม่ลอง จะรู้ได้อย่างไร มีตั้งเยอะ เลือกสักอย่าง ลองทำดูนะ
 
การใช้มนุษย์หมาก (Mnemonic devices)
สร้างสัญลักษณ์หรือเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับข้อมูลที่ต้องการจำ เพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น
เอาตัวหนังสือเยอะ ๆ ทำให้เป็นรูปภาพง่าย ๆ
ใช้คำสำคัญ และเส้นโยงให้เห็นความสัมพันธ์
การใช้มนุษย์หมาก โดยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลใหม่กับความรู้ที่มีอยู่แล้ว หรือการใช้ภาพและวลีที่จำได้ง่าย เช่น
Imagery and Visualization ทำตัวหนังสือให้เป็นภาพในจินตนาการ มองเห็นและจดจำได้
Acronyms การใช้ตัวอักษรแรกของคำในกลุ่มข้อมูลเพื่อสร้างคำย่อ
Rhymes and Songs การใช้เพลงหรือกลอนที่จำง่ายเพื่อจดจำข้อมูล
 
ตัวอย่างของมนุษย์หมากที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การใช้เพลง ABC เพื่อช่วยจำตัวอักษรในภาษาอังกฤษ หรือ การใช้วลี “ผีฝากถุงข้าวสารให้ฉัน” เพื่อจำอักษรสูงในภาษาไทย
มนุษย์หมากเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการเรียนรู้และจดจำข้อมูลที่ซับซ้อนหรือมีปริมาณมาก
 
การแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนๆ (Chunking)
การแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อย ๆ ทำให้จำได้ง่ายขึ้น
เป็นเทคนิคที่ช่วยจัดการข้อมูล หรือ งานที่ซับซ้อน ให้กลายเป็นเรื่องง่าย โดยแบ่งออกเป็นส่วนย่อยที่เล็กกว่าและจัดการได้
ในการเรียนรู้หรือทบทวนข้อมูล แบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและทบทวน
ถ้ามันยาก มันเยอะ ใครจะจดจำได้ล่ะ
ลองแบ่งสิ่งที่ต้องจำให้สั้นลง น้อยลง จะดีขึ้นนะ
 
ตัวอย่างของการใช้ Chunking แบ่งงานเป็นส่วน ๆ เช่น
การแบ่งแผ่นงาน ที่มีปัญหาสิบข้อ ออกเป็นส่วน ๆ ละ 2 – 3 ข้อ เลือกทำข้อที่ง่ายก่อน
การใช้คำสั่ง “ตัด” และ “วาง” บนคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขงานที่มอบหมาย
การใช้ Chunking ไม่เพียงแต่ช่วยให้จัดการกับงานที่ต้องทำยาวนานและซับซ้อนได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะวางกลยุทธ์ในการทำงาน ซึ่งจะช่วยจัดโครงสร้างทางปัญญาและวางแผนพฤติกรรมต่าง ๆ
 
การใช้ Chunking ช่วยจัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำข้อมูลในชีวิตประจำวันได้ด้วย
ตัวอย่างการใช้ Chunking ในชีวิตประจำวัน
การจดจำหมายเลขโทรศัพท์ แทนที่จะจำเป็นตัวเลขยาว ๆ ทั้งหมด อาจแบ่งหมายเลขออกเป็นส่วน ๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ 4711324 แบ่ง 471-1324
0852125654 แบ่งเป็น 085-212-5654
การจัดรายการช้อปปิ้ง แทนที่จะจำรายการยาว ๆ ให้แบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ผัก, ผลไม้, นม, หรือธัญพืช
 
การใช้เทคนิค Chunking เพื่อจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น เช่น
การจัดระเบียบข้อมูล จัดข้อมูลที่ซับซ้อน ออกเป็นส่วนย่อยที่เข้าใจง่าย เช่น การแบ่งคำตอบออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ ให้ติดตามได้ง่ายขึ้น
การสร้างเนื้อหา เมื่อสร้างเนื้อหาสร้างสรรค์ เช่น การเขียนเรื่องสั้นหรือบทกวี จะแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ เพื่อสร้างโครงสร้างที่ชัดเจนและเพื่อให้เนื้อหามีความสม่ำเสมอ
การตอบคำถาม เมื่อตอบคำถามที่ซับซ้อน จะแบ่งคำตอบออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อให้เข้าใจและนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น
การใช้ Chunking ช่วยให้จัดการกับข้อมูลได้ดีขึ้นและช่วยให้เข้าใจข้อมูลที่นำเสนอได้ง่ายขึ้น
 
การใช้ภาพหรือแผนภูมิ
การมองเห็นข้อมูลในรูปแบบภาพ หรือแผนภูมิ ช่วยจำได้ดีกว่าการอ่านข้อความยาว ๆ ทำให้การนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ทำข้อมูลซับซ้อน ให้เป็นแผนผังภาพ
ช่วยย่นย่อความยุ่งยาก ด้วยคำสำคัญ
การใช้ภาพหรือแผนภูมิ ช่วยให้จำข้อมูลได้ดีขึ้น เพราะสมองมักจะจดจำภาพได้ดีกว่าข้อความ
 
Mind Mapping: การสร้าง Mind Map ช่วยจัดระเบียบความคิดและข้อมูล โดยการเชื่อมโยงความคิดหลักกับความคิดย่อย ผ่านการวาดภาพและคำสำคัญ
การใช้สี: การใช้สีต่าง ๆ ในแผนภูมิ หรือ Mind Map ช่วยให้จดจำข้อมูลได้ดีขึ้น เพราะสีสามารถกระตุ้นความจำและความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ใช้ลูกศรโยงหากัน และใช้สีเดียวกัน
การใช้ภาพ: การเพิ่มภาพประกอบในข้อมูลที่ต้องการจำ ช่วยให้จดจำข้อมูลนั้นได้ง่ายขึ้น เพราะภาพมีความหมายนับล้านคำและช่วยให้เราได้ใช้จินตนาการ ยิ่งวาดด้วยตนเองจะเพิ่มความจำมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องสวยงาม แต่มีรายละเอียดมากพอ
 
การสร้าง Flashcards: ที่มีสัญลักษณ์ภาพหรือแผนภูมิ ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญหรือคำศัพท์ได้ดีขึ้น
Flashcards ช่วยให้จดจำข้อมูลได้ดีขึ้น เมื่อใช้แผนภูมิหรือภาพประกอบ เช่น
ภาษา: การใช้ Flashcards ที่มีภาพประกอบคำศัพท์ช่วยให้จดจำคำศัพท์ใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยการเชื่อมโยงคำกับภาพที่เกี่ยวข้อง
วิทยาศาสตร์: การใช้ Flashcards ที่มีแผนภูมิหรือภาพประกอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้เข้าใจและจดจำขั้นตอนต่างๆ  ได้ดีขึ้น
ประวัติศาสตร์: การใช้ Flashcards ที่มีภาพประกอบเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หรือบุคคลสำคัญช่วยให้จดจำข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้
การใช้ Flashcards ที่มีแผนภูมิหรือภาพประกอบช่วยให้เชื่อมโยงข้อมูลกับภาพที่เห็นได้ชัดเจน ช่วยให้จดจำข้อมูลได้ดีและนานขึ้น
 
รูปแบบของแผนภูมิตามสิ่งที่ต้องการนำเสนอ เช่น
Pie Chart: ใช้แสดงสัดส่วนของข้อมูลต่างๆ ที่รวมกันเป็น 100 % เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีหมวดหมู่ไม่มาก
Bar Chart: ใช้เพื่อเปรียบเทียบจำนวนหรือค่าของข้อมูลต่าง ๆ และสามารถใช้ได้กับข้อมูลที่มีหลายหมวดหมู่
Line Chart: เหมาะสำหรับแสดงการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลตามเวลา เพื่อดูแนวโน้มหรือรูปแบบของข้อมูล
Scatter Plot: ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัว โดยใช้จุดบนแผนภูมิ
การใช้ภาพหรือแผนภูมิช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้รวดเร็วและชัดเจนขึ้น ช่วยสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย และนำไปใช้ในการตัดสินใจหรือวิเคราะห์ข้อมูลได้
การเลือกใช้แผนภูมิที่เหมาะสมกับข้อมูลและสถานการณ์นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การนำเสนอข้อมูล มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
การเชื่อมโยงข้อมูลกับสิ่งที่คุ้นเคย
การเชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับสิ่งที่รู้จักหรือคุ้นเคยแล้ว จะช่วยให้จำได้ง่าย และเรียกคืนข้อมูลได้ดีขึ้น เนื่องจากสมองจดจำสิ่งที่เชื่อมโยงกันได้ดีกว่าข้อมูลที่แยกส่วน เช่น
เมื่อเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ในภาษาต่างประเทศ แล้วเชื่อมโยงคำศัพท์นั้นกับภาพหรือสถานการณ์ที่คุ้นเคยจะช่วยให้จำได้ดีขึ้น
ในการเรียนรู้แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ การเชื่อมโยงกับประสบการณ์จริงหรือการทดลองที่เคยทำจะช่วยให้เข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น
การใช้เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้จำข้อมูลได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นำข้อมูลนั้นไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ด้วย
 
 
 



Create Date : 01 พฤษภาคม 2567
Last Update : 1 พฤษภาคม 2567 17:32:24 น.
Counter : 321 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments