Group Blog All Blog
|
องค์ประกอบของคนเรียนเก่ง
องค์ประกอบของคนเรียนเก่ง
คนจะเรียนเก่ง ใช่แค่ได้คะแนนสูงจากครู จากโรงเรียนเท่านั้น แต่ต้องรอบรู้เรื่องราวต่าง ๆ จนได้ชื่อว่าเป็นคนเก่งฉลาดปราดเปรื่องด้วย เอาตัวรอดได้ด้วยปัญญา จึงจะได้ชื่อว่า เป็นคนเรียนเก่งอย่างแท้จริง ![]() ทุกคนมีศักยภาพเท่าเทียมกัน
ทุกคนมีศักยภาพเท่าเทียมกัน
คำพูดนี้อาจเกินเลยไปในสายตาของคนหลายคน คำคัดค้านคงมีมากมาย แต่ลองพิจารณาประเด็นย่อย ๆ ต่อไปนี้ก่อนว่ามันอาจจะเป็นจริงได้ สมัยที่เรียนป.เอก สาขาการวิจัย ตัวแปรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คนส่วนใหญ่สนใจแต่ตัวแปรต้นและตัวแปรตาม แต่แท้ที่จริงตัวแปรแทรกซ้อนนี่สำคัญกว่า ทำไมในการทดลองภาคสนาม ผลการทดลองจึงต่างกันทั้งที่ใส่ตัวแปรต้นเหมือนกันเพราะควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนไม่ได้ คนเป็นครูจะรู้ว่า เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน การเรียนการสอนในชั้นเรียนในห้องสี่เหลี่ยมที่ครูใช้วิธีการสอนแบบเดียวกับเด็กที่ต่างกัน ผลย่อมไม่เท่ากันอยู่แล้ว เด็กที่ชอบเรียนเขียนอ่านจะเรียนรู้เรื่อง แต่เด็กที่มีปัญญาในรูปแบบที่ต่างกันออกไปจะเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ครูจึงควรมีความรู้เรื่องพหุปัญญา เด็กแต่ละคนจะเก่งแต่ละด้านต่างกัน ลีลาการเรียนรู้ เด็กแต่ละคนจะเรียนด้วยวิธีการที่ต่างกัน และวิธีการสอนในแต่ละเรื่องแต่ละบริบท ไม่ใช่สอนแบบบรรยายตลอดปีตลอดชาติ ถ้าครูไม่ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนให้เหมาะกับเด็กแต่ละคนแล้ว เด็กที่ได้ที่ 1 ย่อมได้ที่ 1 และเด็กที่ได้ที่โหล่ย่อมได้ที่โหล่ตลอดไป การสอนพิเศษจึงเกิดขึ้นในครอบครัวที่พ่อแม่มีความรู้และมีเงินมากพอจะจ้างครูมาสอนแบบตัวต่อตัว ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะครูจะค้นหาสาเหตุว่าพื้นฐานตรงไหนที่เด็กไม่เข้าใจและเสริมแต่ละจุดจนรู้เรื่องและเข้าใจดี เมื่อพื้นฐานแม่นการต่อยอดจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ทุกคนจะเรียนรู้ได้เท่ากันแต่อาจใช้เวลาที่ต่างกันและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป เมื่อต้องการให้เด็กเป็นคนเก่งในทุกด้านไม่ว่าจะสอบได้ที่ 1 ในห้อง ลองค้นหาจุดอ่อนที่มีอยู่ในตัวเขา เสริมเพิ่มเติมให้รู้เท่ากับเกณฑ์มาตรฐานที่โรงเรียนกำหนดและอาจจะมากกว่า หรือจะให้มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านที่ติดตัวเขามาแต่เล็กแต่น้อยให้ใส่ในสิ่งที่เขาต้องการจนเต็มอิ่ม การเรียนรู้ที่จะรู้จักเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดีและให้ในสิ่งเด็กขาด รวมทั้งเพิ่มเติมในสิ่งที่เด็กต้องการ ย่อมสร้างศักยภาพให้มีอย่างเต็มที่ได้ เชื่อเถอะ เริ่มต้นเสียแต่วันนี้แล้วลูกของคุณจะเป็นที่ 1 ได้อย่างแน่นอน สาวหอ 5 บางแสน
640128 สาวหอ 5 บางแสน เขาว่า คนแก่ชอบกินของขม ชมความหลัง เล่าแต่อดีตตะพึดตะพือ เรื่องนี้เช่นกัน เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ในความรู้สึกของคนเล่า แต่หลาน ๆ คงขำกลิ้ง บอก หลานยังไม่เกิดเลย เมื่อปี 2514 เราสอบเข้าวิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสนได้ เขาบังคับให้นอนหอ ทั้งที่บ้านอยู่เมืองชล ค่าหอปีละ 100 ของปี 1 กับปี 3 ส่วนปี 2 กับปี 4 ปีละ 200 บาท ไม่ต้องทำตาโต เพราะทองบาทละ 400 เอง เรื่องเล่าของคนอยู่หอ 5 สมัยยังเอ๊าะ ๆ ถ้าจับเพื่อนเก่ามานั่งล้อมวง คงเม้าส์มอยส์ได้หลายยก อาจถึงขั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอน แย่งกันพูดเสียงดัง เพราะกลัวจะลืมเรื่องที่ตัวเองอยากเล่า อาจารย์จงรักษ์คุมหอ เข้มงวดระดับหนึ่งเพราะคุมสาว ๆ ที่น่ากลัวว่าจะใจแตก แล้วสมัยนั้น เขาไม่ยอมให้หญิงทำประเจิดประเจ้อ ควงแฟนเปิดเผย ทำตัวอันมิงาม อาจได้แค่ขี่จักรยานเคียงกันไป กฎมากมาย ห้ามเข้าหอหลัง 18.30 น. ยกเว้นไปโรงอาหาร เรียกให้โก้ว่าโภชนาคาร ใช่หรือเปล่าชักลืม แต่เรียกย่อ ๆ ว่า โภ ไปซ้อมเพลงเชียร์ ฐานะอันโก้คือเฟรชชี่ ที่โดนซีเนียร์ปี 4 คุมเข้ม บังคับให้ร้องเพลงสถาบันให้คล่อง จนบัดนี้ แก่เกินแกง เพลงเหล่านี้ยังจำได้ กฎอีกข้อห้ามซ้อนจักรยานผู้ชายเป็นอันขาด ไม่รู้มีใครกล้าฝืนกฎหรือไม่ แล้วผลเป็นอย่างไร ส่วนกฎในหอมีมากพอควร ห้ามเสียงดังเกิน อาจารย์ที่ยอมคุมหอมักเป็นสาวโสด ที่ไม่มีบ้านพัก จำต้องยอมทนกับสาวแรกรุ่นที่แหกปากเสียงดัง กรี๊ดกร๊าดได้ตลอดเวลา ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำเป็นที่รวมกลุ่ม คุยจากในห้องน้ำขณะเปิดฝักบัว คิดดูก็แล้วกันว่าเสียงจะดังขนาดไหน โชคดีเป็นของเราเสมอ ที่มักกลับเข้าห้องก่อน จึงไม่เคยโดนปรับ แต่โดนเพื่อนต่อว่าเอาบ่อย ๆ ว่าเป็นต้นเหตุ อ้าวเป็นงั้นไป ไม่ได้คุยคนเดียวนะ รีบเขียนก่อนที่สมองอันน้อยนิดจะลืมเลือน ใครอยากเติมเต็ม เชิญได้เลย เทคนิคช่วยจำ Active Recall
จำได้ ต้องตอบได้ ลองตั้งคำถาม แล้วตอบสิ สอนหรือบอกคนอื่นในสิ่งที่รู้ ทบทวนซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง จำแม่นแน่ เทคนิคช่วยจำ Active Recall เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้คุณสามารถจำข้อมูลได้ดีขึ้นและนานขึ้น นี่คือหลักการของเทคนิค Active Recall: การทดสอบตนเอง: แทนที่จะอ่านข้อมูลซ้ำ ๆ ให้ทดสอบตนเองด้วยการตั้งคำถามและพยายามนึกคำตอบ การสร้างคำถาม: สร้างคำถามจากเนื้อหาที่เรียนและตอบคำถามเหล่านั้นโดยไม่ดูข้อมูล การใช้แฟลชการ์ด: ใช้แฟลชการ์ดเพื่อทดสอบความจำของคุณ ด้านหนึ่งเขียนคำถามและอีกด้านเขียนคำตอบ การสอนผู้อื่น: พยายามอธิบายเนื้อหาที่เรียนให้กับผู้อื่น การสอนเป็นวิธีที่ดีในการทดสอบความเข้าใจของคุณ การทบทวนแบบมีโครงสร้าง: กำหนดเวลาทบทวนเป็นประจำ โดยใช้เทคนิค Active Recall ในการทบทวน การใช้เทคนิค Active Recall อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณจำข้อมูลได้ดีขึ้นและช่วยให้ความรู้นั้นอยู่ในความทรงจำระยะยาว เทคนิคช่วยจำ Active Recall เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้คุณสามารถจำข้อมูลได้ดีขึ้นและนานขึ้น นี่คือหลักการของเทคนิค Active Recall: การทดสอบตนเอง: แทนที่จะอ่านข้อมูลซ้ำ ๆ ให้ทดสอบตนเองด้วยการตั้งคำถามและพยายามนึกคำตอบ การสร้างคำถาม: สร้างคำถามจากเนื้อหาที่เรียนและตอบคำถามเหล่านั้นโดยไม่ดูข้อมูล การใช้แฟลชการ์ด: ใช้แฟลชการ์ดเพื่อทดสอบความจำของคุณ ด้านหนึ่งเขียนคำถามและอีกด้านเขียนคำตอบ การสอนผู้อื่น: พยายามอธิบายเนื้อหาที่เรียนให้กับผู้อื่น การสอนเป็นวิธีที่ดีในการทดสอบความเข้าใจของคุณ การทบทวนแบบมีโครงสร้าง: กำหนดเวลาทบทวนเป็นประจำ โดยใช้เทคนิค Active Recall ในการทบทวน การใช้เทคนิค Active Recall อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณจำข้อมูลได้ดีขึ้นและช่วยให้ความรู้นั้นอยู่ในความทรงจำระยะยาว เทคนิคช่วยให้จำแม่นจนขึ้นใจ
#เทคนิคช่วยให้จำแม่นจนขึ้นใจ
#พรรณีเกษกมล สิ่งที่เรียนรู้มีมาก จะจำได้หมด และจำได้นานสักเท่าไร สงสัยจัง ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ ช่วยให้จำได้ดีขึ้น ไม่ลอง จะรู้ได้อย่างไร มีตั้งเยอะ เลือกสักอย่าง ลองทำดูนะ การใช้มนุษย์หมาก (Mnemonic devices) สร้างสัญลักษณ์หรือเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับข้อมูลที่ต้องการจำ เพื่อช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น เอาตัวหนังสือเยอะ ๆ ทำให้เป็นรูปภาพง่าย ๆ ใช้คำสำคัญ และเส้นโยงให้เห็นความสัมพันธ์ การใช้มนุษย์หมาก โดยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลใหม่กับความรู้ที่มีอยู่แล้ว หรือการใช้ภาพและวลีที่จำได้ง่าย เช่น Imagery and Visualization ทำตัวหนังสือให้เป็นภาพในจินตนาการ มองเห็นและจดจำได้ Acronyms การใช้ตัวอักษรแรกของคำในกลุ่มข้อมูลเพื่อสร้างคำย่อ Rhymes and Songs การใช้เพลงหรือกลอนที่จำง่ายเพื่อจดจำข้อมูล ตัวอย่างของมนุษย์หมากที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การใช้เพลง ABC เพื่อช่วยจำตัวอักษรในภาษาอังกฤษ หรือ การใช้วลี “ผีฝากถุงข้าวสารให้ฉัน” เพื่อจำอักษรสูงในภาษาไทย มนุษย์หมากเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการเรียนรู้และจดจำข้อมูลที่ซับซ้อนหรือมีปริมาณมาก การแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนๆ (Chunking) การแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อย ๆ ทำให้จำได้ง่ายขึ้น เป็นเทคนิคที่ช่วยจัดการข้อมูล หรือ งานที่ซับซ้อน ให้กลายเป็นเรื่องง่าย โดยแบ่งออกเป็นส่วนย่อยที่เล็กกว่าและจัดการได้ ในการเรียนรู้หรือทบทวนข้อมูล แบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและทบทวน ถ้ามันยาก มันเยอะ ใครจะจดจำได้ล่ะ ลองแบ่งสิ่งที่ต้องจำให้สั้นลง น้อยลง จะดีขึ้นนะ ตัวอย่างของการใช้ Chunking แบ่งงานเป็นส่วน ๆ เช่น การแบ่งแผ่นงาน ที่มีปัญหาสิบข้อ ออกเป็นส่วน ๆ ละ 2 – 3 ข้อ เลือกทำข้อที่ง่ายก่อน การใช้คำสั่ง “ตัด” และ “วาง” บนคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขงานที่มอบหมาย การใช้ Chunking ไม่เพียงแต่ช่วยให้จัดการกับงานที่ต้องทำยาวนานและซับซ้อนได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะวางกลยุทธ์ในการทำงาน ซึ่งจะช่วยจัดโครงสร้างทางปัญญาและวางแผนพฤติกรรมต่าง ๆ การใช้ Chunking ช่วยจัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำข้อมูลในชีวิตประจำวันได้ด้วย ตัวอย่างการใช้ Chunking ในชีวิตประจำวัน การจดจำหมายเลขโทรศัพท์ แทนที่จะจำเป็นตัวเลขยาว ๆ ทั้งหมด อาจแบ่งหมายเลขออกเป็นส่วน ๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ 4711324 แบ่ง 471-1324 0852125654 แบ่งเป็น 085-212-5654 การจัดรายการช้อปปิ้ง แทนที่จะจำรายการยาว ๆ ให้แบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ผัก, ผลไม้, นม, หรือธัญพืช การใช้เทคนิค Chunking เพื่อจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น เช่น การจัดระเบียบข้อมูล จัดข้อมูลที่ซับซ้อน ออกเป็นส่วนย่อยที่เข้าใจง่าย เช่น การแบ่งคำตอบออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ ให้ติดตามได้ง่ายขึ้น การสร้างเนื้อหา เมื่อสร้างเนื้อหาสร้างสรรค์ เช่น การเขียนเรื่องสั้นหรือบทกวี จะแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ เพื่อสร้างโครงสร้างที่ชัดเจนและเพื่อให้เนื้อหามีความสม่ำเสมอ การตอบคำถาม เมื่อตอบคำถามที่ซับซ้อน จะแบ่งคำตอบออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อให้เข้าใจและนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น การใช้ Chunking ช่วยให้จัดการกับข้อมูลได้ดีขึ้นและช่วยให้เข้าใจข้อมูลที่นำเสนอได้ง่ายขึ้น การใช้ภาพหรือแผนภูมิ การมองเห็นข้อมูลในรูปแบบภาพ หรือแผนภูมิ ช่วยจำได้ดีกว่าการอ่านข้อความยาว ๆ ทำให้การนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนเข้าใจได้ง่ายขึ้น ทำข้อมูลซับซ้อน ให้เป็นแผนผังภาพ ช่วยย่นย่อความยุ่งยาก ด้วยคำสำคัญ การใช้ภาพหรือแผนภูมิ ช่วยให้จำข้อมูลได้ดีขึ้น เพราะสมองมักจะจดจำภาพได้ดีกว่าข้อความ Mind Mapping: การสร้าง Mind Map ช่วยจัดระเบียบความคิดและข้อมูล โดยการเชื่อมโยงความคิดหลักกับความคิดย่อย ผ่านการวาดภาพและคำสำคัญ การใช้สี: การใช้สีต่าง ๆ ในแผนภูมิ หรือ Mind Map ช่วยให้จดจำข้อมูลได้ดีขึ้น เพราะสีสามารถกระตุ้นความจำและความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ใช้ลูกศรโยงหากัน และใช้สีเดียวกัน การใช้ภาพ: การเพิ่มภาพประกอบในข้อมูลที่ต้องการจำ ช่วยให้จดจำข้อมูลนั้นได้ง่ายขึ้น เพราะภาพมีความหมายนับล้านคำและช่วยให้เราได้ใช้จินตนาการ ยิ่งวาดด้วยตนเองจะเพิ่มความจำมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องสวยงาม แต่มีรายละเอียดมากพอ การสร้าง Flashcards: ที่มีสัญลักษณ์ภาพหรือแผนภูมิ ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญหรือคำศัพท์ได้ดีขึ้น Flashcards ช่วยให้จดจำข้อมูลได้ดีขึ้น เมื่อใช้แผนภูมิหรือภาพประกอบ เช่น ภาษา: การใช้ Flashcards ที่มีภาพประกอบคำศัพท์ช่วยให้จดจำคำศัพท์ใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยการเชื่อมโยงคำกับภาพที่เกี่ยวข้อง วิทยาศาสตร์: การใช้ Flashcards ที่มีแผนภูมิหรือภาพประกอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้เข้าใจและจดจำขั้นตอนต่างๆ ได้ดีขึ้น ประวัติศาสตร์: การใช้ Flashcards ที่มีภาพประกอบเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หรือบุคคลสำคัญช่วยให้จดจำข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ การใช้ Flashcards ที่มีแผนภูมิหรือภาพประกอบช่วยให้เชื่อมโยงข้อมูลกับภาพที่เห็นได้ชัดเจน ช่วยให้จดจำข้อมูลได้ดีและนานขึ้น รูปแบบของแผนภูมิตามสิ่งที่ต้องการนำเสนอ เช่น Pie Chart: ใช้แสดงสัดส่วนของข้อมูลต่างๆ ที่รวมกันเป็น 100 % เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีหมวดหมู่ไม่มาก Bar Chart: ใช้เพื่อเปรียบเทียบจำนวนหรือค่าของข้อมูลต่าง ๆ และสามารถใช้ได้กับข้อมูลที่มีหลายหมวดหมู่ Line Chart: เหมาะสำหรับแสดงการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลตามเวลา เพื่อดูแนวโน้มหรือรูปแบบของข้อมูล Scatter Plot: ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัว โดยใช้จุดบนแผนภูมิ การใช้ภาพหรือแผนภูมิช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้รวดเร็วและชัดเจนขึ้น ช่วยสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย และนำไปใช้ในการตัดสินใจหรือวิเคราะห์ข้อมูลได้ การเลือกใช้แผนภูมิที่เหมาะสมกับข้อมูลและสถานการณ์นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การนำเสนอข้อมูล มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเชื่อมโยงข้อมูลกับสิ่งที่คุ้นเคย การเชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับสิ่งที่รู้จักหรือคุ้นเคยแล้ว จะช่วยให้จำได้ง่าย และเรียกคืนข้อมูลได้ดีขึ้น เนื่องจากสมองจดจำสิ่งที่เชื่อมโยงกันได้ดีกว่าข้อมูลที่แยกส่วน เช่น เมื่อเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ในภาษาต่างประเทศ แล้วเชื่อมโยงคำศัพท์นั้นกับภาพหรือสถานการณ์ที่คุ้นเคยจะช่วยให้จำได้ดีขึ้น ในการเรียนรู้แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ การเชื่อมโยงกับประสบการณ์จริงหรือการทดลองที่เคยทำจะช่วยให้เข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น การใช้เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้จำข้อมูลได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นำข้อมูลนั้นไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ด้วย |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |