Group Blog All Blog
|
อย่างไรนะจึงเรียกว่า ก้าวร้าว
อย่างไรนะจึงเรียกว่า ก้าวร้าว
What's it called aggressive เมื่อพูดคำว่าก้าวร้าว บางคนประหวั่นพรั่นพรึง นึกถึงความรุนแรงที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ไม่รู้หมู่หรือจ่า เผ่นหนีก่อนดีกว่าจะโดนระเบิดอารมณ์ สตอรร์ กล่าวว่า แรงขับก้าวร้าวจำเป็นต่อชีวิตเพื่อสงวนและดำรงไว้ซึ่งชีวิตของบุคคลและเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ เช่นเดียวกับสัญชาตญาณทางเพศ ความก้าวร้าวมีไว้ป้องกันตนเอง เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มากกว่าเพื่อทำลาย สิ่งที่น่ากลัวคือความรุนแรงและการทำลายเยี่ยงศัตรู ก้าวร้าวที่น่ากลัวเมื่อมีการทำลายล้างอย่างรุนแรงตามมา ผลที่ตามมาของความก้าวร้าวจะแตกต่างกันไป คนที่เก็บกดมาก อาจกลายเป็นคนเศร้า ยึดศาลาคนเศร้าไว้คนเดียว ไม่แบ่งปันให้ใครเลย บางคนมีอาการเจ็บป่วยตามร่างกาย ปวดโน่นนี่นั่นตลอดเวลา เป็นมากอาจถึงขั้นจบชีวิตตนเอง คนที่ปลดปล่อยพลังก้าวร้าวออกมา จะขว้างปาสิ่งของ ทุบตีทำร้ายผู้อื่นหรือตนเอง บางคนจบชีวิตคู่ด้วยการยิงตัวเอง คนรักให้ด่าวดิ้นสิ้นใจไปต่อหน้า โดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาว เด็กที่มีปัญหาอารมณ์มาก ๆ จะไม่สามารถพัฒนาความนับถือและความภูมิใจในตน บางรายไม่อาจรักใครและมีคนรักได้ คนอกหักที่มาจากบ้านที่อบอุ่นอาจรู้สึกเจ็บนิด ๆ แต่ไม่ถึงขึ้นก้าวร้าวเชิงทำลายล้างเท่าคนที่ขาดความมั่นคงทางใจ เมื่อโดนปฏิเสธความรักจะรุนแรงกว่าคนปกติ คนก้าวร้าวมักมาจากบ้านที่ร้อนรุ่ม ไม่มีความรักความอบอุ่นให้ ธรรมชาติของอารมณ์
ธรรมชาติของอารมณ์
The nature of the mood สามสิ่งประกอบร่างกลายเป็นคน มี อารมณ์ ความคิด และการแสดงออก คุยกันเฉพาะเรื่องของอารมณ์นะ อารมณ์พื้นฐานมี 8 อย่าง คือ ยอมรับ น่าเกลียด กลัว โกรธ ประหลาดใจ มั่นใจ เศร้า สนุกสนาน ถ้ามารวมกันจะเกิดอารมณ์ใหม่ขึ้นมา เช่น ความรักเกิดจากการยอมรับกับสนุกสนาน คนที่อ่อนน้อมเพราะยอมรับด้วยความกลัว ความเกรงใจเกิดจากกลัวกับประหลาดใจ ความเสียดายเกิดจากความประหลาดใจที่ปนความเศร้า ความเสียใจจากความเศร้าผสมกับความเกลียด การเหยียดหยามจากความเกลียดและความโกรธ คนที่ก้าวร้าวเพราะโกรธแต่มั่นใจว่าตัวเองถูก คนมองในแง่ดีเพราะเป็นคนสนุกสนานและมีความมั่นใจในตนเอง บางคนบอก คิดเช่นไร ทำเช่นนั้น รู้สึกอย่างไรแสดงออกอย่างนั้น แต่บางทีคนที่คิดหรือรู้สึกเช่นไร อาจไม่แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง ถ้าเขาได้รับการฝึกฝนการควบคุมตนเอง หรือรู้หลักการฝึกควบคุมอารมณ์ J K L สิ่งที่เป็นจริง เรื่องของอารมณ์ เมื่อรู้จักอารมณ์พื้นฐาน 8 อย่าง ต้องเข้าใจว่าอารมณ์พื้นฐานมี 4 คู่ ในแต่ละคู่ จะอยู่คู่กันเสมอ เมื่อเกิดอารมณ์หนึ่งแล้วจะไม่เกิดอีกอารมณ์ ง่าย ๆ แค่นี้ เมื่อไม่ต้องการให้เกิดอีกอารมณ์ ต้องสร้างอารมณ์คู่กันให้เกิดขึ้นก่อนเสมอ ยอมรับ-น่าเกลียด กลัว-โกรธ ประหลาดใจ-มั่นใจ เศร้า-สนุกสนาน ถ้าไม่อยากรู้สึกว่ามีสิ่งที่น่าเกลียดอยู่ จงยอมรับมันเสีย ถ้ารู้สึกว่ากลัวจะไม่โกรธ ถ้าไม่อยากเกิดความประหลาดใจจงทำให้เกิดแต่สิ่งที่มั่นใจ ถ้าสนุกสนานก็จะไม่เศร้า ดังนั้น ถ้าจะให้ใครรัก ต้องให้เขายอมรับในตัวเราและยามอยู่ด้วยกันให้มีแต่ความสนุกสนาน อยากให้ผู้คนอ่อนน้อม ต้องให้เขายอมรับในตัวเราและเกิดความกลัวในอำนาจที่มีอยู่ ความเกรงใจเกิดจากความกลัวและความประหลาดใจในความสามารถ อยากให้เขาเกรงใจ ต้องแสดงฝีมือที่เก่งกล้าของตนออกมา ซึ่งทำให้เขาหวาดกลัวด้วยว่าจะอันตรายต่อเขาไหม อยากให้ผู้คนรู้สึกเสียดายคงต้องมีทั้งความประหลาดใจและเกิดความเศร้าในขณะเดียวกัน ความเสียใจเกิดจากความเกลียดผสมกับความเศร้า แต่เมื่อทั้งโกรธและเกลียดพร้อมกัน สิ่งที่ตามมาคือการเหยียดหยาม แต่ถ้าผู้มั่นใจในตนเองสูงมากและเกิดอาการโกรธ เขาจะก้าวร้าวได้ ส่วนการมองโลกในแง่ดีคงเป็นเพราะเขามั่นใจในตนเองและอยู่ในภาวะที่สนุกสนาน เซ็ง แค่คำบ่น หรืออาการบอกเหตุ
เซ็ง แค่คำบ่น หรืออาการบอกเหตุ
Bored with just complaining or signs หลายคนชอบใช้คำว่า เซ็ง ยามไม่สบอารมณ์ เขาแค่บ่น เปรย หรือรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เซ็ง เป็นกลุ่มอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง ชอบยิ้มแห้ง ๆ และบ่น เซ็งว่ะ ความรู้สึกเซ็ง ๆ หรือเบื่อหน่าย อ่อนเพลีย ไม่อยากลุกไปทำงานหรือกิจวัตรประจำวัน เมื่อคิดว่าต้องไปพบกับอะไร กับใครที่ไม่อยากเจอ อาการจะยิ่งกำเริบ อาการเซ็งจึงเป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นกับแต่ละช่วงของกาลเวลาและบริบทที่แวดล้อม เช่น ไปงานเลี้ยงได้เม้าท์มอยส์กับกลุ่มเพื่อนสนิท อาจคึกคัก ถ้าต้องเร่งงานที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายให้เสร็จตามกำหนดเวลา อาการเซ็งอาจเพิ่มพูน ทวีอัตราเร่งอย่างรวดเร็ว ถ้ามีอาการเซ็งนาน ๆ ติดต่อกัน มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยอ่อนเป็นประจำ อาจเป็นเดือน หลายเดือนหรือเป็นปี น่าเป็นห่วงนะ คนที่เป็นโรคเซ็งเรื้อรัง ไม่ว่าจะพักผ่อนขนาดไหนหรือบำรุงร่างกายมากเพียงใด ยังมีอาการอ่อนเพลียอย่างมากอยู่ โดยที่ไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติใด ๆ ได้ คนปกติ เมื่อเหนื่อยล้า เซ็ง แค่ได้กินอิ่ม นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ความเซ็งที่เกาะกุมหัวใจจะโบยบินหนีหายวับไปกับตา โรคเซ็งเรื้อรัง CFS เคยระบุว่า เป็นโรคประสาทชนิดหนึ่งที่มีอาการอ่อนเปลี้ย เหนื่อยง่ายโดยไม่พบสาเหตุ หรือเกิดจากเชื้อไวรัสเอ็บสไตน์ บาร์ มีอาการปวดศีรษะ เจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และขาดสมาธิ คล้ายกับไข้หวัดใหญ่แต่อยู่นานกว่า ถ้าใครบ่นเซ็งนานเกินไป และมีอาการทางกายผิดปกติแทรกเข้ามา คงต้องพบแพทย์แล้วมั้ง อย่าแชเชือน คิดว่าไม่เป็นไรนะ ลองนอนให้หลับ กินให้อิ่ม ถ้าอาการเซ็งหายไป แปลว่า เหนื่อยล้าเกินไปกับการใช้ชีวิตแล้ว ปรับเปลี่ยนพฤ๖กรรม อย่าโหมงานหนัก อย่าทุ่มเทให้กับงาน กับใครมากเกินกำลังที่มีอยู่ คนสนิทจะได้ไม่เป็นห่วง รู้ได้อย่างไรว่าเศร้าแล้วนะ
รู้ได้อย่างไรว่าเศร้าแล้วนะ
Sadly, I know that. เมื่อคิดเกี่ยวกับตนเองและสิ่งรอบตัวว่าไม่ดี เลวร้าย เป็นคนโชคร้าย ตั้งแต่เกิดมามีแต่ความยากลำบาก มีความคิดความเชื่อเกี่ยวกับตัวเองในทางไม่ดี ความคิดไม่มีเหตุผล คิดว่าตนเป็นคนไม่มีอนาคต โลกโหดร้ายมากเกินไปแล้ว อนาคตมืดมน สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นดูจะเลวร้ายไปเสียทุกเรื่อง ความคิดเช่นนี้จะทำลายตัวเราและจิตใจ เพราะการมองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลวร้ายและแปลความหมายทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทางไม่ดี คิดว่าทุกอย่างรอบตัวล้วนแต่เป็นภาระและอุปสรรค การตรวจสอบว่าตนมีภาวะเศร้าซึมหรือไม่ ให้พิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงใน 4 ด้านต่อไปนี้ และพิจารณาว่ามีอาการมากน้อยเพียงใด แบบแผนพฤติกรรม อยากร้องตะโกนโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด ไม่อยากอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ไม่ใส่ใจเสื้อผ้าที่สวมใส่ ไม่ใส่ใจว่าห้องนอนสะอาดเพียงพอหรือไม่ ไม่เจริญอาหาร ไม่อยากมีสัมพันธ์ทางเพศกับคู่สมรส รู้สึกอึดอัดคับข้องใจโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด อารมณ์หรือความรู้สึก อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก (จากต่ำสุดไปหาตื่นเต้นสุดขีด) รู้สึกแย่มาก ๆ รู้สึกโกรธหรือรำคาญง่าย รู้สึกกลัว รู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างต้องใช้ความพยายามมากเหลือเกิน แบบแผนการคิด หาสมาธิยากในการทำงานที่ต้องใช้ความคิด เปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็วจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง มีความคิดในทางไม่ดีในเรื่องต่อไปนี้ : ฉันคิดว่าฉันน่าจะดูดีกว่านี้ ฉันไม่สามารถทำอะไรที่ถูกต้องได้ ไม่มีใครชอบฉัน ฉันเกลียดสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีใครรู้สึกอะไรถ้าฉันตาย ฉันเกลียดชีวิตฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ อาการทางกาย มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รู้สึกไม่ค่อยดีหรือไม่ค่อยสบายตัว ร่างกายหนักอึ้ง สีหน้าเรียบเฉย เมื่อความเศร้ามาเปิดหน้าต่างจ๊ะเอ๋ด้วย
เมื่อความเศร้ามาเปิดหน้าต่างจ๊ะเอ๋ด้วย
When sadness comes to open the peekaboo window too เป็นปกติที่จะเห็นคนส่วนมากบ่นกลุ้มใจ เบื่อ เซ็ง แล้วน้อยคนนักที่จะหัวเราะเริงร่าได้อย่างสบายใจ บางคนทำท่าอยากจะอารมณ์ดีขึ้นมาสักหน่อย เอาอีกแล้วมีเรื่องมากวนใจให้บูดได้อีก ถ้าคิดว่า นี่คืออารมณ์ รู้เท่าทันมัน การที่มันมาหา มันเข้ามาทักทาย ถ้าทักทายตอบ ยิ้มแย้มตอบรับ มันจะจากจรไปได้รวดเร็วมากขึ้น คนที่สุขมากกว่าทุกข์เป็นคนที่จัดการกับอารมณ์ของตนได้เป็นอย่างดี ต้องนับว่าเป็นยอดคน เป็นคนที่รู้ว่า เมื่อเห็นกองขี้หมาจะไม่เข้าไปเหยียบให้เหม็นขี้หมาติดฝ่าเท้า คนสติดี ที่ไหน จะไปเดินเหยียบกองขี้หมา เช่นกัน คนดีที่ไหนจะรับความทุกข์เข้ามาหาตัวให้เสียอารมณ์ไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ถึงแม้สิ่งที่เรียกว่าทุกข์นั้นมักจะจรเข้ามาหาบ่อยครั้งเหลือเกิน แต่ถ้ารู้จักวิธีที่จะจัดการกับมัน ก็ไม่ยากจนเกินไปที่จะไล่มันไปให้พ้นเส้นทาง เมื่อทำบ่อยครั้งเข้า จะคิดว่าง่ายเสียด้วยซ้ำที่จะไม่ปล่อยให้มันมาจ๊ะเอ๋กับเราได้ คนที่ทนจนชินจะคิดว่า มันธรรมดานะ ถ้าไม่ทุกข์สิเรื่องแปลก บางคนหาคำขวัญปลอบใจตนเอง บอกว่า มันคืออุปสรรคที่ผ่านเข้ามาทดสอบความสามารถ คนเก่งจะเอาชนะความทุกข์ได้ไม่ยากเย็นจนเกินไปนัก บางคนบอกปล่อยให้ทุกข์แค่นาทีเดียวก็มากเกินพอแล้ว ความทุกข์มักจะเปิดหน้าต่างมาจ๊ะเอ๋กับเราบ่อยเหลือเกิน คนที่ผ่านมันแล้วกอง ๆ ไว้ข้างตัว ไม่เอามาสุมในอก หรือโยนทิ้งเสียให้ไกลหูไกลตา มักจะโล่งอก อยากจะจ๊ะเอ๋บ่อยแค่ไหน ก็ช่างหัวมันเถอะ เราก็จ๊ะเอ๋ตอบด้วยอัธยาศัยอันดี คงจบเรื่อง ส่วนคนที่เปิดหน้าต่างครั้งไร ความทุกข์เข้ามาจ๊ะเอ๋ด้วยทุกครั้ง และรับมันเข้ามาเต็มอก ไม่ยอมปล่อยหรือโยนทิ้งแม้สักครั้งเดียว เก็บไว้ตามลำพัง ไม่ผ่อนคลาย ปล่อยวาง หรือระบายออก ไม่ยอมบอกใครแม้คนที่ใกล้ชิดที่สุด มันรู้ตัวว่า คนนี้แหละที่สมควรจะมาจ๊ะเอ๋ได้บ่อยครั้งเท่าที่จะทำได้ คนที่ปล่อยให้ทุกข์กองอยู่ในตัว สุมอยู่ในอกมาก ๆ และบ่อยครั้ง ความทุกข์นั้นจะสะสมจนกลายเป็นความเศร้า จากเศร้าน้อย ๆ นาน ๆ ครั้ง เผลอแป๊บเดียวมันจู่โจมเข้าไปถึงหัวจิตหัวใจไปซะแล้ว ยากจะถอนคืนออกไปจากใจ ไม่ว่าจะคิดอะไร กลายเป็นเรื่องเศร้าลงท้ายได้ทุกที จากคนที่เคยคิดบวกมองโลกในแง่ดีกลายเป็นคนคิดลบมองโลกในแง่ร้ายไปเสียทุกเรื่องสิน่ะ จากความเศร้าทำให้เราตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า จากที่นาน ๆ ครั้งมันจะมาจ๊ะเอ๋ กลายเป็นมันจ๊ะเอ๋เราได้ทุกลมหายใจทีเดียว แล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ ถ้าฉันอยากจะซึมเศร้าบ้าง มันเป็นอะไรนักหรือ ฉันเห็นใคร ๆ ก็ซึมเศร้ากันทั้งนั้นแหละ ถ้าคิดเช่นนี้ คงอยู่บ้านไม่ได้แล้วล่ะ คนที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าจะไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าจิตใจห่อเหี่ยว อ่อนแอ ท้อแท้ หมดหวัง หมดกำลังใจ ถ้าไม่รู้ตัวปล่อยให้อาการซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ ทีเดียว ข่าวคราวที่ประโคมกันได้บ่อย ๆ เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายนั้น ร้อยทั้งร้อยเกิดจากคนนั้นอยู่ในภาวะซึมเศร้านาน ๆ แล้วคนใกล้ชิดไม่พาไปบำบัดรักษา ไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากวังวนแห่งการคิดซ้ำ ๆ ว่า เขาเป็นคนไร้ค่า ไม่มีใครต้องการเขาแม้สักคนเดียว ถ้าไม่ปรับพฤติกรรม ไม่เปลี่ยนวิธีคิด ไม่จัดการกับสารเคมีที่แปลกปลอมเข้าร่างกาย คงยากนักที่จะถอยห่างจากมันได้ คงถึงเวลาที่จะต้องออกนอกบ้านแล้วไปหาหมอซะแล้ว หมอจริง ๆ ตามโรงพยาบาล ไม่ใช่หมอดู หมอเจ้าเข้าทรงนะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาไปหาหมอแล้ว คำตอบอยู่ในสิ่งที่เราคิด เราจะรู้ได้ว่าเศร้าหรือยัง เศร้ามากน้อยเพียงใด เมื่อไหร่ที่เราคิดเกี่ยวกับตนเองและสิ่งแวดล้อมรอบตัวว่าไม่ดี เลวร้าย เราเป็นคนโชคร้าย ตั้งแต่เกิดมามีแต่ความยากลำบาก มีความคิดความเชื่อเกี่ยวกับตัวเองในทางไม่ดี ความคิดไม่มีเหตุผล คิดว่าตนเป็นคนไม่มีอนาคต โลกโหดร้ายต่อเรามากเกินไปแล้ว อนาคตมืดมน สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นดูจะเลวร้ายไปเสียทุกเรื่อง ถ้าคิดเช่นนี้ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ มากเกินไป รีบแจ้นไปโรงพยาบาลได้เลยนะจะบอกให้ ความคิดเช่นนี้จะทำลายตัวเราและจิตใจของเรา เพราะการมองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลวร้ายและแปลความหมายทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทางไม่ดี คิดว่าทุกอย่างรอบตัวเราล้วนแต่เป็นภาระและอุปสรรค การตรวจสอบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกเหนือจากสิ่งที่อยู่ในความคิด เพราะบางคนอาจเข้าข้างตนเอง หรือไม่ยอมรับในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ถ้าแค่เริ่มต้นเศร้า ก่อนเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า อย่าปล่อยให้เรื้อรัง จำเอาไว้ ไม่เช่นนั้นอาจสายเกินแก้ การเพิ่มกำลังใจให้ตนเองหรือรู้จักเอาชนะความเศร้าจะช่วยให้เรามีกำลังใจ และมีจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ตัวอย่างความคิดที่ไร้เหตุผล เช่น ฉันจะสุขก็ต่อเมื่อทุกคนรักฉัน คนที่ดีพร้อมทุกอย่างเท่านั้นจึงจะเป็นคนที่มีคุณค่า แท้ที่จริงคนทุกคนเหมือนกันหมดมีทั้งดีเลวปะปนกัน ไม่จำเป็นต้องคิดว่าเราต้องทำดีที่สุด พลาดไม่ได้ ท้ายนี้คนที่ปล่อยให้ความเศร้ามาจ๊ะเอ๋บ่อย ๆ และรับเข้ามาไว้กับตัว ขอให้ปรับพฤติกรรม เปลี่ยนวิธีคิด ให้เป็นคนที่มีอารมณ์แจ่มใส มีความสุขบ่อยครั้งกว่าความทุกข์ จำไว้ว่าถ้าวันนี้อารมณ์ไม่ดีหนึ่งครั้ง พรุ่งนี้จะอารมณ์ไม่ดีสองครั้ง และจำนวนครั้งจะเพิ่มขึ้นทุกวัน จนกลายเป็นคนที่อารมณ์ไม่ดีได้ตลอดเวลา แล้วตัวเราเองจะไม่มีความสุข อย่าปล่อยให้ความเศร้ามาจ๊ะเอ๋บ่อย ๆ และรับเข้ามาไว้กับตัวนะจ๊ะ เมื่อความเศร้าวิ่ง |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |