All Blog
660128 เอาชนะความเศร้า
660128 เอาชนะความเศร้า
ดร.พรรณี  เกษกมล
            โดยธรรมชาติคนเราย่อมทุกข์มากกว่าสุข   ถ้าเราสะสมความทุกข์ไว้กับตัว  ไม่มีการผ่อนคลาย ปล่อยวาง หรือระบายออก  ความทุกข์นี้จะกลายเป็นความเศร้า  ทำให้เราตกอยู่ในภาวะเศร้าซึม   โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันหรือสังคมในเมือง  ต่างคนต่างอยู่  ไม่มีใครมานั่งฟังคนอื่นปรับทุกข์  เศรษฐกิจย่ำแย่  ผู้คนจะเกิดภาวะเศร้าซึม    บางคนไม่รู้ตัว  รู้แต่ว่าจิตใจห่อเหี่ยว อ่อนแอ ท้อแท้ หมดหวัง หมดกำลังใจ  ถ้าไม่รู้ตัวปล่อยให้อาการเศร้าซึมเพิ่มมากขึ้น อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้    การเพิ่มกำลังใจให้ตนเองหรือรู้จักเอาชนะความเศร้าจะช่วยให้เรามีกำลังใจ  และมีจิตใจที่เข้มแข็ง  พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ
 
            ทำไมจึงเศร้า
            เมื่อไหร่ที่เราคิดเกี่ยวกับตนเองและสิ่งแวดล้อมรอบตัวว่าไม่ดี เลวร้าย    เราเป็นคนโชคร้าย  ตั้งแต่เกิดมามีแต่ความยากลำบาก  มีความคิดความเชื่อเกี่ยวกับตัวเองในทางไม่ดี ไม่มีเหตุผล  คิดว่าตนเป็นคนไม่มีอนาคต  โลกโหดร้ายต่อเรามากเกินไปแล้ว  อนาคตมืดมน  สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นดูจะเลวร้ายไปเสียทุกเรื่อง  ความคิดเช่นนี้จะทำลายตัวเราและจิตใจของเรา  เพราะเราจะมองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลวร้ายและแปลความหมายทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทางไม่ดี  คิดว่าทุกอย่างรอบตัวเราล้วนแต่เป็นภาระและอุปสรรค
           
            รู้ได้อย่างไรว่าเศร้า
            การตรวจสอบว่าตนมีภาวะเศร้าซึมหรือไม่  ให้พิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงใน 4 ด้านต่อไปนี้  และพิจารณาว่ามีอาการมากน้อยเพียงใด 
            แบบแผนพฤติกรรม    อยากร้องตะโกนโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด  ไม่อยากอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง   ไม่ใส่ใจเสื้อผ้าที่สวมใส่   ไม่ใส่ใจว่าห้องนอนสะอาดเพียงพอหรือไม่   ไม่เจริญอาหาร  ไม่อยากมีสัมพันธ์ทางเพศกับคู่สมรส  รู้สึกอึดอัดคับข้องใจโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด 
            อารมณ์หรือความรู้สึก  อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก (จากต่ำสุดไปหาตื่นเต้นสุดขีด)  รู้สึกแย่มาก ๆ    รู้สึกโกรธหรือรำคาญง่าย   รู้สึกกลัว  รู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างต้องใช้ความพยายามมากเหลือเกิน 
            แบบแผนการคิด  หาสมาธิยากในการทำงานที่ต้องใช้ความคิด   เปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็วจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง  มีความคิดในทางไม่ดีในเรื่องต่อไปนี้ :  ฉันคิดว่าฉันน่าจะดูดีกว่านี้   ฉันไม่สามารถทำอะไรที่ถูกต้องได้   ไม่มีใครชอบฉัน  ฉันเกลียดสิ่งที่ฉันเป็นอยู่   ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงได้   ไม่มีใครรู้สึกอะไรถ้าฉันตาย  ฉันเกลียดชีวิตฉัน  ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่
            อาการทางกาย  มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร  ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  รู้สึกไม่ค่อยดีหรือไม่ค่อยสบายตัว  ร่างกายหนักอึ้ง   สีหน้าเรียบเฉย
            วิธีเอาชนะความเศร้า
            วิธีที่คุ้นเคยมากที่สุด  คือ การหาธรรมะยึดเป็นหลักประจำใจ   การอ่านหนังสือธรรมะก่อนนอน การทำสมาธิ การไปวัดทำบุญทำทาน  การเรียนรู้หลักโลกธรรม  รู้ว่าเมื่อมีลาภย่อมเสื่อมลาภได้  มียศย่อมเสื่อมยศ  มีสุขก็ย่อมมีทุกข์คละเคล้ากัน  ทุกอย่างในโลกมีขึ้นมีลง  เหมือนน้ำขึ้นน้ำลง  มีดวงดีก็ต้องมีดวงตก  ผลัดกันไป  ถ้าคิดได้เช่นนี้เรียกว่ารู้เท่าทัน  ย่อมคิดได้ว่าไม่มีทุกข์ตลอดกาล   คนเราเดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์   เราก็จะมีกำลังใจต่อสู้ให้ผ่านทุกข์ครั้งนี้ไปได้
            การเอาชนะความเศร้า ต้องพยายามให้ใจของเราปรับเปลี่ยนแนวความคิด   ให้คิดแต่เรื่องที่จะทำให้เรามีความสุข  มีกำลังใจที่จะต่อสู้  สมัยนี้หนังสือประเภทเสริมสร้างกำลังใจ  วิธีเอาชนะทุกข์   ก้าวไปข้างหน้า  มีมากมาย  ลองหามาอ่านบ้าง  จะได้รู้วิธีสร้างเป้าหมายใหม่ให้กับตนเอง  ทำให้เรามีความคิดที่จะทำโน่นทำนี่   ให้มีความคิดที่ดีที่จะต่อสู้ชีวิตและนำชีวิตไปสู่ความก้าวหน้ารุ่งเรือง
            สิ่งที่จะต้องทำ คือ ให้ความรู้สึกว่าตนคือผู้แพ้  ทำไมโลกจึงโหดร้ายกับเราหมดสิ้นไปจากใจให้ได้  ความรู้สึกว่าตนสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่าต้องลดน้อยลง  ต้องเร่งสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง  เลิกนิสัยการพึ่งพาผู้อื่น  อาจใช้วิธีการต่าง ๆ  เช่น การพูดคุยกับคนที่มีนิสัยใจคอที่ดีงามหรือที่เราเรียกว่ากัลยาณมิตร  การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามกับผู้อื่น  เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เคยทำ  เช่น ไปวัด ไปเที่ยวทัวร์  เปิดโอกาสในการพบปะพูดคุยกับคนแปลกหน้า  เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นหรือเล่าสารทุกข์สุกดิบ  จะได้รู้ว่าใคร ๆ ก็ทุกข์เหมือนกัน
            การหัดคิดแต่สิ่งที่เป็นปัจจุบัน  ที่นี่และเดี๋ยวนี้  ไม่คิดถึงอดีตที่ผ่านมาแล้ว  ไม่นึกถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง  ฝึกการคิดแบบมีเหตุผล  เลิกความเชื่อที่งมงายไร้สาระ  เช่น  ความคิดที่ไร้เหตุผล คือ ฉันจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อทุกคนรักฉัน   คนที่ดีพร้อมทุกอย่างเท่านั้นจึงจะเป็นคนที่มีคุณค่า  แท้ที่จริงคนทุกคนเหมือนกันหมดมีทั้งดีเลวปะปนกัน   ไม่จำเป็นต้องคิดว่าเราต้องทำดีที่สุด  พลาดไม่ได้  
            การฝึกแก้ไขพฤติกรรมที่มีปัญหา  เช่น นอนไม่หลับ  เพราะเครียด คิดมาก หัดการทำสมาธิเพื่อการหลับนอน ทำใจให้สบาย วางมือบนท้องเพื่อดูลมหายใจเข้าออก ผ่อนคลายลมหายใจเข้าออกให้สบาย แล้วกำหนดจิตว่าหลับ-สบาย พร้อมกับลมหายใจเข้าออกยาว ๆ  ทุกครั้งที่หายใจเข้าออกให้ผ่อนคลายตนเองลง  ให้รู้สึกว่าร่างกายสบาย  แล้วก็จะหลับสบาย
            การฝึกให้สมาชิกในครอบครัวสร้างเสริมบรรยากาศในการพูดคุยแต่ในทางที่ดี  ไม่ทะเลาะวิวาทกัน  ให้ทุกคนในครอบครัวสามารถทำหน้าที่ของตนได้โดยมีขอบเขตที่เหมาะสม  มีการติดต่อสื่อสารต่อกันในทางที่ดีขึ้น  เพื่อรักษาระบบและหน้าที่โดยรวมของครอบครัว  อันจะทำให้ครอบครัวมีความสุขขึ้น
            ทักษะที่ต้องหัด คือ  หัดสร้างเป้าหมายให้กับชีวิต  ทำตัวเองให้เป็นคนมีความทะเยอทยาน อยากได้ใคร่ดีบ้าง  จะได้รู้สึกว่าชีวิตนี้มีความหมาย  อาจทำสิ่งที่มีคุณค่าแก่ตนเอง สังคม  หัดคิดวิเคราะห์วิจารณ์เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตรงกับสิ่งที่เชื่อหรือไม่   หัดทำอะไรก็ได้ที่ไม่เคยทำแต่คิดว่าถ้าทำแล้วเราจะมีความสุข  คิดเสมอว่าฉันต้องการมีความสุข  แล้ววางแผนการที่จะทำให้มีความสุข  ฝึกคิดว่าสิ่งที่เรารู้สึกกับสิ่งที่เป็นจริงมันใช่สิ่งเดียวกันหรือไม่  แยกให้ออก  บางทีอาจเกิดจากเราคิดมากเกินไปหรือเปล่า  และต้องหัดสร้างทักษะในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น  เพื่อที่จะได้เล่าเรื่อง พูดคุย  จะได้เปลี่ยนอารมณ์และความคิดของเรา
            ท้ายนี้คนที่กำลังเศร้า ก็ลองเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง  อย่าลืมว่าเราคือคนเก่งที่สามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรคได้   ถ้าเรามีปัญญาและใช้ปัญญาเราสามารถผ่านพ้นมรสุมของชีวิตได้อย่างสวยงาม  ความเศร้าเป็นเพียงอารมณ์จรที่ผ่านเข้ามาเพื่อทดสอบความเก่งเท่านั้น    ถ้าเราคิดว่าเราทำได้เราก็จะทำได้  แต่ถ้าเราพลาดและปล่อยให้ผู้คนย่ำยีจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันควรจะถึงเวลาที่เราจะลุกมาสู้และถึงเวลาที่เราจะเป็นผู้ชนะแล้ว
******************
ดร. พรรณี  เกษกมล   #พรรณีเกษกมล
 



Create Date : 28 มกราคม 2566
Last Update : 28 มกราคม 2566 8:34:19 น.
Counter : 649 Pageviews.

0 comment
วิธีฝึกการกล้าแสดงออก
คนเก่งแต่ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าบอกกล่าว
ก็เสมือนคนไม่เก่งเพราะไม่มีใครรู้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
จะเก่งต้องกล้าพูดกล้าแสดงกล้าบอกให้เป็นที่ประจักษ์ชัด
จึงจะสามารถใช้ความเก่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้จริง

ทักษะที่ต้องฝึกพฤติกรรมการกล้าแสดงออก
  1. ทักษะทั่วไป
    1. การประสานตา มองไปยังผู้พูด เพื่อบอกให้รู้ว่าเรามีความจริงใจที่จะพูดด้วย
    2. น้ำเสียง ใช้ความดังพอสมควร ถ้าพูดเบาเกินไปจะขาดความมั่นใจในตนเอง ถ้าดังเกินไปจะรบกวนผู้อื่นที่อยู่ใกล้ ๆ กัน หรือดูเป็นคนก้าวร้าว
    3. การวางท่าทาง ไม่ต้องเคร่งขรึมเกินไปจะดูว่าเป็นคนเครียด แต่ท่าทางที่ผ่อนคลายเกินไปจะกลายเป็นคนไม่จริงใจ ร่างกายควรจะตั้งตรงหรือไม่ให้เอนเข้าหาตัวของผู้ฟังแต่ไม่กระชั้นชิดจนเกินไป
    4. การแสดงออกทางสีหน้าให้สอดคล้องกับเรื่องที่พูด เช่น พูดเรื่องจริงจังแต่ทำสีหน้ายิ้มแย้ม ผู้ฟังอาจเข้าใจผิดคิดว่าพูดเล่น
    5. เวลา ต้องกล้าแสดงออกในจังหวะเวลาที่พอดีและในโอกาสที่เหมาะสม
    6. เนื้อหาในการพูด อย่าใช้ถ้อยคำที่ตำหนิอย่างรุนแรงหรือพูดขอบข่ายที่กว้างจนจับจุดประเด็นที่สำคัญไม่ได้
  2. ทักษะเฉพาะอย่าง
2.1 การพูดเพื่อแสดงสิทธิของตนและเป็นการย้ำว่าต้องได้รับการตอบสนองที่เท่า    
      เทียมและยุติธรรม
2.2 การแสดงออกตามความรู้สึกที่ชอบหรือไม่ชอบอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา จริงใจ 
      หลีกเลี่ยงการเก็บกดความรู้สึกหรือเบี่ยงเบนประเด็นออกไปทางอื่น
2.3 การพูดจาทักทาย ฝึกการยิ้มทักทายผู้อื่นก่อนจะเริ่มต้นพูด
2.4 การแสดงออกเมื่อไม่เห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งว่าเห็นด้วยทั้งที่ไม่เห็นด้วย การบอกด้วยท่าทีที่สุภาพว่าความคิดเห็นไม่สอดคล้องต้องกัน
2.5 การใช้คำถามหาเหตุผล เพื่อที่จะได้รู้ว่าความสมเหตุสมผลหรือข้อเสนอแนะก่อนที่จะตัดสินใจทำตาม หรือเหตุผลที่ต้องทำในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ
2.6 การคุยเรื่องส่วนตัวในเรื่องที่น่าสนใจเพื่อที่จะให้ผู้อื่นได้รับรู้ข้อมูลส่วนตัวที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย
2.7 การขอบคุณเมื่อมีผู้อื่นมาชื่นชม การกล่าวตอบว่าขอบคุณเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อมีผู้มากล่าวชมคุณงามความดีของเรา ไม่ควรกล่าวปฏิเสธเพราะผู้พูดอาจรู้สึกไม่ดี
2.8 ในกรณีที่เจอคนที่ชอบการถกเถียง ควรหลีกเลี่ยงที่จะต่อปากต่อคำ ให้หาทางยุติการสนทนาแทนที่จะขยายความให้เพิ่มมากขึ้น
2.9 การสบตาคู่สนทนา เพื่อแสดงความจริงใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดควรหาทางผ่อนคลายความตึงเครียดให้ลดน้อยลง
2.10 การพูดทวนซ้ำเมื่อต้องการให้ผู้อื่นทำตามคำบอกของเรา ให้พูดย้ำประเด็นที่สำคัญบ่อยครั้งขึ้นเพื่อไม่ให้หลุดออกไปนอกประเด็น
2.11 การพูดเออออเห็นด้วยในบางประเด็นเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน ให้เขาได้รับรู้ว่าเราคิดเห็นคล้อยตามเขา ไม่ใช่จะต่อต้านในทุกเรื่อง
 
 



Create Date : 20 มกราคม 2566
Last Update : 20 มกราคม 2566 9:48:21 น.
Counter : 648 Pageviews.

0 comment
พลัที่สร้างได้
12/1/2544
 
ทุกอย่างคือพลัง
           ไม่ว่าเราจะประสบเคราะห์กรรมหรือมีโชควิ่งเข้ามาหา ให้คิดว่ามันเป็นประสบการณ์ เป็นบทเรียน เป็นแรงจูงใจที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
           ยามที่มีศัตรู อาจรู้สึกหดหู่ เศร้าสร้อย ที่มีคนเกลียดชังและหาเรื่องทำร้ายจิตใจ ทำลายเกียรติยศชื่อเสียง  เราต้องตั้งหลัก อย่ายอมแพ้ คิดว่า ชีวิตเหมือนละคร นางเอกอย่างเราจะยอมแพ้นางอิจฉาได้อย่างไร แล้วแปรเปลี่ยนความคิดที่อับเฉาให้กลายเป็นพลัง พร้อมที่จะสู้ เพื่อจะได้เป็นนางเอกในหนังที่ Happy Ending มีจุดจบที่สวยงาม
           ยามที่โชคดี ได้รับเกียรติยศชื่อเสียง อำนาจ ลาภยศ สรรเสริญ ให้มองผู้ที่สูงกว่า ดีกว่า ให้คิดว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เหนือซาละเปาย่อมมีจุดแดง เหนือจุดแดงย่อมมีขี้แมลงวัน เราคงไม่ใช่จุดสูงสุด มีอะไรให้ทำอีกมากมาย มีหลายสิ่งที่จะทำได้อีก  อย่างน้อยทำเพื่อตัวเอง ถ้าทำทุกอย่างที่ตนต้องการแล้ว ลองทำให้คนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นสามี ลูก พ่อ แม่ เพื่อน ญาติ  ถ้าทำให้ครบทุกคนแล้ว ให้คิดทำเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ชดใช้สิ่งที่ได้รับจากสังคม  ทำอะไรฟรี ๆ ให้ใครก็ได้ หาเรื่องทำ ให้หมดไปวันๆ ทำตัวให้ยุ่งกับงาน เราก็จะมีความสุข มีพลังที่จะอยู่สู้ชีวิต
           มีอะไรอีกตั้งมากมายในโลกนี้ที่ยังไม่รู้ ที่ต้องเรียนรู้ และต้องทำ การหาความหมายให้ชีวิต ด้วยการให้ทุกอย่างรอบตัวเป็นพลังที่ทำให้เราอยากอยู่ในโลกอย่างมีความหมายต่อไป
 
 



Create Date : 11 มกราคม 2566
Last Update : 11 มกราคม 2566 10:00:12 น.
Counter : 556 Pageviews.

0 comment
อย่าแหยม
611129 อ๊ะ อ๊ะ อย่าแหยมเชียวนะ
Do not let anyone violate privacy rights by DrPK
เรื่องราวของการโดนละเมิดสิทธิส่วนตัวมีมานาน แต่ด้วยวิสัยคนไทยที่ใจดี ไม่อยากเป็นเรื่องเป็นราว มักยอม ๆ กันไป หนักนิดเบาหน่อยให้อดทน ยิ่งเป็นเพื่อนบ้าน แล้วไม่มีเงินมากพอจะย้ายออกไป ได้แต่ทนและทน
อย่าให้ใครมาละเมิดสิทธิส่วนตัว เป็นคำที่เกิดขึ้นมาไม่นานมานี้ เมื่อกระแสสังคมแรงและแรงขึ้น
ป้าทุบรถเป็นกรณีแรกที่โหมกระหน่ำพร้อมคำถามตามมามากมายว่า ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ภายหลังมีบางคนที่ต้องทนกับความมักง่ายเอาแต่ได้ของคนอื่นที่มาละเมิดสิทธิส่วนตน ช่วยกันแก้ตัวแทน บอกว่าป้าอดทนมานานนับสิบปี ทั้งฟ้องร้องทุกหน่วยงานแต่หาความคืบหน้าเจอไม่
ศาลได้พิพากษาแล้วว่าคนที่จอดรถขวางประตูโดนโทษ 15 วันแต่รอลงอาญา 1 ปี ทำให้เรื่องราวของการป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนตนเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องจับตามอง
อีกกรณีหนึ่ง บ้านตรงข้ามจอดรถหน้าเขตบ้านตนเอง แต่เพื่อนบ้านเอารถออกจากบ้านตัวเองไม่ได้ แรก ๆ คุยกันรู้เรื่อง แต่นิสัยเอาแต่ได้ไม่คิดจะเอารถเข้าไปจอดในรั้วบ้าน ทำให้อดทนต่อไปไม่ไหว แจ้งตำรวจ คนนั้นเลยโดนปรับไป 1,000 บาท ยังดี ที่ไม่ได้ทะเลาะวิวาทขั้นรุนแรง
ถ้าแจ้งแต่ละครั้ง ๆ ละ 1,000 บาท เขาบอกถ้าเกิน 3 ครั้งจะโดนโทษทางอาญา
เรื่องการป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนตนและการไม่ไปล่วงละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกมาก โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่แออัดยัดเยียดเช่นนี้
ความอดทนแต่เดิมคงหมดไป มีแต่คนหัวหมอมากขึ้น การอยู่ร่วมกันฉันท์ญาติมิตรจะจางหายไปเรื่อย ๆ
 



Create Date : 02 มกราคม 2566
Last Update : 2 มกราคม 2566 8:25:29 น.
Counter : 642 Pageviews.

0 comment
ผลัดแผ่นดินกรุงศรี เล่ม1
อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความพูดว่า "https://www.ookbee.com b... ผลัดแผ่นดินกรุงศรี เล่ม 1 1 ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ Ookbee กรุงศรีอยุธยา อดีต เมืองหลวงของชาติ ไทย ยาวนาน 417ปี ที่รุ่งเรืองมากในอษาค เนย์ คนรุ่นหลังใคร่ เรียนรู้ การผลัดแผ่น ดินที่ปกครองได้ต่อ เนื่อง... n"



Create Date : 03 ตุลาคม 2565
Last Update : 3 ตุลาคม 2565 9:04:40 น.
Counter : 527 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments