
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei : A.D. 1564 – 1642)
จงเชื่อมั่นและยืนหยัดในความคิดของตนถ้าคิดว่าถูกต้อง มันก็จะถูกต้อง กาลิเลโอเป็นชาวอิตาลี สืบเชื้อสายจากครอบครัวผู้ดีเก่า แต่ไม่ร่ำรวย บิดาเป็นพ่อค้าขนสัตว์ สมัยเด็กมีความสามารถด้านดนตรี ศิลปะ ภาษา และคณิตศาสตร์
คนสมัยนั้นที่มีโอกาสเล่าเรียนเขียนอ่าน จะรอบรู้ในศาสตร์ทุกสาขาพร้อมกัน
ดังนั้นลูกผู้ดีมีสกุลจึงรอบรู้สารพัดเรื่อง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเติบโตขึ้นจะใช้ศาสตร์สาขาใดมาประทังชีพเลี้ยงตน ผิดกับสมัยนี้ ยิ่งเรียนสูงมากเท่าใด จะเรียนเจาะลึกในเรื่องเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ครอบคลุมไปทุกศาสตร์พร้อมกัน
แม้แต่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อเลือกศิลป์ จะไม่เน้นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ทำให้หลายคนพลาดโอกาสในการเลือกเรียนต่อ ในบางสาขาอาชีพ
เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยปิซา และได้เป็นศาสตราจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยปิซา
ลักษณะเด่นของเขา คือ มีความคิดเห็นเป็นของตนเอง เชื่อมั่นตนเองสูงมาก มีอิสระในการคิด ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ จนกว่าจะผ่านการพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตาของตนเองเท่านั้น
ความเชื่อมั่นในความคิดของตนเองมีมากอย่างแรงกล้านี้ น่าจะมากเกินคนทั่วไป จนไม่กลัวอิทธิพลทางศาสนจักรที่มีอำนาจล้นฟ้า และสั่งเป็นสั่งตายให้กับคนคิดต่างได้อย่างง่ายดาย
ความคิดและความเชื่อนี้มากเพียงพอที่จะขัดขืนต่อความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในยุคนั้น กล้าโต้เถียงกับผู้อื่นเพื่อที่จะยืนยันว่าความคิดเห็นของตนนั้นถูกต้อง
เป็นไงล่ะ ส่วนใหญ่จะหงอ กลัวโน่นกลัวนี่ ปล่อยไปตามเรื่อง ใครจะคิดเช่นไร ช่างเขา เรื่องอะไรจะไปโต้แย้ง ให้ลำบากและอันตรายต่อชีวิตของตนเองทำไม
ความรู้ในสมัยนั้นทางด้านวิทยาศาสตร์มักเป็นสิ่งที่ได้มาจากความรู้ที่
อริสโตเติ้ลได้ค้นพบด้วยหลักวิชาตรรกศาสตร์ ไม่ได้ทดลองให้เห็นจริงตามหลักวิชาวิทยาศาสตร์ จึงเกิดการขัดแย้งทางความคิด กับคนในยุคที่วิทยาศาสตร์เฟื่องฟู ต้องทดลองให้เห็นจริงเท่านั้น
กาลิเลโอเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นักคณิตศาสตร์ที่เชื่อในหลักตรรกศาสตร์เพียงอย่างเดียว เขาต้องทดลองตามหลักที่เรียนรู้มา
สิ่งที่
กาลิเลโอพยายามบอกใคร ๆ และย้ำว่า ควรจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่เป็นจริงที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้เท่านั้น
ทว่าสิ่งที่เขาค้นพบนั้น บังเอิญให้ขัดต่อความเชื่อของคนส่วนใหญ่ และเท่ากับลบล้างคำสอนในพระคัมภีร์ที่ศาสนจักรกำลังเรืองอำนาจสุดขีด
การกระทำของเขาเท่ากับการท้าทายผู้มีอำนาจในยุคนั้น
การพิสูจน์ให้คนส่วนใหญ่เห็นว่าวัตถุที่มีน้ำหนักต่างกันจะตกลงมาถึงพื้นในเวลาที่เท่ากัน ที่หอเอนปิซาโด่งดังเป็นอย่างมาก เพราะเท่ากับพลิกวิชาความรู้หรือปฏิรูปวิธีการคิดในยุคนั้นทีเดียว
โทษฐานเผยแพร่ความคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ขัดต่อคำสอนของอริสโตเติ้ล ผู้มีบทบาทต่อคำสอนทางคริสต์ศาสนา ทำให้เขาต้องโทษโดนจำขัง
แม้เมื่อต้องขังในฐานะผู้ที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อความเชื่อในศาสนาและผู้มีอิทธิพลในยุคนั้น กาลิเลโอหาได้เกรงกลัวไม่
ในเมื่อสิ่งที่ผ่านการพิสูจน์เห็นจริงแล้วจะโดนข้อกล่าวหาว่าไม่เป็นจริง
มันจะเป็นไปได้อย่างไร ความจริงย่อมต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ แต่เขาลืมไปว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงอาจตายได้
เขาพร้อมจะพิสูจน์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง แม้จะโดนสั่งห้ามค้นคว้าต่อ เขาก็หายินยอมไม่ ยังคงศึกษาค้นคว้าต่อไป เพื่อพิสูจน์ความจริงของโลกและจักรวาล
ในเมื่อคนส่วนใหญ่เชื่อว่าพระอาทิตย์โคจรรอบโลก การขัดขืนต่อคำสั่งของผู้มีอำนาจในสังคม การหักล้างความเชื่อในศาสนา ทำให้เขาไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้มีอำนาจในยุคนั้น
เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการศึกษาค้นคว้าเพื่อพิสูจน์ความคิดนี้
ผลงานที่สำคัญในฐานะนักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักดาราศาสตร์ เป็นผู้ค้นพบความจริงว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ แทนที่จะเป็นดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก และความจริงข้อนี้เองที่เป็นจุดรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้เปลี่ยนแปลงความคิดความเชื่อของคน
วิชากลศาสตร์ การเคลื่อนที่ของวัตถุ ได้ทดลองเรื่องการตกลงมาของสองสิ่งที่หนักไม่เท่ากันจะตกลงมาพร้อมกัน หักล้างทฤษฎีของอริสโตเติ้ลและสรุปทฤษฎีใหม่ว่า เทหวัตถุทั้งหมดจะตกลงมาในระยะทางเท่ากันในเวลาที่เท่ากัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงน้ำหนัก ระยะทางของเวลาที่ตก
วิชาดาราศาสตร์ ได้ผลิตกล้องโทรทรรศน์ส่องดูดาว ค้นพบความจริงตามธรรมชาติของโลกและจักรวาล ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ดาวพฤหัสบดีมีดวงจันทร์เป็นบริวาร 4 ดวง ดาวเสาร์มีวงแหวน มีสีต่างกัน 3 แถบ ดาวศุกร์เว้าแหว่งเหมือนดวงจันทร์ และพบจุดดำในดวงอาทิตย์
ผู้ยิ่งใหญ่ คือ ผู้ที่กล้าพิสูจน์ให้เห็นความจริงแท้
ของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ