Group Blog All Blog
|
ใช้ค่า P/E เป็นตัวตัดสินใจ
ใช้ค่า P/E เป็นตัวตัดสินใจ กลุ่มเล่นหุ้นแบบ VI เน้นคุณค่า พื้นฐานของหุ้นดี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นหุ้นดีหรือไม่ นักเล่นหุ้นจะดูอะไร ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามแต่คำแนะนำและประสบการณ์ที่ได้รับ สิ่งนี้ช่วยสร้างชั้นเชิงให้มากขึ้นรึเปล่า หรือมันมา block ความกล้าที่จะจ่ายเงินอย่างฉับพลันให้ช้าลง จนถึงกับไม่กล้าจะทำในสิ่งที่เกิดในใจโดยอัตโนมัติ บางคนเล่นหุ้นด้วยอารมณ์ ด้วยความรู้สึกว่าน่าซื้อนะตัวนี้วันนี้ คิดว่าตนเองมี six sense อะไรทำนองนั้น ไม่ได้ฟังอีร้าค่าอีรมของใครแม้สักคน พอรู้มากเข้า เงินที่เคยได้มาง่าย ๆ และเสียไปง่าย ๆ เช่นกันนั้น มันหดหายลง เหลือแต่ความรู้ ความคิดมากมายที่สุมอยู่ในหัว จนดูเหมือนเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง หรือกบในกะลาที่ไม่กล้าใช้แรงทะยานให้หลุดพ้น ปัญหาอยู่ที่ สิ่งที่รู้นั้น เป็นความรู้จริง ๆ ที่ใช้ได้ทุกกรณี ทุกเวลาจริงหรือไม่ หรือแค่เป็นจริงบ้างบางครั้งบางครา หรือแค่ข้อคิดเห็นของบางคนที่อวดรู้ ไม่มีใครรู้จริง ๆ หรอก แม้แต่ผู้ที่กำลังเขียนให้อ่าน มันก็แค่สิ่งที่เคยรับรู้ผ่านหูผ่านตามา และคิดว่า เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน เลยอยากบอกกล่าวเล่าสิบสะกิดใจบ้าง ก็แค่นั้น อย่าให้ชั้นเชิงของบางคน มาลบเหลี่ยมลบคมของเรา ก็แล้วกันนะ ค่า P/E เป็นอีกตัวหนึ่งที่บางคนแนะนำให้ดู ค่า P/E หรือ P/E Ratio จะบอกว่า ซื้อหุ้นตัวนี้แล้ว กี่ปีจึงจะคืนทุน ถ้า ค่า P/E ต่ำ ดีกว่า ค่า P/E สูง นะจำไว้ P คือ Price หรือ ราคาหุ้น ณ วันนั้น E คือ Earnings per share กำไรสุทธิต่อหุ้น P/E บอกว่าบริษัทนี้สามารถทำกำไรได้ปีละเท่าไหร่ ตัวอย่าง ราคาหุ้น 30 บาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 3 บาท ค่า P/E = 30/3 =10 ถ้าถือหุ้นนี้ไว้ 10 ปี จึงจะคืนทุน P/E จึงเป็นตัวที่บอกว่า หุ้นตัวนี้ "ถูกหรือแพง" P/E ที่ดีคือต้องน้อยกว่า 10 ค่า P จึงเป็นเรื่องของ "ความคาดหวัง" ที่ไม่แน่ไม่นอน ในตลาดหุ้นมีคนเล่นหุ้นทุกประเภทมารวมตัวกัน ต่างมีความคาดหวังต่อหุ้นตัวนี้มากน้อยเพียงใด ถ้าคนส่วนใหญ่หรือพวกเม่าน้อยซื้อขายหุ้น โดยไม่ดูค่า P/E ล่ะ ได้แต่หวังว่า มันจะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อ ราคาหุ้นจะสูงขึ้นไปได้ บางทีแรงเชียร์จากเหล่านักวิเคราะห์ทำให้เม่าน้อยกระพือปีกพรึ่บ ๆ ราคาหุ้นอาจขยับตัวสูงเกินจริง และเป็นไปอย่างรวดเร็วได้ เหล่านี้มีผลต่อเม่าทั้งหลาย พวกเล่นรอบสั้นไม่ใส่ใจดู ค่า P/E แต่เล่นตามแรงซื้อขายของตลาด ถ้าพวก VI เล่นถือยาว จะดู ค่า P/E เสมอ เช้า ๆ เปิดทีวี หรือเปิดเนต ถ้ามีนักวิเคราะห์เชียร์หุ้นตัวไหน วันนั้น หุ้นตัวที่เชียร์ราคาจะขึ้นสูงผิดหูผิดตาทีเดียว แสดงว่า กลุ่มเม่าน้อยชอบฟังแรงเชียร์จากนักวิเคราะห์ ผู้ซึ่งพวกเขาคิดเองว่า ฉลาดและรอบรู้เรื่องหุ้นมากที่สุด ที่จะมาบอกกล่าวเล่าความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นให้เม่าได้รู้ แต่ฟังหูไว้หูด้วยนะ เพราะมีบางคนแอบกระซิบว่า ถ้าเขารู้จริง เขาคงรวยไปแล้ว เขาคงไม่มาเป็นนักวิเคราะห์ เล่นเองได้เงินเห็น ๆ ไม่ดีกว่ารึ เพราะนักวิเคราะห์จะไม่มีสิทธิ์ซื้อขาย รวมทั้งครอบครัวของพวกเขา นี่มีข้อแก้ตัวว่า กลุ่มนี้จะไม่ได้สิทธิ์ในการเล่นรวมทั้งครอบครัวของเขาด้วย แต่เขาบอกว่า ถ้าเขารู้จริง ลาออกไปเล่นหุ้น มิรวยกว่ารึ จริงเท็จอย่างไรไม่รู้ แต่ฟังแล้ว วิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเองด้วยนะ อย่าลืม บางคนบอก เล่นหุ้นให้ได้เงิน ง่าย ๆ ตามเจ้ามือใหญ่ให้ทันแล้วกัน เขาซื้อเราซื้อ เขาขายเรารีบขาย ไม่ต้องดูอะไรมาก เป็นงั้นไป แต่ในความเป็นจริง ก็ใช่นะ ถ้าสามารถตามติดแบบทันท่วงที ไม่ใช่ช้าเอื่อยเฉื่อยเงิบงาบ ไม่ทันกินแล้วมีแต่เสียกับเสีย ช่วงมีนา 2564 หุ้น OR และหุ้นกลุ่มกัญชงกัญชา DOD, STA, KWM มีแรงซื้อขายมากผิดปกติ เพราะคนส่วนมากต่างคาดหวังว่า ต่อไปผลประกอบการ กำไร ในอนาคตจะดี ราคาเลยวิ่งเอา แต่กำไรจริงยังไม่เกิด บางทียังไม่เริ่มต้นทำด้วยซ้ำ แค่มี idea แผนการโชว์ ดังนั้น การที่หุ้นตัวหนึ่ง P/E 80 ไม่ได้หมายความว่า ซื้อวันนี้ 80 ปีจะคืนทุน และไม่ควรซื้อ ในขณะเดียวกัน หุ้นดี ๆ บางตัว ค่า P/E ต่ำ แต่ไม่มีคนสนใจซื้อ ของถูกอาจไม่ใช่ของดี และของดีอาจไม่ใช่ของถูก Cr. กลุ่ม "แมงเม่า Fight จ้าวมือ" https://www.facebook.com/groups/681518305879744 ใบกัญชา ที่ทำให้หุ้นหลายตัวมีราคาพุ่งพรวดได้นะ สวยแต่รูปหรือเปล่านะ สงสัยอยู่ ตัวอย่างหุ้น OR ตัวอย่างหุ้น DOD การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า กลุ่มคนที่มีเงินหนา เงินเย็น ไม่เดือดร้อน มักเล่นหุ้นแบบซื้อลืม ซื้อทิ้งไว้ เอาปันผลบ้าง แต่หวังให้ราคาหุ้นขึ้นสูง แล้วขาย หรือไม่ซื้อเก็บไว้ เหมือนเป็นเจ้าของกิจการ กลุ่มนี้จะไม่หวังเงินกำไรจากผลต่าง ซื้อถูกขายแพง เซียนแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่าระดับโลก ชื่อ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในไทยล่ะ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็นผู้เผยแพร่แนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่าคนแรก คงไม่ใช่โชคช่วย แต่มันคือฝีมือ การมีวิสัยทัศน์ การกล้าเสี่ยง ดร.นิเวศน์ เป็นมนุษย์เงินเดือนจนถึงอายุ 40 ปี โดน lay-off เพราะวิกฤติต้มยำกุ้ง ต้นปี พ.ศ. 2539 ดัชนีตลาดหุ้นสูงถึง 1,354 จุด สิ้นปี พ.ศ. 2540 ลดลงเหลือ 373 จุด นี่คือโอกาสราคาหุ้นลดลงเยอะมาก และไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แถมกำไรและเงินปันผลไม่ลดลง เงินทุนตั้งต้น 10 ล้านบาท เทคนิคการลงทุน 1.ลงทุนในหุ้นโตเร็ว เลือกหุ้นคุณภาพสูง เน้นดูที่ผลกำไรและมีการเติบโตสูง หุ้นกลุ่มนี้มักจะให้ผลตอบแทนคุ้มค่าคุ้มราคา 2.ลงทุนแบบเน้นคุณค่า เลือกหุ้นที่ดีหรือมีโอกาสจะดี แต่ราคาตกต่ำลงมาก กลายเป็นหุ้นดีราคาถูก คิดว่าในอนาคตราคาหุ้นอาจจะปรับขึ้นสูง การซื้อในทุนที่ต่ำทำให้มี Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยอยู่ในระดับสูง 3.ลงทุนแบบเหวี่ยงแห (Passive Investment) ซื้อหุ้นกระจายไปหลายอุตสาหกรรมหรือถ่วงน้ำหนักให้เหมือนตลาดหุ้นทำให้ผลตอบแทนขึ้นลงตามดัชนีหลักทรัพย์ แต่ละคนต้องหาสไตล์การลงทุนให้เหมาะกับตัวเอง หุ้นโตเร็วจะให้ผลตอบแทนที่ดีในขณะที่ตลาดหุ้นกำลังคึกคัก หุ้นแบบเน้นคุณค่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงเศรษฐกิจถดถอย 4. ลงทุนหุ้นระยะยาวที่มีความแข็งแกร่ง ความได้เปรียบคู่แข่งอย่างยั่งยืน มีความสามารถในการแข่งขันที่สูง เช่น ขนาดกิจการใหญ่กว่าคู่แข่งมาก มี Market Share สูงกว่าคู่แข่งในตลาด มีเครือข่ายของธุรกิจมาก มี Brand Royalty สูง เป็นกิจการที่ไม่ถูกควบคุมด้านราคา กำไรและมียอดขายอย่างต่อเนื่อง ย้อนหลัง 5 -10 ปี ธุรกิจที่ไม่โดน Disrupt มีราคาเหมาะสม ดูค่า PE อัตราส่วนราคาต่อกำไร ไม่ควรเกิน 30-40 เท่า ความเสี่ยงการเล่นหุ้น
ความเสี่ยงการเล่นหุ้น เมื่อตกลงปลงใจอยากเล่นหุ้น คงต้องคิดสะระตะอีกพักนะ มองเห็นแต่ผลดี เงินต่อเงินของใครต่อใคร ลองหันกลับมองอีกด้านดีไหม ใจพร้อมแล้ว เงินพร้อมยัง การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารอย่างมาก เนื่องจากมูลค่าหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามภาวะตลาดและปัจจัยอื่น ๆ ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่: ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา: ราคาหุ้นอาจขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วจากปัจจัยที่ไม่คาดคิด เช่น ข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจ หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง หุ้นการบินไทย THAI แย่งกันจองที่ธนาคาร 60 บาทต่อหุ้น ผู้เฒ่าผู้แก่ฟังโฆษณาชวนเชื่อไม่เคยรู้จักหุ้น รีบเสียเงิน ช่วงแรกยังพอมีกำไรสำหรับคนซื้อขาย ผ่านไปไม่นาน พวกเล่นหุ้นมือใหม่ ไม่กล้า cut loss มีแต่สาละวันเตี้ยลง ๆ รอว่าสักวันมันคงดีขึ้น แล้วมันก็ติดดอย สูงเสียดฟ้า ผ่านมาอีกสักอึดใจข่าวใหญ่หน้าหนึ่ง ล้มไม่เป็นท่า ขายขาดทุนหมดรูปกันเลย สุดเจ๊งล่ะครับ ไม่รู้สาเหตุหรอกชาวบ้าน โกงกินกัน สนุกกัน ใช้เงินไม่ตรงปก บ้างรู้แต่พูดไม่ได้ บ้างไม่รู้พูดเรื่อยเปื่อยมั่วไปหมด นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ของคนรู้ข่าวแต่ไม่กล้าขาดทุนช่วงแรก ใครจะไปคิด แบบนี้มีได้ด้วยหรือ ความเสี่ยงทางธุรกิจ: หากบริษัทที่ลงทุนประสบปัญหาทางการเงินหรือธุรกิจไม่เติบโตตามที่คาดหวัง ราคาหุ้นอาจตกลงและส่งผลต่อมูลค่าการลงทุน รายชื่อบริษัทที่ลงทุนประสบปัญหาทางการเงินหรือธุรกิจไม่เติบโตตามที่คาดหวัง ราคาหุ้นอาจตกลงและส่งผลต่อมูลค่าการลงทุน บริษัทที่เคยประสบปัญหาการเงินและมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารหลายครั้ง บริษัท อสมท บริษัท ไอทีเอส บริษัท ไทยเครื่องเบียร์ บริษัท ไทยเอ็กซ์เพลส บริษัทเกมที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน มีแฟรนไชส์ที่ช่วยสร้างรายได้ แต่มีความเสี่ยง เช่น: การแข่งขันในตลาด การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความล้มเหลวทางเทคนิค บริษัทความงามเผชิญกับความท้าทายทางการเงินจากหลายปัจจัย เช่น: ตลาดอิ่มตัว มีแบรนด์จำนวนมากในตลาด การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายในสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น เครื่องสำอาง การเปลี่ยนแปลงเทรนด์อย่างรวดเร็วส่งผลต่อยอดขาย หากบริษัทไม่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ปัญหาในห่วงโซ่อุปทานส่งผลต่อความพร้อมใช้และต้นทุนของผลิตภัณฑ์ ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง: หุ้นบางตัวอาจมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้ขายได้ยากในช่วงเวลาที่ต้องการใช้เงิน หุ้นที่มีแนวโน้มขาลง เงินจมในหุ้น ไม่กล้าขายกลัวขาดทุน รอจังหวะขึ้นจึงขาย ให้บังเอิญอยู่ในช่วงต้องรีบใช้เงิน การลงทุนในหุ้นอาจเป็นการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว แต่มีความผันผวนสูงในระยะสั้น มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารที่มีมูลค่าเงินและความมั่นคงในระยะสั้น การลงทุนในหุ้นต้องรับความเสี่ยงสูงกว่า เพราะราคาลดลงได้ คนที่ไม่ชอบความเสี่ยงฝากเงินในธนาคารจะรู้สึกมั่นคงมากกว่า การเล่นหุ้นมีความเสี่ยง เช่น: การเปลี่ยนแปลงในตลาดหุ้น: ตลาดหุ้นอาจเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีข่าวดีหรือเสียหาย การเลือกตัวเล่นหุ้น: การเลือกตัวเล่นหุ้นที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เสียเงินได้ การเสี่ยงทางการเงิน: การลงทุนในหุ้นอาจมีการเสี่ยงทางการเงินที่สูง เช่น การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีภาระหนี้สูง การเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในกฎหมาย: การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือนโยบายที่มีผลต่อตลาดหุ้นอาจส่งผลต่อการลงทุนของคุณ สรุป: หุ้นหรือเงินฝากธนาคาร ควรเลือกอะไร? ตอบแบบกำปั้นทุบดิน ตัวใครตัวมัน คนที่กล้าเสี่ยง เลือกหุ้น คนที่ไม่ยอมเสี่ยงเลือกฝากธนาคาร ทว่า อาจแบ่งเงินเป็นสองก้อน ฝากธนาคารสำหรับเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน เล่นหุ้นเพื่อการเติบโตในระยะยาว หรือลับสมองช่วงสั้น ๆ อาจได้เงินค่าขนมถ้าเล่นช่วงสั้น ๆ ซื้อถูกขายแพง หรือราคาหุ้นพื้นฐานดีจะสูงขึ้นระยะยาว ตัดสินใจด้วยตนเองเน้อ ทำไมต้องเล่นหุ้น ฝากธนาคารดีกว่ามั้ย
ทำไมต้องเล่นหุ้น ฝากธนาคารดีกว่ามั้ย
การเพิ่มเงินในกระเป๋ามีหลายวิธี วิธีหนึ่งคือการเล่นหุ้น ลองเปรียบเทียบการเล่นหุ้นกับการฝากเงินในธนาคาร ดูความเสี่ยง และผลตอบแทนที่จะได้รับ แล้วค่อยคิด ก็คงไม่สายเกินไปนะ กูรูบอก รู้จักอัตราเงินเฟ้อไหม เงินที่มีอยู่ ระวังค่าของมันจะหดหายนะ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ นั่นหมายความว่า ค่าของเงินจะลดน้อยลงทุกปีไปนะเออ ข้อมูลล่ะ ดูกันก่อน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ปี 2023 ธนาคารกรุงไทย: อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 3 เดือน 1.0000% ปี ธนาคารกรุงเทพ: อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 6 เดือน 1.0500% ปี ธนาคารกสิกรไทย: อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 12 เดือน 1.4500% ปี ธนาคารสยามธนาคาร: อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 24 เดือน 1.7000% ปี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของแต่ละธนาคารอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการและสภาพตลาด เงินฝากออมทรัพย์ และฝากประจำ อีกหนึ่งช่องทางการออมเงินที่จะก้าวไปสู่เส้นทางการเป็นเศรษฐีได้โดยที่ไม่ต้องเสี่ยงมากเกินไปเหมือนการลงทุนในหุ้น หรือการลงทุนรูปแบบอื่น เงินฝากออมทรัพย์ เหมาะกับนักออมรายย่อยหรือมนุษย์เงินเดือนที่อาจจะเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนไม่มากนัก เพราะเงินน้อยก็สามารถฝากได้ แถมยังการันตีว่าจะได้รับผลตอบแทนแน่นอน ไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการฝาก สามารถฝากถอนได้ทุกเมื่อจึงทำให้มีสภาพคล่องสูง ไม่ลำบากเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ให้คืนในบัญชีทุก 6 เดือนหรือปีละ 2 ครั้ง อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากออมทรัพย์ถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการฝากเงินในบัญชีประเภทอื่น เช่น บัญชีเงินฝากประจำ บัญชีเงินฝากประจำ เหมาะกับผู้ที่มีเงินเย็นอยู่บ้าง รวมถึงคนที่ตั้งใจเก็บเงินเพื่อซื้อของหรือบริการ จะควบคุมการเก็บเงินได้ง่ายกว่า แต่อาจขาดความยืดหยุ่นและไร้สภาพคล่อง จ่ายดอกเบี้ยครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดและดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% (ดอกเบี้ยที่ได้รับจริงจะต่ำกว่าประกาศของธนาคาร) อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์และฝากประจำ เดือนธันวาคม 2567 ของแต่ละธนาคาร ธนาคาร ออมทรัพย์ประจำ ออมทรัพย์ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน กรุงไทย 0.30 1.17 1.25 1.70 2.10 ไทยพาณิชย์ 0.25 1.00 1.10 1.50 1.90 กรุงศรีอยุธยา 0.30 1.10 1.25 1.70 2.00 กสิกรไทย 0.25 1.00 1.10 1.50 1.90 กรุงเทพ 0.30 1.00 1.10 1.45 1.70 ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2567 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเปรียบกับอัตราเงินเฟ้อในประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายน 2024 อยู่ที่ 0.95% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าประเภทของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารต่าง ๆ สังเกตนะ เฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำมักจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ดูตัวเลขแล้ว ต้องค้นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันจากแหล่งที่น่าเชื่อถือด้วย เปรียบเทียบการลงทุนในหุ้นกับเงินฝากธนาคาร ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่นักลงทุนควรรู้ ความคิดเห็นจากกูรูหลายสำนัก การลงทุนเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ควรเลือกลงทุนแบบไหน เน้นที่ผลตอบแทนและความเสี่ยง เพื่อช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบ การลงทุนในหุ้น คือ การเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อหุ้นของบริษัทที่มีมากมาย ตอนนี้ล่ะ คือ ปัญหา จะเลือกอย่างไร สิ่งที่ได้รับในรูปของเงินปันผลและกำไรจากการขายหุ้นที่มีราคาสูงกว่าราคาซื้อ ต้องซื้อถูกขายแพงเท่านั้น หากราคาตลาดถูกกว่า คงต้องรอปันผล หรือรอแล้วรอเล่า ราคาที่ซื้อยังแพง ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัวใครตัวมันนะ บ้างบอกให้ cut loss ยอมขายขาดทุน โดยมีข้อเสนอว่า ยอมขาดทุน 10 % ดีกว่าเจ๊งกราวรูด เช่น ผู้ถือหุ้นการบินไทย THAI เจ๊งจริง เพราะบริษัทล้ม ช่วยไม่ได้ นี่คือข้อเสียของการเล่นหุ้น แต่ไม่ใช่หุ้นทุกตัวนะ หุ้นบางตัวมีช่วงยอดฮิต ราคาขึ้นสูงปรี๊ด บ้างว่าเกิดจากการปั่นหุ้น ไม่ใช่ราคาจริง แล้วหยุดปั่น ราคาถอยลงเรื่อย ๆ คนซื้อไม่รีบเทขาย ไม่ตามข่าว เจ๊งได้เหมือนกัน การฝากเงินในธนาคารเป็นการนำเงินไปฝากในบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีเงินฝากประจำกับธนาคาร ผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการรับประกันผลตอบแทนที่แน่นอนในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น เปรียบเทียบผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้นและเงินฝากธนาคาร การลงทุนในหุ้น การลงทุนในหุ้นมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคารมาก โดยเฉลี่ยผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 8-10% ต่อปี ผลตอบแทนจริงจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับภาวะตลาดและความสามารถของบริษัทนั้น ๆ กำไรจากราคาหุ้น: นักลงทุนสามารถทำกำไรได้จากการซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำแล้วขายในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งราคาหุ้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ผลประกอบการของบริษัท ภาวะเศรษฐกิจ และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง เงินปันผล: บางบริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนของผลกำไร ซึ่งเป็นอีกแหล่งหนึ่งของผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น การฝากเงินในธนาคาร การฝากเงินในธนาคารเป็นวิธีที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่แน่นอน โดยทั่วไปอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ในประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 0.25-0.50% ต่อปี และดอกเบี้ยเงินฝากประจำอาจสูงขึ้นเล็กน้อยที่ประมาณ 1-2% ต่อปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาฝากเงินและนโยบายของธนาคาร ความแน่นอนของผลตอบแทน: ผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารเป็นแบบคงที่และได้รับการค้ำประกันโดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากในวงเงินที่กำหนด ทำให้นักลงทุนมั่นใจในความปลอดภัยของเงินต้น การรับประกันโดยรัฐ: เงินฝากธนาคารในประเทศไทยได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากในวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร มือใหม่เล่นหุ้น
มือใหม่เล่นหุ้น
ทำเงินจากเงิน เป็นเรื่องของคนมีช่องทาง ต่อยอดเงินให้งอกเงย ผู้รู้หาเงินด้วยหลากหลายวิธีตามแต่ตนรู้และถนัด การลงทุนในหุ้นเป็นอีกหนึ่งวิธี บ้างกล้าเล่นไม่กลัวเจ๊ง ทั้งที่มีคนเตือนแล้วเตือนอีก แล้วก็ได้เจ๊งหมดตัว บ้างเล่นแล้วรวยอู้ฟู่ด้วยเข้าในจังหวะที่เหมาะเหม็งผ่านการเรียนรู้จากกูรู การเล่นหุ้นคงไม่ได้ง่ายดายจนเกินไป บางช่วงที่หุ้นอยู่ในขาขึ้น เล่นตัวไหนได้เงินตัวนั้น ที่จริงได้ทุกตัวนั่นแหละ บางช่วงที่หุ้นอยู่ในขาลง มีแต่ขาดทุนทุกตัวไป ไม่ว่าจะเซียนแค่ไหน จังหวะจึงเป็นเรื่องสำคัญพอ ๆ กับการเรียนรู้กระมัง อาจไม่ใช่ก็ได้ การนำเงินเก็บไปต่อยอดอาจเป็นเรื่องง่าย ๆ จากการซื้อขายหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนจะกล้าเล่นหุ้น ทำไมล่ะ สงสัยมั้ย ทุกธุรกิจการลงทุนมีความเสี่ยง เสี่ยงมากได้มาก เสี่ยงน้อย ได้น้อย ไม่เสี่ยง ไม่ได้ กูรูบอก รู้จักอัตราเงินเฟ้อไหม เงินที่มีอยู่ ระวังค่าของมันจะหดหายนะ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ นั่นหมายความว่า ค่าของเงินจะลดน้อยลงทุกปีไปนะเออ เล่นหุ้น ดูโก้เหมือนจะเป็นเจ้าของกิจการร่วมเลยนะ รวยก็รวยด้วยกัน เจ๊งก็เจ๊งด้วยกัน เลยต้องเลือกกิจการด้วยที่จะทำให้รวย หรืออย่างน้อยได้เงินปันผลรายปี หรือมูลค่าของราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ซื้อขายช่วงสั้นได้กำไรจากส่วนต่าง เงินเย็นมาก เก็บนาน ๆ ราคาหุ้นอาจสูงจนลืมยอดเดิม หรือดิ่งเหวจนไม่กล้าขาย เช่นนี้ช่วยไม่ได้ ตัวใครตัวมันนะพวก ความเสี่ยงในการเล่นหุ้น 1. หุ้นบางตัวหวือหวา เตะตา กำไรดีเลยแห่ซื้อขายจนราคาหุ้นผันผวน 2. เศรษฐกิจถดถอย เงินทองขาดมือ หายาก เลยไม่มีใครซื้อขาย ตลาดหุ้นขาลง ยากต่อการทำกำไรระยะสั้น 3. หุ้นบางตัวเกิดปัญหาฟ้องร้อง การทุจริต ตกแต่งบัญชี ข้อมูลรั่ว โดนสอบ วุ่นไปหมด หนี้สิน และประสิทธิภาพในการบริหารงาน วิธีเลือกหุ้น 4 แบบ 1. ดูปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี (Value Investment) เล่นแบบเน้นคุณค่า VI มีโอกาสเติบโตและมั่นคงสูง มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสูง 2. เน้นการเติบโต (Growth Investment) ได้ผลตอบแทนในระยะสั้น อาจเป็นกิจการขนาดเล็ก สตาร์ทอัพ เพิ่งจะเริ่มต้นเปิดใหม่ 3. ลงทุนเชิงรุก (Active Investment) มีความผันผวน ความยืดหยุ่นสูง และมีความเสี่ยงสูง อาจได้เงินเร็ว แต่ต้องเร่งรีบซื้อขายในจังหวะที่พอดี 4. ลงทุนเชิงรับ (Passive Investment) หวังผลในระยะยาว เพื่อสร้างรายรับหลังเกษียณ ก่อนจ่ายเงิน เป็นนักเล่นหุ้น คิดสักนิด 1. นึกถึงก้อนเงินที่จะเสี่ยง ระดับความเสี่ยง ระยะเวลาที่ไม่ใช้เงินก้อนนี้ควรเป็นเงินเย็น ไม่ใช่เงินกู้ที่ต้องเร่งจ่ายดอกนะ 2. ความเสี่ยงที่พอจะรับไหว เจ๊งได้บ้าง หรือไม่ยอมเจ๊งแม้แต่น้อย ทำใจได้ระดับไหน |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |