Group Blog All Blog
|
มีข้อผิดพลาดบ้างหรอกน่า
มีข้อผิดพลาดบ้างหรอกน่า
สมัยนั้น มีการแบ่งช่วงชั้นเรียนต่างจากตอนนี้ ด้วยชื่อย่อต่างกัน แม้ชื่อเต็มจะเหมือนกัน รุ่นเราเรียกตัวย่อว่า ม.ศ. 1 ถึง ม.ศ. 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ ม.ศ. 4 ถึง ม.ศ. 5 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รุ่นใหม่ประหยัดตัวย่อ เป็น ม. 1 ถึง ม.6 ช่วงชั้นมัธยมศึกษามี 6 ชั้น ม. 1 ถึง ม. 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม. 4 ถึง ม. 6 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รุ่นใหม่อ่าน อาจบอกว่า ทำไมเรียนไม่เท่ากัน อ๊ะ ๆ ไม่ใช่ เพราะเราเรียนประถมศึกษา 7 ชั้น ป.1 ถึง ป.7 รุ่นใหม่เรียนแค่ 6 รวม ๆ แล้วเท่ากันแหละน่า ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วุ่นวายเปล่า ๆ นิ มันเป็นเรื่องการแก้ปัญหาง่าย ๆ ของผู้ใหญ่ในกระทรวง แต่ทำให้คนได้รู้ว่า จบมาจากรุ่นไหน เช่น ม. 8 รุ่นสุดท้าย ม.ศ.1 รุ่นแรก ม.1รุ่นแรก อะไรทำนองนี้ เรื่องที่ดูยุ่งยาก กลับเป็นการบอกกล่าวได้ง่ายขึ้นในกาลต่อมา เป็นเด็ก น้ำตาของครูกลั่นออกมา เพราะนักเรียนเกเร ไม่ตั้งใจเรียน หรือพูดจาประสาเด็ก ไม่เคารพครู เป็นครูก็น้อยใจเป็นนะ แล้วครูจะทำเช่นไร ประท้วงไม่เข้าสอน อบรมบอกกล่าวว่า นี่พวกเธอทำไม่ถูกต้องนะ วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2509 ได้บันทึกไว้ว่า เมื่อถึงคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ซิสเตอร์ฟรันซิสไม่ยอมเข้าห้องสอน โดยเขียนที่กระดานดำ (ทำไมเรียกกระดานดำนะ ทั้งที่จริงเป็นกระดานไม้ทาสีเขียว ใช้ชอล์คสีขาวเขียน) ข้อความบนกระดานดำ “นักเรียน ม.ศ. 1ไปดูถูกครูสุจิตรา ให้เวลาคิด” เด็กที่ไหนจะคิดได้ว่า คำไหนคือคำดูถูก ไม่ได้จดไว้ซะด้วย และควรแก้ไขอย่างไร นี่คือปัญหาของบันทึกวัยเด็กที่ไม่ได้จดรายละเอียด แล้วมันผ่านมานานเกิน 2568 กับ 2509 กี่ปีกัน แค่ลบเลข จิตใจไหวหวั่นซะแล้ว เราแก่มากแล้วจริง ๆ ชั่วโมงขับร้อง ครูสุคันธาเข้ามา พูดว่า คนไม่เกี่ยวออกไป แต่เราและเพื่อน 11 คน ต้องอยู่ นั่นคือเราเป็นจำเลย จดไว้ว่า ต้อยกับวีณาอยู่ด้วย ไม่รู้ว่า วีณาอยู่ในฐานะหัวหน้าห้องหรือเปล่า และครูร้องไห้จนปากสั่น พวกเราแย่ขนาดนั้นเชียวรึ ทำให้สงสารครู นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการอบรมว่า สิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ การใช้วาจาไม่เคารพครู หรือมีกิริยามารยาทไม่งาม เงินหาย เมื่อเหรัญญิกห้องเก็บเงินไม่ดี แล้วเงินห้องหายจะทำเช่นไร เรื่องเช่นนี้คงเป็นปกติ เพราะเมื่อเราเป็นครู เหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ครั้งเดียว จนครู ๆ ต้องมีวิธีแก้ไขการเก็บเงินห้อง วันที่ 31 ตุลาคม 2509 หลังพักกลางวัน เรียนวิชาภูมิศาสตร์ เสียงทิพย์ได้บอกครูสุคันธาว่า เงินที่เก็บค่าหนังสือชัยพฤกษ์หายไป 210 บาท ตายละวา อุทานในใจ ตกใจมาก เงินเยอะขนาดนี้ คิดว่าแค่ 100 ก็มากเกินไปแล้ว จะทำเช่นไรดีล่ะ ครูสุคันธาแก้ปัญหาด้วยการค้นตัวและกระเป๋าทุกคน คิดในใจว่า ขโมยที่ไหนจะเก็บไว้ให้มองเห็นนะ แล้วเป็นไปตามคาด หาไม่มีวันเจอ ทุกคนเลยกลายเป็นแพะ โดนเรียกเก็บเงิน ทั้งที่ไม่ใช่ขโมย ขโมยตัวจริงสบายไป แต่นิสัยไม่ดีและบาปในใจคงติดตัวไปตลอดชีวิต ต่างคนต่างตั้งข้อสงสัยกันไปว่า ใครคือขโมย ไม่รู้และคงไม่มีวันรู้ การกล่าวหาว่าใครเป็นขโมย ไม่ดี บางคนบอกเป็นการสะพายบาป ไม่เข้าใจเหมือนกัน เรื่องขโมยเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ เกิดขึ้นได้และยากนักที่จะจับได้ ซิสเตอร์ฟรันซิสใช้ไม่ตายขู่เด็กว่า ขโมยไม่สารภาพ ทุกคนจะไม่ได้ออกจากห้อง อดกลับบ้าน เป็นเด็กต้องกลัวอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครสารภาพ ผู้ร้ายใจแข็ง เมื่อซ่อนอย่างดี ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีทางจับได้หรอก เพราะคิดเช่นนี้จึงย่ามใจ บ่มเพาะความเป็นขโมยชิ้นใหญ่ มักง่ายอยากได้ของคนอื่น แล้วนิทานเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน สะกิดให้คิด สุดท้ายเลยบอกว่า ให้ช่วยกันเรี่ยไร อย่างต่ำคนละ 5 บาท แถมท้ายเรื่องจับขโมย เมื่อเรามาเป็นครูที่โรงเรียนชลบุรี “สุขบท” เงินของเราในกระเป๋าสตางค์ ในลิ้นชักโต๊ะครูหายไป ตอนบ่ายเรียกเด็กเข้ามาทีละคน แก๊งนั่งเล่นหน้าห้องพักครูเป็นประจำ ไม่มีใครมีพิรุธเลย แล้วจะจับได้อย่างไร จนอ่อนใจ คนสุดท้ายแล้ว เลยบ่นออกมาว่า เงินเป็นร้อยหายไป ครูจะกินอะไร เด็กเผลอบอก ไม่ถึงร้อยหรอก แค่แปดสิบเอง เลยจับขโมยได้ อบรมอีกหน่อย ให้รู้ว่า ไม่ใช่นิสัยที่ดี อย่าทำอีก หล่อหลอมศรัทธาให้เกิดขึ้น
หล่อหลอมศรัทธาให้เกิดขึ้น
ชีวิตเด็กคอนแวนต์ อยู่กับแม่ชีฝรั่ง ที่ศรัทธาในคริสต์ศาสนา พร่ำสอนอบรมบ่มเพาะ ตั้งแต่ ป.1ก เทียบเท่าอนุบาล จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ย่อมต้องรู้เรื่อง เข้าใจและซึมซับมากพอสมควร เกือบเปลี่ยนศาสนาเสียแล้ว เพราะเรียนโรงเรียนที่นิกายโรมันคาทอลิค ศาสนาคริสต์ดูแล จึงซึมซับในคำสอนจนอยากเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ แต่ไม่รู้ว่าเพราะพ่อหรือแม่ที่คัดค้าน จึงนับถือศาสนาพุทธต่อมา ตอนนั้นยังเด็กมาก เราไปบอกพ่อแม่ แต่โดนยับยั้ง บอกให้โตอีกนิด แดงบอกเกือบเปลี่ยนแล้วเหมือนกัน ทุกเช้าวันพฤหัสบดี เมื่อไปถึงโรงเรียน จะเข้าห้องฟังเทศน์ สวดมนต์ ดูเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่นับถือศาสนาคริสต์ไปรับศีล เอาแผ่นขนมปังเข้าปาก ตอนนั้นไม่รู้ คิดเองว่า ต้องกลืนแผ่นพลาสติค กลม ๆ ขาว ๆ เข้าคอให้ได้ ห้ามเคี้ยวเพื่อนบอก เลยยิ่งกลัวเพราะกลืนยาไม่เป็น นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากเป็นคริสต์ กลัวลำบากตอนกลืน ขนาดยาเม็ดยังกลืนลงคอไม่ได้ รอจนตั้งท้องลูกคนแรกจึงกลืนยาเป็น ตลกไหมล่ะ เด็กหนอเด็ก หลายเรื่องที่คิดเองเออเองแบบเข้าใจผิด และไม่ถามไถ่ให้รู้ความจริง สวดมนต์กันทั้งวัน เช้าสวด ก่อนกลับบ้านสวด ก่อนและหลังมื้ออาหารก็สวด แต่ตอนนี้จำไม่ได้แล้วบทสวดมนต์ แม้แต่บทสวดของพุทธก็สวดไม่เป็น ดูไปดูมาเหมือนคนไม่มีศาสนา สวดมนต์ไม่เป็นเลย ถาม copilot ได้คำตอบ ไม่รู้ตรงกับที่เคยสวดสมัยเป็นเด็กหรือไม่ พระสิริจงมีแด่พระบิดา พระบุตร และพระจิต ดังที่ได้เป็นอยู่ในปฐมกาล บัดนี้ และตลอดไป เป็นนิตย์ อาเมน ในศาสนาคริสต์ การสวดมนต์ก่อนหรือหลังการรับประทานอาหารเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อขอบคุณพระเจ้า บทสวดก่อนรับประทานอาหาร พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ขอขอบคุณสำหรับอาหารที่กำลังจะรับประทาน โปรดอวยพรให้เรามีสุขภาพดีและแข็งแรง อาเมน บทสวดหลังรับประทานอาหาร พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ขอขอบคุณสำหรับอาหารที่ได้รับประทานในวันนี้ โปรดอวยพรให้เรามีความสุขและกายที่แข็งแรง อาเมน เรารู้จักตำนาน ความเชื่อความศรัทธา ความเป็นไปความเป็นมาของศาสนาคริสต์ดีกว่าศาสนาพุทธเสียอีกในวัยเด็ก ภาพสวย ๆ ของพวกฝรั่ง ของรูปพระเยซู แม่พระ เป็นภาพที่ชอบมาก สวยงามและมีความหมาย เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ บางคนไปที่รูปปั้นแม่พระมารีอาเพื่อขอพร และถึงขั้นเอารูปแม่พระมาสร้างที่ไหว้ส่วนตัวของกลุ่มเพื่อน เอาสนแห้ง ๆ มาก่อเป็นที่วางรูปเหมือนวันคริสตมาส เพื่อนกลุ่มนี้ น่าจะมีแดง สุ รัสดา และเรา แต่แดงยืนยันว่าคือหยี เพราะรัสดามาเข้าเรียนหลังจากนั้น แดงเป็นคนความจำดีกว่าเรา เล่าได้เป็นตุเป็นตะ จนชักจะจำขึ้นมาได้บ้าง การคุยความหลังทำให้เกิดเสียงหัวเราะดังสนั่นตลอดเวลาที่คุยกันทางมือถือ ช่วงปีใหม่ แดงเล่าว่าเป็นเหมือนต้นไม้เล็ก ๆ คงเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กที่เพิ่งจะเริ่มโต ที่มีช่องหรือโพรงให้เด็กตัวเล็กเข้าไปขอพรได้ทีละคน ทำไมต้องขอพร พวกเรารับรู้ว่า แม่พระจะให้ในสิ่งที่พวกเราปรารถนา เมื่อใครอยากได้สิ่งใด มักจะไปขอพรที่รูปปั้นแม่พระ บริเวณใกล้ประตูโรงเรียน ดูว่ามันจะเอิกเกริกไปหน่อย ถ้าจะขอพรบ่อย ๆ พวกเราแสนฉลาดเฉลียว เลยทำที่ไหว้ขอพรเสียเอง นึกถึงกระท่อมที่พระเยซูประสูติ เมื่อได้ร่มเงาช่องเล็กของต้นไม้แล้ว ให้นึกถึงกระท่อม เอารูปแม่พระมาประดิษฐาน ใช้สนแห้งมาปูรองพื้น เหมือนกองฟางที่แม่พระให้ประสูติพระเยซู ดูโก้มากทีเดียวเชียว เมื่อได้ที่สักการะเรียบร้อย ช่วงพักหลังทานข้าวเที่ยง เด็กน้อยสี่คน จะจูงมือไปยังที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา โดยแดงจะเอาลูกจันทน์จากที่บ้านมาเป็นของไหว้ แล้วแต่ใครจะมีดอกไม้มาเพิ่มเติมได้ น่าจะเป็นดอกแคฝรั่งที่ปลูกรอบรั้ว สวยงามสีชมพูเหมือนดอกซากุระ บานในช่วงอากาศเย็น ๆ หลังกินข้าวกลางวัน จะไปนั่งไหว้สวดมนต์ต่อหน้ารูปแม่พระนี้ เอาขนมนิด ๆ หน่อย ๆ ไปไหว้ด้วย น่ารักดีนะที่คิดทำอะไรแบบนี้ ไม่รู้เพื่อน ๆ พอจะจำได้หรือไม่ ศรัทธาที่มั่นใจว่าแม่พระจะให้ในสิ่งที่ปรารถนาได้ เพราะเมรี่เป็นคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นับถือพระสันตะปาปา ยอมรับศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 อย่าง ศีลล้างบาป, ศีลมหาสนิท, ศีลกำลัง, ศีลสมรส, ศีลเจิมคนป่วย, ศีลบวช, และศีลแก้บาป ให้ความสำคัญและนับถือแม่พระมารีอาอย่างสูง รวมถึงนักบุญต่าง ๆ การไถ่บาป มีการสารภาพบาปต่อนักบวชหรือบาทหลวง และได้รับการให้อภัยบาป อยู่ใกล้สิ่งใด ซึมซับรับสิ่งนั้น นัดเจอกัน สังสรรค์เพื่อนเก่า
นัดเจอกัน สังสรรค์เพื่อนเก่า ห่างหายกันไปนาน แยกย้ายจากกันหลังเรียนจบมัธยมศึกษาตอนต้น ยุ่งกับการทำงาน การแต่งงาน เลี้ยงลูก เพื่อนเก่าสมัยประถม บางคนได้เจอกันบ้าง บางคนไม่เคยเห็นค่าหน้าค่าตา ออกจากเมืองชลไปอยู่หนใดไม่รู้กันเลย การสื่อสารไม่ได้สะดวกรวดเร็ว ค้นหากันเจอและติดต่อกันได้ง่าย อุแม่เจ้า โชคดีอะไรปานนี้ เมื่อคนฉลาดรุ่น gen B เช่น Steve Jobs และ Bill Gates ผู้ทำให้โลกทั้งใบแคบแค่ลัดนิ้วมือเดียว ได้สร้างมือถือ คอมพิวเตอร์ นอกจากขอบคุณพระเจ้าแล้ว ต้องขอบคุณอัจฉริยะตัวพ่อสองคนนี้ และบรรดาทีมงานของพวกเขา ที่ทำให้วงการเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เจริญอย่างรวดเร็ว แต่ชนิดก้าวกระโดด พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ บางคนบอกหลังฝ่าเท้าต่างหาก มันคืออัศจรรย์แห่งชีวิตจริง ๆ ที่คนรุ่นเราได้เห็น คนรุ่นลูกรุ่นหลานคงชินชาและเฉย ๆ วันที่นัดเจอเพื่อนเรียนเมรี่ เพื่อหาเรื่องกินข้าว เม้าท์มอยด์ตามประสาคนว่างงานและมีเงินเหลือล้น จบ ม.ศ. 3 พ.ศ. 2511 มาเจอกันครั้งแรก ผ่านไป 50 กว่าปี จะจำกันได้มั้ย บางคนเคยอ้วนตุ๊ต๊ะสมัยเด็ก ตอนนี้ผอม ร่างบางตัวเล็ก ส่วนเราตัวเล็กผอมแห้งแรงน้อย เพื่อนเรียกแห้งกลับอ้วนตุ๊ต๊ะแทน อะไร ๆ มันก็ไม่แน่หรอกนาย แรก ๆ เจอกัน จนหรือรวย จ่ายเงินเท่ากัน American share เราเป็นครู มีแต่เงินเดือน พอยังชีพไปเดือน ๆ น่าจะมีทรัพย์น้อยที่สุด เลยสบายใจไม่ต้องให้เพื่อนเลี้ยงและไม่ต้องเลี้ยงเพื่อน ตัวใครตัวมัน กินร้านหรู อาหารอร่อย นั่งคุยได้นาน เจ้าของร้านไม่เหล่ตามอง เป็นอันใช้ได้ ข้อสำคัญต้องสะดวกต่อการเดินทาง สยามถิ่นวัยรุ่น และสวรรค์วัยเก๋า เสียงคุยคงดัง ด้วยกลัวว่าจะลืมเรื่องที่จะพูด และหูอาจตึง ๆ กันบ้าง เสียงหัวเราะสนุกสนานครื้นเครงมาก ๆ ได้เจอเพื่อนเก่า เล่าความหลัง มันคือความอิ่มเอมเปรมปรีด์เป็นที่สุด ตอนหลังคนรวย ๆ คงคิดว่าน่าจะหาเรื่องเลี้ยงเพื่อนซะหน่อย จึงอ้างนั่นอ้างนี่ เพื่อนเลยได้กินฟรีหลายครั้ง เพื่อนทุกคนที่มาเจอกันมั่งคั่งร่ำรวย แม้แต่หมาน้อยของเพื่อนยังชื่อ ร่ำรวย เพื่อนบอกมันคือเคล็ดวิชา ทำให้ยิ่งร่ำรวย การออกเสียงร่ำรวย ๆ ย้ำเตือนว่า เราจะร่ำรวยมากขึ้น เพื่อนคนนี้ทำ surprise ซื้อหนังสือที่เราแต่ง แล้วมาขอลายเซ็น ปลื้มปริ่มมาก ๆ ไม่น่าจะมีใครแม้คนในบ้านที่คิดจะอ่านและขอลายเซ็นเลย สุ แม่เลี้ยงเชียงใหม่ บอกพาลูกและสามีมาด้วย ทำธุรกิจที่กรุงเทพ มาจากเชียงใหม่ ขอเลี้ยงเพื่อน ๆ มาบ่อย ๆ ก็ดีเน้อ ตุ๊กผู้สวยงามและมีโชคจากการเสี่ยงดวงสม่ำเสมอ เมื่อมีโชคเพื่อน ๆ พลอยได้รับโชคไปด้วย ขอให้ตุ๊กโชคดีบ่อย ๆ เพื่อนจะได้โชคดีตามไปด้วยนะจ๊ะ วีณาหัวหน้าห้องตลอดกาล หมอฟันที่โด่งดัง ลูกศิษย์เคยอ้างชื่อ ด้วยสั่งให้ไปสัมภาษณ์คนในอาชีพ อาชีพนี้ไม่รวยก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ขายที่ดินได้ยิ่งรวย แว่น เคยสอนโรงเรียนเตรียมอุดม ที่เด็กสมัครสอบนับหมื่น ผันตัวมาเป็นติวเตอร์ดังย่านสยาม แม้แต่เรายังถามความรู้เรื่องสังคมกับเหตุการณ์โลกบ่อย ๆ หนิง ผู้จัดการธนาคาร รวยหรือไม่ ไม่รู้ แต่คุมเงินนับล้าน ๆ ของลูกค้า นี่ก็รวยขึ้นมาก ๆ จากการขายที่ดินเหมือนกัน เลยไม่สนเงินของลูกค้า เอื้องกุลวดี สาวสวยประจำห้อง ทั้งสวยและเรียนเก่ง ได้ที่ 1 ผลัดกับวีณา ได้สามีสอนมหาวิทยาลัยดัง ลูกสาวอยู่อเมริกา หลานเก่งมากทุกคน แดง ลูกเศรษฐี แต่งงานกับฝรั่ง ย้ายไปอยู่เมืองนอก ตอนนี้มาซื้อบ้านแถวพัทยา คนนี้มีวีรกรรมทำโซ่ชิงช้าขาด กลัวซิสเตอร์รู้กันแทบตายสองคนกับเรา เพื่อนที่มารวมตัวมีอีกหลายคน บรรยายไม่ครบทุกคน ติ๊ดเพื่อนที่อยู่บ้านใกล้ที่สุด ขายวิทยุโทรทัศน์ วันหนึ่งเราได้ยินลูกค้าบอกขอซื้อถ่าน แอบงงไปพัก ทำไมขายถ่าน ที่แท้ถ่านไฟฉายนี่เอง คิดว่าถ่านหุงข้าว บ้านติ๊ดมีลูกสาวสวยทุกคน ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแถบหน้าวัดใหญ่ ถามว่า เมื่อก่อนมี ป.1 ก ป.1 ข ใช่ไหม เราตอบใช่ หนิงเสริมว่า แห้งความจำดีที่สุด ชอบมากเลย คำชมนี้ ไม่รวยแต่ยังพอมีสมองให้คนชมได้ โอเคแล้ว เริ่มแรกเรียน ป.1 ก แล้วต่อด้วย ป.1 ข ไม่ได้เรียกอนุบาล 1 2 3 เหมือนทุกวันนี้ ยุคหลักสูตร 2503 ช่วงชั้นแบ่งเป็น 7 - 3 - 2 ประถม 1 ถึง 7 มัธยมต้น มศ. 1 ถึง มศ. 3 มัธยมปลาย มศ. 4 ถึง มศ. 5 รุ่นพี่ชายคนโต ตอนมัธยมปลาย เรียก ม. 7 กับ ม. 8 ตอนนี้เพิ่มอนุบาล เลยแบ่งเป็น 3 - 6 - 3 - 3 อนุบาล 1 ถึง 3 ประถม 1 ถึง 6 ม. 1 ถึง 3 ม. 4 ถึง 6 เท่ากับคนรุ่นนี้เรียนมากขึ้นอีก 3 ปี เพราะเรียกชื่อต่างกัน บางทีการรวมรุ่นเลยพูดกันว่า ป.7 รุ่นสุดท้าย ม.ศ.1 รุ่นแรก อะไรทำนองนี้ ทำให้ครูแก่ ๆ พอระลึกได้ เปลี่ยนแต่ชื่อ แต่ไม่เปลี่ยนหลักสูตร ไม่ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน ทุกสิ่งคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง งานหน้าศาลเมืองชล
#งานหน้าศาลเมืองชล
#พรรณีเกษกมล งานหน้าศาลเมืองชล งานประจำปีของชลบุรี เป็นงานใหญ่สุดของเมืองชล ลานกว้างที่จัดเป็นแหล่งรวมศูนย์ราชการ ตั้งอยู่หน้าศาลากลางประจำจังหวัด แต่เดิมมีศาลจังหวัด ศาลากลางหลังเก่าอยู่ฝั่งเดียวกับโรงเรียนอนุบาลชลบุรี ฝั่งตรงข้ามเป็นหอพระพุทธสิหิงค์ ศาลาประชาคม และโรงเรียนชลกันยานุกูล เลยตรงนี้เป็นเรือนจำ วัดเนินสุทธาวาส สถานีตำรวจ สำนักงานที่ดิน แม้จะแก่เฒ่ามากแล้วยังคงแทนตัวว่า เป็นเด็กเมืองชล เป็นคนชลบุรี เด็กหน้าวัดใหญ่ เด็กตลาด ทำไมเป็นงานที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอ เป็นเพราะไม่มีห้างใหญ่ให้ไปเดินเที่ยวเล่นเหมือนยุคนี้ แม้แต่คนบ้านไร่ที่เดินทางมาอย่างยากลำบาก ต้องเหมารถมาเที่ยว รถบ้านไร่เป็นของกู๋แดงน้อง ชายแม่ มาจอดที่หน้าร้านเลิศฟ้า คนบ้านไร่มาเสริมสวยก่อนไปเที่ยว สีเสื้อผ้าตัดกันชนิดแสบตา แดงเขียว ราวกับไปงานคริสต์มาส ต้องจัดเต็ม สวยเต็มที่ งานหน้าศาล แขกทำผมเต็มร้าน ยุ่งกันมือเป็นระวิง อย่างว่า ใคร ๆ อยากสวยก่อนไปเฉิดฉายในงานใหญ่ประจำปี บางคนได้เดินเที่ยวนิดเดียว เพราะดัดผมใช้เวลานาน แต่ทุกคนเริงร่าเที่ยวจนดึกดื่น ส่วนพวกเราขึ้นไปเล่นบนรถ ห้อยขาสองฝั่งมาหนีบขากัน มือใครหล่นจากราว เป็นอันแพ้ พอโตหน่อยไปพายเรือเล่นในโรงเรียนชลกันยานุกูล สองคนกับหมวยนิ เล่นกันหลายคืน มีอยู่หนึ่งคืน งิ้นเพื่อนบ้านรูปร่างอ้วนมาขอนั่งเรือด้วย พอลงเรือไม่นาน เรือจมเลย น้ำหนักเกิน เมษาหน้าร้อน งานยิ่งใหญ่สุด 10 วัน 10 คืน หนุ่มสาวหาเรื่องเที่ยวกันทั้ง 10 คืนนั่นแหละ มันเป็นโอกาสที่จะได้เดินจู๋จี๋ จีบกันอย่างเปิดเผย คู่ใครคู่มันกันเลย เพราะเป็นเมษาที่จะมีฝนหลงฤดู ตกลงมาห่าใหญ่ช่วงสงกรานต์ ทำให้บรรดานายอำเภอที่ดูแลสร้างเวทีบางคนไม่เข้าใจ ไม่ลงทุนสร้างให้ใหญ่โตแข็งแรงต้านลมพายุได้ ทำให้เละพังไม่เป็นท่า แต่ละอำเภอต้องแข่งกันสร้างเวที สร้างเมืองตามแต่จะคิดให้อลังการ ใหญ่โตสวยงามที่สุด บริเวณที่จัดงาน จะทำซุ้มประตูเพื่อเก็บตั๋วเข้างาน สวยงามมาก แต่ละปีไม่ซ้ำกัน พี่กมลแฟนของพี่ไพเป็นนายช่างใหญ่ที่ออกแบบซุ้ม อวยกันเอง ร้านค้าที่ขายของจะขายกันชนิดเอาทุนคืน ก่อนงาน หลังงานนานอักโข นานเป็นเดือน ๆ กันเชียวแหละ สมัยนี้ไม่ตื่นเต้นกัน ตลาดนัดผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ไม่ต้องรอมาซื้อที่นี่ สารพัดของที่จะขายตั้งแต่ชิ้นเล็กชิ้นน้อย นึกถึงสำนวนสากกะเบือยันเรือรบ ขายรองเท้าติดป้ายว่า ซื้อ 1 แถม 1 พอเข้าไปถาม กลายเป็นซื้อ 1 ข้าง แถมอีก 1 ข้าง เป็นงั้นไป ไอศกรีมเป็นของอร่อย ทั่วไปตามร้านไม่ค่อยมีขาย ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้มีขายเกร่อไปหมด ยิ่งไอศกรีมจากจีนมีทั่วบ้านทุกหนแห่งไม่แพงอีกต่างหาก เฟอร์นิเจอร์ไม้สักดี ๆ ชิ้นใหญ่ต้องรอซื้อที่งานหน้าศาล ตู้เตียง สารพัดไม้สุดสวยงาม ทนทานแข็งแรง ชนิดใช้ได้ชั่วลูกชั่วหลาน น่าจะมีรถบริการขนส่งถึงบ้าน แต่ไม่เคยรู้ราคา เพราะไม่เคยเข้าไปถามไถ่ ไก่ย่างนี่จำต้องขาย เป็นของที่ต้องกินทีเดียว จำว่าทั้งตัว 16 บาท อย่างว่าอัตราเงินเฟ้อทำให้คนรุ่นหลังงงไปตาม ๆ กัน มีทั้งขายตามร้านรอบนอก แต่จะให้เท่ต้องกินในร้านของแต่ละอำเภอ จะมีสาว ๆ อโกโก้มาเต้นโชว์ ดนตรีคลอ โก้ซะไม่มีดี มีต่อยมวยบนเวที ลานเต้นรำสาว ๆ นุ่งกระโปรงสั้น ๆ ให้หนุ่มตีตั๋วขึ้นไปรำวง เป็นรอบ ๆ ไป ชิงช้าสวรรค์นี่เคยขึ้น ถ้าโชคร้ายชิงช้าอยู่ยอดสุดแล้วต้องหยุด ให้คนอื่นขึ้น สุดเสียวเลยนะ แต่หนุ่มสาวที่เพิ่งรักกันคงโอเคแหละ หนุ่มสาวต้องกินไก่ย่างในร้านแต่ละอำเภอ ที่หนุ่มต้องเปย์ ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก แม่จะสอนลูกศิษย์ที่จะออกไปเที่ยวกับหนุ่ม ๆ ให้ระวังท่าทางกินไก่ย่าง ห้ามหยิบน่องไก่ เนื้อชิ้นใหญ่แทะกระดูก ไม่งดงาม ทั้งที่อยากทำ ต้องสงวนท่าทีกันหน่อย อาจซื้อห่อกลับบ้านมาแทะกระดูกกันต่อที่บ้าน สุดทางของงานต้องริมทะเล เด็ก ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้เยี่ยมกรายเข้าใกล้ ได้ยินแต่เสียงเพลง ต่อมาเรียกกันว่า เพลงจ้ำบ๊ะ เป็นเพลงฝรั่งเร่าร้อน cherry pink and apple wine ข้างในมีอะไร ไม่เคยรู้เหมือนกัน คงมีแต่หนุ่ม ๆ ที่ได้เข้าไป แค่เดินรอบงาน สุดเมื่อยแล้วสำหรับเด็ก ๆ คงไม่มีปัญญาเดินไปไกล ๆ ถึงโรงจ้ำบ๊ะกันหรอก ต้องตั้งใจจริง ๆ สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ตรงนี้เดิมเรียกตำหนักน้ำ เป็นเรือนไม้อยู่ไกลออกไป เหมือนจะเป็นสะพานที่ยื่นออกไปในทะเล เมืองชลมีสะพานที่ยื่นออกไปในทะเลหลายแห่ง แต่ตำหนักน้ำนี่เท่สุด เพราะเป็นที่สาธารณะ ส่วนสะพานอื่นเป็นของชาวบ้าน มีบ้านเรือนริมทะเล แล้วแต่ขนาดของสะพาน แรก ๆ จะมีไม้กระดานหลายแผ่นหน่อย เดินออกไป ไม้กระดานเหลือน้อยแผ่น ตอนเป็นเด็ก เคยถือถาดของงานหมั้น เดินบนสะพาน บ้านเจ้าสาวอยู่ปลายสะพาน เดินบนกระดานแผ่นเดียว เสียวมั้ยล่ะ ผู้ใหญ่ต้องรอลุ้นว่าจะมีเด็กเดินตกสะพาน อยากรู้ชื่อสะพานเมืองชลที่คล้องจองกัน ลองเปิดเนตเห็นแต่ชื่อสะพานชลมารควิถี ที่จริงไม่น่าเรียกสะพาน เป็นถนนที่ยื่นออกไปในทะเล เลียบชายฝั่งจากแยกใกล้อ่างศิลาจนถึงหน้าวัดเขาบางทราย สวยงามอลังการมาก มองเห็นแผ่นน้ำผืนฟ้า บางวันน้ำทะเลหนุนสูง น้ำขึ้นมาถนนนี้ สะพานท่าเรือพลี จะคึกคักเย็นวันเสาร์ ต้องใช้เวลาค้นนาน แล้วไม่เจอ ต้องค้นว่าชื่อซอย ไม่ใช่ชื่อสะพาน 34 ซอยที่แต่เดิมเป็นสะพานยื่นลงไปในทะเลชลบุรี เป็นสะพานไม้เรียงทอดยาวต่อกัน เลยได้ชื่อมา #ชื่อสะพานหรือซอยที่คล้องจองกันของชลบุรี ตอนเป็นเด็กจะท่องชื่อสะพานเหล่านี้ได้ ราชวิถี ศรีบัญญัติ รัฐผดุง บำรุงเขต เจตน์ประชา ฑีฆามารค ภาคมหรรณพ์ จันทร์สถิตย์ พิทย์สถาน บ้านลำภู คูกำพล กลป้อมค่าย บ่ายพลนำ สำราญราษฎร์ ชาติเดชา ท่าเรือพลี ศรีนิคม ปฐมวัย ไกรเกรียงยุค สุขนิรันดร์ เสริมสันติ อดิเรก เอกวุฒิ อุทยาน ธารนที ปรีดารมย์ ชมสำราญ ย่านโพธิ์ทอง คลองสังเขป เทพประสาท ราษฎรประสิทธิ์ จิตประสงค์ จงประสาน เทศบาลสมมุติ ชุดที่ใส่ต้องสวยงาม มีซับในเหมือนสุ่มไก่ ให้กระโปรงพอง ๆ ทว่ามันคันยุบยิบตอนนั่ง เด็ก ๆ เดินได้ไม่นาน งอแงเพราะง่วง ครั้งหนึ่งมีงานใหญ่ตอนกลางวัน น้องสาวเคยรอแม่กับช่างที่ร้านจะไปเที่ยว เมื่อแขกทำผมเยอะ น้องผล็อยหลับ ทุกคนออกจากร้านไปแล้ว นึกได้ว่าน้องสาวไม่ได้ออกมาด้วย ต้องกลับมาปลุกให้น้องตื่น ภาพอดีตไม่มีอีกแล้ว ภาพงานเปลี่ยนไป ไม่ได้ไปเดินเที่ยวงานสงกรานต์เมืองชลหลายปีดีดักแล้ว คุยกับตัวเองในวัยเด็ก #เด็กคอนแวนต์
#คุยกับตัวเองในวัยเด็ก #เด็กคอนแวนต์
วิธีการหนึ่งที่จะก้าวออกมาจากอดีตแล้วก้าวต่อไปอย่างมั่นใจ เพื่อให้ชีวิตดียิ่งขึ้นในทุกย่างก้าว คือ เลือกที่จะค้นหาตัวตนในวัยเด็ก ด้วยการการคิดออกมาดัง ๆ (Thinking Out Loud) จัดระเบียบความคิดและระบายสิ่งที่อยู่ในหัว ใช้การขีด ๆ เขียน ๆ ให้เห็นภาพความทรงจำชัดเจนขึ้น สิ่งที่เคยมองตัวเองว่าเป็นเช่นไร นั่นอาจไม่สำคัญเท่ากับที่มองหรือวาดภาพฝันในอนาคต แล้วก้าวเดินตามรอยฝันไปให้สุดจุดหมาย ชีวิตเด็กหญิงหนึ่งคนอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กอีกเป็นร้อยพันหมื่นแสน แล้วแต่กระแสคลื่นความคิดจะพัดพาโชยไปหายังผู้ใด แล้วทำให้เขาได้ก้าวต่อด้วยความสุข ไม่โดนคลื่นแห่งความชั่วร้ายพลัดตกลงในทะเล ประสบการณ์ของหนึ่งคน เป็นบทเรียนให้คนอื่นได้ โดยไม่ต้องถลำตกลงไปด้วยตนเอง บทเรียนที่ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียนและจำต้องผ่านด้วยตนเอเท่านั้น |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |