Group Blog All Blog
|
การเล่นเฟสบุ๊คและไลน์ ก้าวตามกระแส
การเล่นเฟสบุ๊คและไลน์ ก้าวตามกระแส
การติดต่อสื่อสารกับผู้คนเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ได้รู้ข้อมูลข่าวสารของคนใกล้ตัว ข้อสำคัญช่วยให้ผู้สูงอายุคลายเหงา เหมือนได้คุยกับเพื่อนทั้งวันทุกวัน ยุ่ง ๆ หมดไปวัน ๆ ได้ สมัยก่อนเรามักอยู่รวมกันในหมู่บ้านหรือชุมชนเดียวกัน ทุกเรื่องราว ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ จะรู้ไปทั่วภายในไม่กี่วินาที จึงไม่จำเป็นต้องเล่นเนต สมัยนี้ย้ายถิ่นไปต่างบ้านต่างเมือง ไปอยู่กับคนแปลกหน้า ความโหยหาความรู้สึกเก่า ๆ ย่อมมีอยู่ สมัยใหม่ได้สนองอารมณ์เช่นนี้ ด้วยการมี social network ทำให้เราได้ติดต่อพูดคุยกับคนอยู่ไกล ๆ ได้ง่ายนิดเดียว การเล่นเนต เล่นเฟสบุ๊ค เหมือนการโยนหินก้อนเล็กลงทะเล เราไม่รู้หรอกว่า มันจะนอนนิ่งอยู่ชายทะเล หรือเคลื่อนไหลไปตามกระแสคลื่น พัดพาห่างไกลไปอีกไกลแสนไกล ทุกครั้งที่เขียนหรือลงรูปภาพ ไม่รู้ว่ามีคนอ่านสักกี่คน ดูแค่จำนวนคนที่กดถูกใจ หรือแสดงความคิดเห็นตอบโต้ หรือแม้แต่แสดงความรู้สึกออกมา ให้รู้สึกยินดียิ่งนัก ว่าสิ่งที่ทำนั้นเกิดประโยชน์ ไม่ได้เสียเปล่าเลย แต่จำนวนนั้นช่างน้อยนิด เมื่อเทียบกับจำนวนเพื่อนทั้งหมด ครั้นเจอเพื่อน ตามถิ่นต่าง ๆ บางคนบอกติดตามมาตลอด ให้ยินดีเพิ่มมาอีกนิด แต่จะดีควรจะกดถูกใจบ้าง จะได้เป็นการสื่อสารสองทาง การคุยคนเดียวมันไม่มันส์หรอก ถ้าไม่ได้โต้ตอบกัน บางคนไม่เล่นเฟสบุ๊คด้วยกลัวภยันตรายบางอย่าง และการโต้ตอบพูดคุยกันไม่มากเท่าที่ควร การเล่นไลน์ตามกลุ่มต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิก ทำให้การพูดคุย หยอกล้อระหว่างสมาชิกเป็นไปด้วยความสนุกสนานมากขึ้น ความหงอยเหงาลดลง แม้จะไม่ได้ออกปากหัวเราะคิกคัก จนไลน์ปรับแก้ให้มีการสนทนาแบบโทรศัพท์ได้ และเพิ่มแบบกลุ่มพร้อมกันหลายคน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว รับมือกับการเปลี่ยนแปลงโลกใหม่
รับมือกับการเปลี่ยนแปลงโลกใหม่
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงในโลกสูงมากและเป็นไปอย่างรวดเร็ว การยืนอยู่กับที่เท่ากับเดินถอยหลังแล้ว เมื่ออยู่ในลู่วิ่ง ทุกคนต่างวิ่งกันด้วยความรวดเร็ว ถ้ามัวแต่อ้อยอิ่งมีหวังโดนแซงไปตลอดทางจนอยู่ท้ายสุดและโดนไล่ออกจากลู่วิ่งโดยไม่เต็มใจ การยอมรับว่าขณะนี้ไม่เหมือนกับสมัยที่ยังเป็นเด็กและหนุ่มสาว การนิ่งยอมฟังคนอื่นโดยไม่แสดงความคิดเห็นเป็นลักษณะของคนไทยที่ยอมอ่อนน้อมถ่อมตน ในยุคที่เล่น Facebook และ line บางคนได้แต่เปิดดูแล้วไม่ยอมกด like share แสดงความรู้สึก หรือแสดงความคิดเห็น อาจโดนบางคนค่อนขอด นานวันเข้าโดนออกจากกลุ่ม ลบจากการเป็นเพื่อน ทั้งที่จริงแล้วเขาให้ออกต่างหากด้วยไม่เคยมีปฎิสัมพันธ์ หน่วยความจำจึงเลือนหายไป บางคนไม่โต้ตอบอาจหวาดหวั่นว่าจะโดนแฮกข้อมูล ทำไม่เป็น ไม่ชอบแสดงตน แต่ไม่ใช่สำหรับคนในยุคที่จะติดต่อสื่อสารกันผ่านสังคมออนไลน์ ในทางกลับกัน ผู้ที่ก้าวกระโดดเข้าไปเต็มตัว รับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจเกิดผลร้ายได้เช่นกัน ด้วยฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อถึงกัน ทำให้สูญเสียทรัพย์สิน เสียชื่อเสียง ด้วยมีผู้ที่ประสงค์ร้ายแอบดัดแปลงข้อมูล เพื่อทำมิดีมิร้าย เช่น เอาตัวเลขไปแก้ไขบัญชีธนาคาร ขอยืมเงินจากเพื่อน หรือธุรกรรมออนไลน์อื่น ๆ ทั้งนี้เกิดจากการไม่รู้วิธีป้องกันตนเอง เปิดเผยบัตรประชาชน บัญชีธนาคาร ข้อมูลลับที่ไม่ควรเปิดเผย ภัยจากความเจริญที่รวดเร็วเกินเหตุ เพราะไว้ใจคนที่ติดต่อทำธุรกรรมทางการเงินกัน การให้สำเนาบัตรโดยไม่ขีดคร่อมด้วยปากกาสีดำ หรือสัญลักษณ์อื่นใดที่แสดงว่าใช้ฑาะการนี้เท่านั้น การขาดความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ทำตามขั้นตอนในการขอรับบัตรประชาชนตัวจริง ส่งผลให้เกิดความเสียหายมากมายตามมา ทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เพื่อปกป้องตนจากหายนะ อันตรายที่ไม่รู้ ไม่ใช่แค่โดนออกจากวงสนทนา แต่อาจเป็นผลร้ายต่อทรัพย์สิน ความไม่รู้ ความรู้ไม่เท่าทัน ความไม่ยอมรับต่อการเปลี่ยนแปลงและพยายามปรับตัวให้ทันนั้น อาจทำให้เรากลายเป็นคนล้าหลัง โดนออกจากกลุ่มเพื่อนสนิทมิตรสหายและเสียหายต่อทรัพย์สินชื่อเสียงได้ การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง จะช่วยให้ชีวิตก้าวหน้า มีความสุขได้ กระแสมีให้ตามหรือหยุดยั้งไม่ให้มี
กระแสมีให้ตามหรือหยุดยั้งไม่ให้มี
เราเกิดมาในยุคที่เรียกว่าเบบี้บลูม เด็กเล็กเต็มบ้านเต็มเมือง ยุคนี้ก่อให้เกิดนวตกรรมใหม่ล้ำยุคมากมายหลายอย่าง ชนิดที่เปลี่ยนโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังสงครามโลกสิ้นสุด หลังปฏิวัติอุตสาหกรรม วิถีชีวิตผู้คนส่วนใหญ่เปลี่ยนจากไร่นามาสู่เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม การหาเช้ากินค่ำเป็นเจ้านายตัวเองกลายมาเป็นลูกจ้างรับเงินเดือนประจำ รับราชการจึงมั่นคงที่สุด ยายกับก๋งมีไร่ปลูกมะพร้าว มะม่วง ผลไม้ อยู่ที่หนองรี เมืองชล แม่ดั้นด้นมาเรียนหนังสือถึงกรุงเทพ แล้วเปิดร้านเสริมสวยที่หน้าวัดใหญ่ พอมารุ่นเรา พี่น้องรับราชการ มันคือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เมื่อสังคมเปลี่ยน คนจำต้องเปลี่ยนตาม ใครได้รับราชการถือว่าโชคดี มั่นคง ถึงเงินเดือนจะน้อยกว่าเอกชน รัฐวิสาหกิจ พอเกษียณแล้วมีบำนาญให้พอยาไส้ไปตลอดชีวิต เป็น passive income ที่คนรุ่นใหม่โหยหา ถึงจะไม่มาก แต่มีมาเรื่อย ๆ ให้ใช้ทุกเดือน มีค่ารักษาให้บ้าง อย่าใช้ให้เกินเงินเดือนแล้วกัน พอมาถึงบั้นปลายชีวิต ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก สิ่งที่เก็บสะสมไว้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า หนังสือเต็มตู้ แผ่นเสียง ไปอยู่บนเนต รุ่นหลานถามเก็บทำไมรกบ้านเปล่า ๆ แค่คลิกเดียวมีทุกสิ่งพร้อมสรรพ ความอดทนพากเพียรเป็นสิ่งไม่สำคัญไปซะแล้ว อาชีพที่มั่นคงกินไปเดือน ๆ ไม่น่าสนใจ เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ ดีกว่า เป็นเจ้านายตัวเอง อยากทำก็ทำ เงินได้มากน้อยตามฝีมือ การมีครอบครัว มีลูกหลานสืบเผ่าพันธุ์ สาว ๆ เบ้หน้า แล้วการอดทนต่อชีวิตคู่ น่าเบื่อมาก ๆ ยิ่งต้องมีภาระเลี้ยงลูก โอ๊ย ตายเสียดีกว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด กลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือ ครั้นจะไปอบรมสั่งสอน บอกกล่าวว่าสิ่งใดดี จะโดนเรียกว่ามนุษย์ป้าผู้คร่ำครึ คนอายุเลยห้าสิบ เกิดปัญหาการปรับตัวเข้ากับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ข้อกล่าวหาว่าเชยจัง ไม่รู้อะไรสักอย่าง ทำอะไรก็ไม่เป็น ไม่เล่นเนต ไม่ใช้บัตรเดบิต และอะไรอีกหลายอย่าง แม้แต่ไปงานแต่งต้องมีธีมสี สิ่งที่ตามมา เมื่อเกิดกระแสเทคโนโลยีครองเมือง บางคนวิ่งตามด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ทันลูกหลานและพูดกันรู้เรื่อง บางคนขอแค่เกาะเกี่ยวร้อยรัด รู้บ้างไม่รู้บ้าง ให้เด็กรุ่นหลังช่วยสอน แทนที่พวกเราจะสอนเขา และบางคนต่อต้านหรือละเลย แถมด่าทอซะเลย บ้าบอคอแตก เสียเงินหลักหมื่นซื้อมือถือ ไม่รู้ใช้เงินเป็นหรือเปล่า ฟุ่มเฟือย การปรับตัวเข้ากับสังคมที่เปลี่ยนไป ควรตามต้อย ๆ พอรู้เรื่องกะเขาบ้าง หรือวิ่งตามให้ทันเพื่อให้เป็นพวกหัวสมัย หรือคำรามว่า ช่างหัวมันเถอะ คิดเองนะ เลือกเอาที่สบายใจและให้ตัวเองมีความสุขเป็นพอ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะว่าค่อยเป็นค่อยไป หรือปุบปับก็ย่อมได้ ขึ้นอยู่กับบุคลิกของแต่ละคน คนเกษียณหลายคนมาเจอภาวะเนตมีอิทธิพลสูง ปรับตัวไม่ได้ ไม่เล่นเนตกลายเป็นคนไม่ทันข่าวสารของกลุ่มเพื่อนญาติมิตร จมอยู่กับวิถีชีวิตแบบเดิมไปวัน ๆ คน 3 ประเภทกับนวตกรรม พวกแรกรีบรับมาใช้ทันที พวกสองรี ๆ รอ ๆ รอสักพัก พวกสามต่อต้านสุดขีด บทนำก่อนเข้าเรื่อง
บทนำก่อนเข้าเรื่อง
บทนำ เด็กหน้าวัดใหญ่ คงเป็นเรื่องอ่านเล่น อ่านง่าย เพื่อเล่าเรื่องของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เกิดและเติบโตมาที่หน้าวัดใหญ่อินทาราม อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เมื่อโตขึ้นระเห็จระเหเร่ร่อนออกจากเมืองชลไปเป็นครูที่เมืองบางกอก เจริญก้าวหน้าในอาชีพ เป็นครูเชี่ยวชาญ ที่จบปริญญาเอก ด้วยความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ In the bottom of my heart ฝรั่งบอก ก้นบึ้งของหัวใจที่อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นแก่ตนเอง เก็บไว้บอกต่อลูกหลาน ถ้าเขียนเป็นหนังสือ คงเรียกประเภทอัตตชีวประวัติ บอกเล่าเรื่องราวของตนเอง เผื่อไว้อ่านชาติหน้า ถ้าชาติหน้ามีจริง และระลึกชาติได้ แล้วมีโอกาสอ่านหนังสือที่ตนได้เขียนไว้ ทำให้พอจำความในอดีตชาติได้ เลยขีด ๆ เขียน ๆ บอกเล่าเป็นหนังสือเล่มนี้ เขาว่า ดีที่สุด คือ ไม่ต้องเกิดมาอีกเลย มันคงจะยากมากสำหรับคนธรรมดาที่คงวนเวียนในกองกิเลส อย่างน้อยควรจะได้เกิดเป็นมนุษย์ เวียนว่ายมาในภพภูมิที่ใกล้เดิม เรื่องที่จะเขียนคงมีหลากหลาย ตามแต่สมองน้อย ๆ ที่เริ่มจะฝ่อ บางเรื่องที่เขียนควรค่าแก่การจดจำเป็นบทเรียนสอนลูกสอนหลาน ถ้าทำเช่นนี้จะเจริญ ก้าวหน้าแน่นอน บางเรื่องน่าอายเกินกว่าจะบอกต่อ แต่นักจิตวิทยาบอกว่า ถ้าเรากล้าเล่าให้ใคร ๆ ฟัง แล้วทำให้เป็นเรื่องตลกเสีย ปมด้อยที่ฝังรากลึกแล้วก่อเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา จะคลี่คลายหายไปได้ บางเรื่องเป็นบทเรียนสอนใจให้ทำเพื่อความรุ่งโรจน์แก่อนาคต บางเรื่องไม่ควรจะทำซ้ำอีกเพราะไม่เกิดผลดีต่อชีวิตของใคร ๆ เลย แม้แต่ตนเอง จากเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ผอมกะหร่องหน้าวัดใหญ่ กลายเป็นหญิงอายุ 66 ปี แล้ว ที่ได้เรียนปริญาตรีวิชาครู คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ปริญญาโทจิตวิทยาพัฒนาการและจิตวิทยาการแนะแนว ปริญญาเอกการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร สิ่งที่เขียนจึงอาจผนวกรวมความคิด ความรู้ที่เคยร่ำเรียนมา รวมทั้งประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาสอดแทรกไปด้วย ให้รู้ว่าเด็กที่เกิดมาในยุคเบบี้บลูมเป็นเช่นไรเมื่อเทียบกับยุคเนตไร้สาย คนแก่ขี้บ่น จู้จี้จุกจิก ชอบสอน คงจะเป็นจริงในหนังสือเล่มนี้ เลยพยายามเขียนด้วยสำนวนที่ไม่น่าเบื่อจนเกินไปในสายตาของผู้เขียน แต่วัยรุ่นคงมึนตึ๊บ อะไรกันนี่ สนุกแล้วหรือ ตอนแรกตั้งใจจะเขียนเป็นนิยาย ตอนนี้คงจะเป็นอัตตชีวประวัติที่สอดแทรกจิตวิทยาไปแล้วกระมัง อิอิ ช่วยไม่ได้ แล้วแต่กลอนจะพาไปแล้วกันนะ อ่านเพลิน ๆ ไม่ต้องจับผิดกันให้เมื่อยตุ้ม มันต่างกันมากจริง ๆ ชีวิตที่ต้องปรับตัวระหว่างช่วงเด็กกับช่วงบั้นปลาย ทำให้อดนึกถึงนิยายชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ ชีวิตของลอร่า อิงกัลล์ สมัยผู้คนไปบุกเบิกตั้งถิ่นฐานที่อเมริกาไม่ได้ ที่พบเจอะเจอหลายสิ่งที่ต่างจากอเมริกาในทุกวันนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มาและไปอย่างรวดเร็วเหมือนกันจริง ๆ เพียงแต่ต่างยุคต่างสถานที่ ซึ่งน่าจะทำให้เด็กยุคหลังกระหายใคร่อยากเรียนรู้อดีตของเราบ้าง ก็เป็นได้นะ การเจริญเติบโตทางเทคโนโลยี ก่อให้เกิดความต่างของวิถีชีวิตของผู้คนบนโลกไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เว้นแม้แต่บ้านเรา เด็กยุคเบบี้บลูมพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกใบนี้ สมควรที่จะได้จดจารบันทึกไว้ อุโมงค์แห่งกาลเวลาทำให้เราไม่อาจย้อนกาลเวลากลับไปได้ แต่หวนรำลึกนึกถึงอดีตที่ผ่านมาและเป็นเครื่องเตือนสติให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน เพื่อไม่ให้ความผิดที่เคยเกิด ได้เกิดซ้ำในคนรุ่นลูกรุ่นหลาน จุดหนึ่งของอดีตแห่งกาลเวลา ที่ได้สร้างความเจริญยิ่งใหญ่ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ขมวดปม ก่อเกิดอนาคตที่รุ่งโรจน์ได้ เด็กหน้าวัดใหญ่
เด็กหน้าวัดใหญ่
ดร.พรรณี เกษกมล หนังสือ เด็กหน้าวัดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงการใช้จิตวิทยาในชีวิตประจำวัน จากยุคที่เด็กเกิดมาเต็มบ้านเต็มเมืองมาสู่ยุคสังคมปั่นป่วน ที่มีการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็วและเฉียบพลัน |
สมาชิกหมายเลข 4665919
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |