All Blog
ประวัติวัดใหญ่อินทาราม
#ประวัติวัดใหญ่อินทาราม
วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เป็นวัดเก่าแก่โบราณคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดชลบุรี 
เขาว่ากันว่า สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สังเกตุได้จากศิลปกรรมการสร้างโบสถ์ พระวิหาร ที่มีฐานแอ่นโค้งเหมือนเรือสำเภา โดยสมเด็จพระนครินทราธิราช เสด็จประพาสเมืองชลบุรี ทางขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
พอพระทัยทิวทัศน์ใกล้ชายทะเล จึงสร้างวัดเพื่อปฏิบัติธรรม และพระราชทานนามสอดคล้องกับพระนามของพระองค์ว่า วัดอินทาราม ชาวบ้านนิยมเรียก วัดใหญ่อินทาราม
สถานที่ตั้ง 858 ถนนเจตน์จำนงค์ ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี บ้านของเราเลขที่ 825 และตึกแถวใหม่เลขที่ 825/5 
สิ่งที่มีค่าในวัด มีหลายอย่าง อาทิเช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ พระประธาน และหมู่พระพุทธรูปรวม 24 องค์ สระน้ำข้างพระอุโบสถ ทุกสิ่งมีการบูรณะในหลายสมัย จึงปรากฏว่าเป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 และ 4

            หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พระยาวชิรปราการได้มาตั้งฐานที่มั่นเพื่อกอบกู้เอกราช ภายหลังได้เป็นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ครองกรุงธนบุรี
            แต่เดิมนั้นถิ่นนี้เป็นเมืองบางปลาสร้อย เมื่อพระยาวชิรปราการมาถึงที่นี่ พระยาจันทบุรีไม่ได้ใส่ใจเข้าร่วม ขุนรามหมื่นซ่องเมืองระยอง ได้ปล้นค่ายแล้วหนีไป
ขณะนั้น นายทองอยู่ นกเล็ก ตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ เป็นมิจฉาชีพ โจรสลัดปล้นเรือสำเภา เมื่อพระยาวชิรปราการมาตั้งค่ายพักไพร่พลอยู่บริเวณหน้าวัดใหญ่อินทาราม ครั้งเมื่อยังมีต้นหว้าใหญ่อยู่ จนถึงสะพานป้อมค่าย นายทองอยู่ นกเล็กยอมสวามิภักดิ์ จึงได้เป็นพระยาอนุราชบุรีศรีมหาสมุทร
            ต้นหว้านี้มีความหมายมานับแต่นั้น เพราะมีศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชให้ชาวบ้านกราบไหว้บูชา จนมาวันหนึ่ง ทางการจำต้องตัดต้นหว้าที่อยู่กลางถนน เป็นเรื่องเอิกเกริกมาก มีชาวบ้านมาประท้วง เมื่อไม่สำเร็จมามุงดูการตัดต้นหว้าใหญ่ พร้อมเสียดายศาลเล็ก ๆ นี้
            นี่เองทำให้เกิดอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแทน ตรงทางเข้าวัด โดยเจ้าคุณพระครูไพโรจน์ภัทรธาดา เจ้าอาวาสในสมัยนั้น
            ส่วนสระน้ำนี้ เคยมีเด็กมาแอบเล่นน้ำกันตามลำพัง แล้วพลาดท่าถึงแก่ชีวิต ทำให้วัดต้องปิดประตูกั้น ในวันลอยกระทงจึงจะเปิดให้ชาวบ้านมาลอยกระทง
            ทางวัดจะจำหน่ายกระทงที่ทำด้วยกาละมัง มีดอกบัวสวยงามตกแต่งธูปเทียน มีการวนเวียนเก็บขึ้นมาจำหน่ายใหม่ ทำให้วัดมีรายได้
            
เมื่อจำความ ได้เห็นวัดใหญ่จนชินตา ไม่รู้หรอกว่า มีประวัติความเป็นมาเช่นไร ตอนเด็กมาก ๆ จะมีศาลาเก้าห้องเป็นไม้ เสามีขนาดใหญ่ เด็กอย่างพวกเราโอบไม่รอบ จึงเป็นที่เล่นซ่อนหา 
            ไม่รู้ว่าเป็นไม้อะไร แต่คงมีราคาสูงมาก ถ้ายังคงเก็บรักษาถึงตอนนี้ เสียดายที่ว่า พอโตขึ้นมาหน่อยเขารื้อศาลาไม้ที่วิ่งเล่นของเด็ก ๆ ไปเสียแล้ว ทำให้อดเล่นซ่อนหาบนศาลาไม้หลังเดิม
            วัดรื้อศาลาไม้ทิ้ง แล้วสร้างใหม่เป็นปูน โดยบอกว่าเลียนแบบศาลาเก้าห้องเดิม ดูอย่างไรไม่มีเค้ารางที่เคยเห็นตอนเป็นเด็กเลย
            ศาลาเดิมเป็นไม้ทั้งหมด สีน้ำตาลออกเข้มดำ ๆ ทรงเตี้ย ๆ ยาวพอควร เสียดายสมัยนั้นไม่มีกล้องบันทึกภาพ ใครจะไปคิดว่า แค่ศาลาไม้เก่า ๆ ควรถ่ายรูปเก็บไว้ คงหายากมากศาลาไม้แท้ ๆ สมัยอยุธยา
            ที่ตั้งเดิม น่าจะเป็นแนวรั้วกำแพงวัดตอนนี้ ที่มีรูปปั้นคนขี่ควายมาแทนที่ เพื่อให้ระลึกว่า ที่นี่เคยมีประเพณีวิ่งควาย ชาวบ้านขี่ควาย และเกวียนมาทำบุญวันออกพรรษากัน
ด้านซ้ายทำอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทำให้ภาพเดิม ๆ ไม่มีเหลือ
            บนศาลามีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ น่าจะเป็นหลวงพ่อเฉยองค์เดียวกับที่อยู่บนศาลาใหม่
ศาลานี้ให้คนมาทำบุญวันพระ ทางวัดคงคิดว่ามันเล็กและคับแคบไป ที่จริงสร้างใหม่ก็สร้างไป ศาลาเดิมเก็บไว้ไม่น่าจะเป็นไร
            สมัยนั้น ความคิดในการอนุรักษ์ของเก่าไม่มี อะไรที่เก่าหน่อย รื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ ที่ไม่มีคุณค่าของเก่าให้ชื่นชม ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ คงมีคนคัดค้าน ให้บำรุงรักษาศาลาไม้หลังเดิม เราคนหนึ่งล่ะที่จะช่วยยกมือคัดค้าน
            สมัยที่สมเด็จพระเจ้าตากสินในขณะที่ดำรงตำแหน่งพระยาวชิรปราการ มาตั้งฐานที่มั่นที่นี่ เชื่อว่าศาลาเก้าห้องนี้คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

สิ่งที่เคยมีอยู่แล้วขาดหายไป
แสดงว่าโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลง
อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าควรคงอยู่
ทั้งที่จริงมีค่าควรแก่การอนุรักษ์



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2567 9:36:31 น.
Counter : 616 Pageviews.

1 comment
ที่เล่นของเด็กห้องแถว

ที่เล่นของเด็กห้องแถว

เด็กห้องแถวตามตลาด
บ้านเป็นห้องแถวริมถนนใหญ่ในเมือง จะมีที่ให้วิ่งเล่นเช่นไร ต่างจากเด็กที่มีบ้านหลังใหญ่ มีบริเวณกว้างขวางใหญ่โตให้วิ่งเล่น หรือเด็กที่อยู่ตามท้องทุ่งท้องนา สบายใจแฮ วิ่งให้เหนื่อย ไปให้ไกล สุดขอบฟ้าได้เลย 
แต่นี่เรา ในห้องแถวเป็นที่ทำงานของแม่ ร้านเสริมสวย วิ่งไม่ได้แน่ ๆ หน้าบ้านคือฟุตบาท โชคดีมีช่องสี่เหลี่ยม มันคือกระเบื้องปูนแผ่นใหญ่มาต่อเรียงกันพอให้ทำตารางเล่นกระโดดโลดเต้นได้บ้าง นอกนั้นคือริมถนนได้ตีแบด เล่นแบดมินตันยามหัวค่ำที่ถนนปลอดรถ
แต่ก่อนเด็ก ๆ ต้องวิ่งเล่น ไม่มีวันได้นั่งจับเจ่าจุกอยู่แต่หน้ามือถือให้เพลิดเพลินไปวัน ๆ
บ้านในเมืองไม่มีก้านกล้วยให้ขี่เล่นไล่จับกัน เหมือนในหนัง ขี่ก้านกล้วยหรอก แล้วแล่นอะไรกันบ้างล่ะ

เริ่มด้วยฟุตบาทแล้วกัน
#การละเล่นของเด็กสมัยก่อน
ตี่จับ คนเล่นต้องปิดปากทำเสียงหึ่ง ๆ อือ ๆ ดังพอได้ยิน เดินหรือวิ่งเข้าไปยังฝั่งตรงข้าม วิ่งไล่จับเพื่อนให้ได้สักคน คนนั้นจะกลับมาอยู่ฝ่ายเรา ถ้าเสียงหึ่ง ๆ หมดไป แพ้ ต้องกลับฝั่งของตัวเอง อีกฝั่งจะได้เล่นต่อ
ขี่ม้าส่งเมือง มี 2 ข้าง ให้เพื่อนขี่บนหลังเรา แล้วฮ้อไปส่งเพื่อนยังอีกฝั่ง มีแอบกระซิบว่าจะเอาใคร แล้วทายกัน ถ้าทายถูก คนนั้นถูกจับเป็นเชลยอีกฝั่ง
เล่นไล่จับ ต้องใช้ขาเดียว วิ่งไล่จับเพื่อนให้ได้ เพื่อนที่โดนจับจะต้องยืนขาเดียวไล่จับคนต่อไป เปิดเนตเขาเรียก กระต่ายขาเดียว แต่เราไม่เคยรู้ชื่อนี้

อีมอญซ่อนผ้า นั่งล้อมเป็นวงกลม คนเล่นร้องเพลง อีมอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไปโน่นไปนี่ ฉันจะตีตูดเธอ ส่วนอีกคนถือผ้าเดินรอบวงกลม แอบหยอดวางหลังเพื่อนคนหนึ่ง คนอื่นร้องเพลงไม่มีโอกาสบอก ถ้าจบเพลงแล้ว เพื่อนคนนั้นยังไม่รู้ตัว จะเป็นผู้เดินต่อไป

แม่งู เพื่อน ๆ จะจับเอวต่อกัน พ่องูร้องเพลงหวังจะจับลูกงู แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน แม่งูกับลูกงูร้องตอบ กินน้ำบ่อโศก โยกไปก็โยกมา พ่องูพยายามวิ่งมาจับลูกงู ใครโดนจับต้องออก พ่องูถามอีก แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน แม่งูกับลูกงูร้องตอบ กินน้ำบ่อทราย ย้ายไปก็ย้ายมา พ่องูพยายามวิ่งมาจับลูกงู ใครโดนจับต้องออก พ่องูถามอีก แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน แม่งูกับลูกงูร้องตอบ กินน้ำบ่อหิน บินไปก็บินมา มีอยู่แค่นี้ ก็สนุกมากแล้ว ตอนวิ่งหนีและอย่าให้หลุดจากการเกาะเอวเพื่อน

ตั้งเต กระโดดขาเดียวไปตามช่องที่ขีดเส้นไว้ ใช้แผ่นพื้นฟุตบาทขีดเส้น ให้ได้ 5 แถว แต่ละแถวแบ่งครึ่งรวมเป็น 10 ช่อง ใครชนะจะได้ช่องนั้น คนต่อไปกระโดดข้ามช่องนั้นให้ได้
กระโดดยาง เอายางเอ็นมาพัน ๆ ผูกกันเป็นเชือก มันเด้ง ๆ ดึ๋ง ๆ ได้ มันไปอีกแบบ คนเก่งจะกระโดดข้ามเส้นยางได้ มีสองคนจับยางไว้ ค่อย ๆ ยกระดับความสูงขึ้นเรื่อย ๆ เลยแหละ แต่เราไม่กล้า ขอเป็นคนจับยางดีกว่า สนุกกว่าที่เห็นเพื่อนกระโดด กระโปรงปลิวได้เลย ขวับ ๆ

หมากเก็บ ใช้ก้อนหิน 5 ก้อน นั่งล้อมวง มือโยนก้อนหินขึ้น 1 ก้อน แล้วต้องหยิบหินที่พื้นให้ได้ ตั้งแต่ 1 ก้อน 2 ก้อน จนถึง 4 ก้อนนี่แหละ มันยากที่สุดตอนทอยหินออกจากมือ มันไม่ได้เกาะกลุ่มรวมกัน ใครทอยแรง หินอยู่ไกลกัน ตอนรวบ 4 ก้อนนี่ ยากสุด 
เราไม่ใช่เด็กแนวนี้อีก จำวิธีเล่นไม่ค่อยได้ เจ็บมือจะตาย แล้วโชคดีมากที่มีข้ออ้าง ซิสเตอร์ฟรานซิส ครูใหญ่ที่โรงเรียน สั่งห้ามเล่นเด็ดขาด บอกเป็นผู้หญิงมือต้องไม่หยาบกร้าน นิ้วมือต้องเรียว ข้อนิ้วต้องไม่แตก ถูกใจเขาเลย
ลูกแก้ว แค่มองลูกแก้วสวย ๆ นี่ก็แสนจะเพลินตาเพลินใจมากแล้ว ลูกแก้วแต่ละลูกมีสีสันแตกต่างกัน วัยเด็กสงสัยตั้งคำถามว่า เขาทำได้อย่างไร จึงชอบเก็บสะสมมากกว่าเอาไปทอยเล่นให้ลงหลุม บางทีใช้นิ้วดีดให้ลงหลุม ถ้าหลุมไม่ไกลเกิน
บางทีใช้เม็ดน้อยหน่า ดำ ๆ เกลี้ยงนี่แหละ ล้างน้ำให้สะอาดสักหน่อย มาแทนลูกแก้วทอยลงหลุม หรือแทนก้อนหินเล่นหมากเก็บ
เอากระดาษมาตัดคล้ายรูปกรวย แล้วตักเม็ดน้อยหน่าให้ได้มากที่สุด ผลัดกันตัก ใครตักได้มากที่สุด ชนะ
ทอยเส้น ใช้แรงเหวี่ยงโยนของที่ใช้เล่น ให้ใกล้เคียงเส้นที่ขีดไว้ไกล ๆ 
เป่ายาง ต้องใช้แรงลมมากเกินจะเป่ายางให้ออกจากกองได้

ที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ใช่การละเล่นที่สนุกสนานสำหรับเราเลย ที่ชอบน่าจะเป็นการเล่นขายของ หม้อข้าวหม้อแกง แต่นั่น ไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกว่า จะเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ทำอาหารเก่งเลยสักนิด และไม่ใช่แม่ค้าที่คิดหาเงินด้วย
ด้วยเป็นตัวเล็ก ๆ ไม่มีเรี่ยวแรงมาก จึงเล่นที่มันง่าย ๆ ไม่เหนื่อยมาก 
การละเล่นเช่นนี้ ทำให้ผ่านวัยเด็กมาได้อย่างสนุกสนาน



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2567 6:58:45 น.
Counter : 325 Pageviews.

0 comment
อาชีพช่างเสริมสวย
อาชีพช่างเสริมสวย

ร้านเสริมสวย
ร้านของแม่ชื่อร้านเลิศฟ้า ไม่รู้อคติหรือเข้าข้างตนเอง ที่ร้านน่าจะเป็นร้านเสริมสวยที่ดังที่สุดของเมืองชลทีเดียว มีลูกศิษย์มาเรียนคราวละหลายคน ห้องชั้นบนด้านหลังจึงเป็นที่พำนักและก่อให้เกิดวีรกรรมบางอย่างตามมา 
เหตุใดจึงกล้าโม้ แม่เรียนเสริมสวย รวมทั้งทำผม แต่งหน้า ทำเล็บจากนายช่างฝรั่ง ห้างไนติงเกล ช่างโก้พิลึก ข่าวแบบนี้คงแพร่กระจายไปทั่วเมือง พ่อเป็นคนหัวทันสมัย จึงให้แม่เรียนกับครูฝรั่ง แล้วติดภาพถ่ายคู่กับครูฝรั่ง 
ช่างเสริมสวย ไม่ใช่แค่ทำผมเท่านั้น ต้องซอย ดัด เกล้าผม ย้อม สารพัดจะให้สวยใสขึ้นมาได้ก็แล้วกัน และต้องเพิ่มเติมกับครูที่กรุงเทพบ่อย ๆ เมื่อแฟชั่นทรงผมเปลี่ยนไป 
นอกจากนี้ต้องทำเล็บ แช่น้ำสบู่จนเล็บนิ่ม แล้วตัดหนังอ่อน ๆ ออก ทาสีเล็บ ตะไบให้เล็บให้เข้ารูปทรง ที่คุยมานี่ ลูกสาวต้องโดนฝึก เพื่อช่วยงานแม่
การแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางเวลาไปงาน เป็นอีกงานที่ทำรายได้

วีรกรรมขโมยผลไม้
วีรกรรมที่ทำได้แก่ การปีนหลังคาโรงเก็บของร้านก่อสร้าง แล้วปีนต้นชมพู่แสนอร่อย กับไปที่หน้าวัดใหญ่ใต้ต้นจามจุรีเป็นแหล่งผลไม้ขายส่ง ขโมยมะม่วงมากิน 
ที่จริงทั้งสองที่นี้ไปขอเขากินได้สบาย ๆ แต่ลูกศิษย์แม่คงสนุกที่จะแอบขโมย ได้มาไม่กี่ลูกก็มาหัวเราะคิกคักกินกัน ทำได้สักครั้งสองครั้งโดนแม่ดุ วีรกรรมนี้เลยต้องยุติไป
ต้นชมพู่ปลูกใกล้กับหลังบ้านเรา ทำให้สาว ๆ ที่บ้าน ซึ่งมาเรียนทำผมกับแม่ ที่บ้านเป็นร้านเสริมสวยมีชื่อเสียง สาวจากต่างถิ่นต่างอำเภอต้องมาเรียนแล้วไปเปิดแถวบ้านตนเอง
การแอบปีนป่ายยามหัวค่ำ เพื่อไปเด็ดชมพู่ นับเป็นวีรกรรมที่ตื่นเต้น ต้องแอบไม่ให้ยายกิมชุนรู้ สนุกตรงนี้แหละของขโมย 
ไม่ใช่แค่ขโมยชมพูนะ สาวกลุ่มนี้คงทโมนไม่เบา เพราะไปแอบขโมย มะม่วงจากศาลาที่วัดใหญ่ แหล่งขายผลไม้ส่งออก ที่จริงเจ๊อุ๊นเป็นเจ้าของและเป็นลูกค้าที่บ้าน ไปขอตรง ๆ เขาคงให้
เรายังเป็นเด็ก ไม่เคยร่วมวีรกรรม ได้แต่รับรู้ และนึกในใจ โถขอเขาน่าจะสะดวกกว่ามั้ยนี่ ยังไงเขาก็ให้อยู่แล้ว แค่มะม่วงไม่กี่ลูก
แค่ตอนกลางวันที่เด็กผู้ชายแอบปีน ถ้ายายกิมชุมรู้ละก้อ เป็นถือไม้คานมาด่าเปิง วิ่งหนีกันหางจุกตูด คนน่ะไม่ใช่หมา แล้วฟ้องพ่อแม่อีกต่างหาก ทางที่ดีต้องไม่ให้แกรู้เด็ดขาด

ลูกค้าเสริมสวย
ที่คุยว่าเป็นร้านเสริมสวยที่มีชื่อเสียง เพราะคุณนายข้าราชการประจำจังหวัด เช่น สรรพากรจังหวัด ที่ดินจังหวัด พัสดีจังหวัด ล้วนเป็นลูกค้า
สำหรับต่างจังหวัด คุณนายเหล่านี้เป็นตัวแทนกลุ่มไฮโซได้เลย
คุณนายสรรพากรจังหวัดเป็นคนใจดีมาก บางทีให้ตั๋วดูหนังฟรี ลูกศิษย์แม่จึงมีโอกาสเที่ยวเตร่ได้ 
บางครั้งเหล่าคุณนายคุยโม้เรื่องเครื่องประดับ แต่ไม่ใช่โอ้อวด เพราะเคยได้ยินเขาพูดว่า ต้องมีของจริงบ้างของปลอมบ้าง ใครจะร่ำรวยขนาดมีเงินมากมายก่ายกองซื้อแต่เพชรแท้ล่ะ เล่าไป บรรดาคุณนายจะพากันหัวเราะคิกคัก สนุกสนาน ที่มีของสวยงามประดับบารมีได้
คุณนายที่ดินจังหวัดรู้ว่า ลูกชายคนโตของแม่เรียนนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เอ่ยปากบอกว่า ยินดีรับเป็นลูกเขยนะ เรื่องนี้เป็นแค่พูดเล่น ไม่ได้มีการสานต่อแต่อย่างใด 
ถ้าคุณนายรู้ว่า คนที่คุณนายคาดหวังไว้ได้เป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัด คงไม่รีรอที่จะให้คำพูดนี้เป็นจริงแน่นอน

มีเรื่องเล่า ขณะที่แม่กำลังทำผมให้แขกอยู่นั้น แขกนี่เป็นลูกค้าเสริมสวย ไม่ใช่อาบังหรอก พี่คนโตไอค๊อกแค๊ก มาหาแม่จะกินยาแก้ไอ แม่รีบเอายาน้ำจะป้อน แต่ดันไปป้อนให้ลูกค้า ยุ่ง ๆ งง ๆ น่ะ
พี่บอกยังไม่ได้กินเลย แม่บอก เมื่อกี้ป้อนให้แล้วนี่ ลูกค้าบอกฉันกินเอง คิดว่า ทำผมต้องกินยาด้วย เป็นเรื่องตลกที่เล่าขานได้อีกนาน
อีกเรื่อง แขกนั่งอบผมให้แห้ง ต้องเอาผ้าปิดหูด้วยจะได้ไม่ร้อนหู คนนี้ต้องอ่านออกเสียง เมื่อไม่ค่อยได้ยินเสียงตัวเอง ยิ่งออกเสียงดังขึ้น ๆ จนทุกคนในร้านอดขำไม่ได้ แต่ไม่กล้าหัวเราะเสียงดัง
คนนี้เป็นแม่ค้าขายทอดมัน สองอาทิตย์เจ็ดวันจึงมาสระผม เอาให้คุ้ม เราต้องไปสระ ราดน้ำทิ้งหลายรอบ น้ำยังดำอยู่ จะบ้าตาย คนทั่วไปสระ 3 รอบ แต่คนนี้ 4-5 รอบยังไม่น่าพอ น
นี่เองที่ทำให้ ไม่อยากเป็นช่างเสริมสวย ทำให้เขาสวย แต่เจอแบบนี้ อ๊วกแทบแตก สงสัยเขาไม่คันหัวหรืออย่างไร น้ำมันที่ทอดระเหยสิบสี่วัน หัวเหม็นหึ่ง แกทนได้อย่างไรนะ



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2567 15:58:52 น.
Counter : 265 Pageviews.

0 comment
รอบบ้านเคียงเรือน
รอบบ้านเคียงเรือน

#ห้องแถว ตึกแถวตลาดชลบุรี
ห้องแถว ปลูกติดต่อเรียงกัน ฝาบ้านเป็นไม้กระดานแผ่นเดียวกัน ใครทำอะไร พูดสิ่งใด เป็นอันรู้กันไปหมด ต่อมา แทนที่จะปลูกเป็นห้องแถวกลับเป็นตึก เลยเรียกตึกแถว หรืออาคารพาณิชย์ ฟังดูโก้ขึ้นมาอีกนิด
เด็กห้องแถวต้องมีเพื่อนบ้านเยอะแยะ บ้านที่เรียงกันไป ติดต่อกัน ไม่มีเว้นที่ระหว่างห้อง มันเป็นวงกลม อ๋อ มีช่องว่างพอให้รถเข้า เท่ากับเส้นรอบรูปวงกลม แหว่งไปหน่อย แต่มันไกลออกไปจากบ้านมาก ๆ 
ห้องแถวที่เรียงกันเป็นของยายกิมชุน ที่เป็นคหบดีร่ำรวย เจ้าของห้องเช่านับสิบ ๆ ห้อง ไม่เคยนับ เลยบอกไม่ได้ว่าทั้งหมดเท่าไร
ตรงกลางของวงกลมเป็นที่ดินที่ให้คนเช่า ทำโรงงานทำขอบบ่อ โรงงานย้อมผ้าเป็นพับยาว ๆ และอะไรอีกไม่รู้แล้ว
ต่อมาเมื่อเราเรียนมัธยมปลาย ที่ว่างตรงกลาง ได้ถูกตัดถนนผ่ากลาง ตึกแถวเพิ่มขึ้นอีกมาก ด้วยความคิดของลูก ๆ ที่หวังมีรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้น
แม่ได้สิทธิ์ในฐานะผู้เช่าเดิม หารู้ไม่อีกสามปี โดนค่าแป๊ะเจี๊ยะ เงินกินฟรี แม่ไม่มีเงินจ่าย เลยต้องระเห็จออกจากตึกแถว ไปอยู่หมู่บ้านการเคหะ

บางทีเรียกเด็กตลาด เพราะอยู่ใกล้ตลาดล่าง
ทำเลที่บ้านไม่จัดเป็นสองรองใครหรอก เพราะวัดใหญ่เป็นท่ารถที่ทุกสายที่ผ่านชลบุรีต้องจอด ไม่เว้นแม้แต่ท่ารถไปกลับกรุงเทพชลบุรี  

เราเป็นเด็กห้องแถว อยู่ตรงข้ามหน้าวัดใหญ่ ห้องแถวของพวกเราเป็นไม้ ซ้ายขวาหน้าหลังล้วนเป็นเพื่อนบ้าน
ลักษณะของห้องแถวนี้มีฝาบ้านด้านข้างใช้ร่วมกัน ด้านหลังบางบ้านเปิดไปยังที่โล่งได้ห้องแถวหลายสิบห้องเรียงต่อกันเป็นรูปวงกลม ที่ว่างตรงกลางด้านในโล่งกว้าง ส่วนหนึ่งเป็นของร้านอึ้งย่งล้ง มีขอบบ่อ กองทราย อิฐ หิน ดิน ปูน มีต้นชมพู่ ต้นมะยม
ขวามือของบ้าน เป็นร้านขายข้าวสาร ร้านขายถั่วงอก ห้องขายผลไม้ของยายกิมชุนเจ้าของห้องแถว ร้านขายยาไทย ร้านขายวิทยุโทรทัศน์ ธนพร กับเพิ่มพูน ร้านไต้จิ้นขายของชำ ร้านขายยาไทยชื่อทิพย์โอสถ ร้านนี้เราไปซื้อชะเอมมาอมเล่นบ่อย ๆ ร้านขายยาจีนไท้ฮั๊วโอสถ คงมีอีกหลายร้านที่จำไม่ได้ 
ซ้ายมือของบ้าน เป็นร้านเสริมสวยชื่อร้านศิริพร ร้านอึ้งย่งล้งขายวัสดุก่อสร้าง โรงกลึง ร้านกาแฟเจ๊กเต็ก ร้านขายนาฬิกา ร้านขายขนมแห้งกรอบ ร้านขายขนมโก๋ มีอีกเยอะแต่จำไม่ได้แล้ว เลยไปอีกเป็นร้านสินไทยขายแบตเตอรี่รถ ร้านกาแฟเจ๊กเกี๊ยก
อีกฝั่งตรงข้ามของถนน เป็นร้านข้าวเป็ดท่าเกวียน ดังมาก ๆ หลายร้านขายข้าวเป็ด แต่ทุกร้านล้วนเป็นพี่น้องกัน แต่อร่อยไม่เหมือนกัน แต่ละคนเลือกร้านที่ชอบเลยทำให้ทุกร้านขายได้
ฝั่งตรงข้ามบ้านคือฝั่งของวัดใหญ่ มีร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ชื่อคัมภีรญาณนนท์  ร้านรักษาตาของเจ๊คิ้ม ร้านขายโลงศพ

วันนั้นกับวันนี้อาจต่างกัน
แต่ความทรงจำไม่เคยจางหาย

เด็กห้องแถวเติบโตมากับแหล่งทำมาหากิน ค้าขาย จึงเรียนรู้ว่า อาชีพมีหลากหลายอย่าง ที่น่าแปลก เราไม่ได้ยึดอาชีพเป็นช่างเสริมสวยตามอย่างแม่ เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ทำงานมีอาชีพเจริญรอยตามพ่อแม่
ร้านขายข้าวสารที่ติดบ้านเราเลย น่าจะเป็นร้านที่เราสนิทชิดชอบที่สอบ
พออาเจ๊กตาย ป้าไน๊เลยต้องขายกล้วยทอด ป้าไน๊เอากล้วยทอดกับกากทอดที่เหลือมาให้กินบ่อยทำให้ไม่เคยซื้อกล้วยทอดกินอีกหลายสิบปี วงเล็บว่าเพราะเบื่อหรือคิดว่ามันคือของฟรี ต่อมาขายข้าวแกง ฝีมือเป็นที่หนึ่ง 
ร้านป้าไน๊มีมะม่วงกวนของยายกิมชุนสุดอร่อยแผ่นละสลึงขายด้วย มะม่วงกวนเป็นของโปรดเพราะไม่เคยได้กินฟรี ชอบมากจนถึงทุกวันนี้
ร้านขายถั่วงอก อาเจ๊กกับอาซิ้มรอนแรมมาจากเมืองจีน ทุกเย็นอาเจ๊กจะขี่จักรยานไปเที่ยวหน้าศาล ปล่อยให้อาซิ้มอยู่บ้านคนเดียว ไม่เคยเห็นอาซิ้มออกจากบ้านไปไหน เคยถามว่าทำไมไม่ออกไปเที่ยวบ้าง อาซิ้มตอบว่าผู้หญิงต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน หญิงจีนคิดเช่นนี้เอง ร้านนี้เอาไว้เข้าออกไปยังกองทรายหลังบ้าน จึงได้ผ่านบ่อยและมองเห็นวิธีเพาะถั่วงอก
ร้านรักษาตาของเจ๊คิ้ม ใครตาเจ็บตาแดงตาอักเสบหายแน่ ที่หน้าร้านมีรูปตาเห็นชัดเจน พ่อของเจ๊คิ้มเป็นหมอมาจากเมืองจีนจึงเก่งยาจีน ตอนเป็นงูสวัส จะได้ยาจีนสีเขียว ๆ ไปพอก
ร้านไต้จิ้นนี่เราแอบกินกุ้งแห้งทีละตัวสองตัวทุกครั้งที่แม่ให้ไปซื้อหัวหอมหัวกระเทียม จำยากมาก 2 อย่างนี้ แม่บอกซื้อสีแดงนะหัวหอมบางทีกลับได้กระเทียมต้องวิ่งไปเปลี่ยน
ธนาคารไทยพาณิชย์มีลูกกลมหินใหญ่ ๆ 2 ลูกอยู่ด้านหน้า เด็ก ๆ มักแอบไปปีนบนลูกกลมนี้เป็นที่สนุกสนาน จนยามมาไล่กลับบ้าน



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2567 4:12:04 น.
Counter : 277 Pageviews.

0 comment
วัดใหญ่อินทาราม ชลบุรี
#วัดใหญ่อินทาราม ชลบุรี
ความเชื่อของชาวพุทธ
ชาวพุทธแต่ก่อนเชื่อในคำสอนที่ว่า ทำบุญที่ได้บุญมาก คือ การสร้างวัด สร้างโบสถ์ หรือสร้างศาสนวัตถุ เมื่อใกล้ตาย จิตสุดท้ายจะได้นึกถึงบุญใหญ่ที่เคยได้กระทำมา ชีวิตหลังตายจะไปอยู่ในภพภูมิใหม่สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ผู้มีอันจะกิน เศรษฐีจึงนิยมสร้างวัด รวมทั้งเจ้านายต่าง ๆ 

วัดเก่าแก่สมัยอยุธยา
วัดใหญ่อินทารามแห่งนี้เป็นวัดที่มีมาแต่ดั้งเดิม เก่าแก่ เขาว่าน่าจะสมัยอยุธยาเชียวนา สังเกตได้จากรูปทรงของโบสถ์ที่เหมือนท้องเรือสำเภา และถ้วยชามสังคโลกประดับที่ฝาผังโบสถ์ รวมทั้งภาพวาดจากจิตรกรภายในโบสถ์
นี่ถ้าจะเล่าเรื่องของวัด คงได้หนังสืออีกเป็นเล่มแน่แท้
แต่วัดนี้น่าจะใหญ่โตจริง เพราะชื่อวัดใหญ่ ต่อมาได้เป็นวัดหลวงในสมัยเจ้าคุณไพโรจน์ภัทรธาดา 
ใครที่มาเที่ยวพระราชวังธนบุรี จะรู้ว่า เป็นหนึ่งในวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้บูรณะ และถือเป็นวัดประจำรัชกาลด้วย จึงมีสร้อยนามต่อท้ายว่า อินทาราม เสมือนเป็นที่ประทับของพระอินทร์
ผู้ที่รู้ จะบอกว่า วัดที่มีสร้อยนามต่อท้ายว่าอินทารามนั้นเป็นวัดประจำรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทั้งสิ้น และนามสกุลของเหล่าเจ้านายที่สืบเชื้อสายมักมีคำว่า อิน เช่นกัน


ศาลาเก้าห้อง
เอาแต่ภาพความทรงจำแล้วกัน ตอนเป็นเด็กคงจะคุ้นเคยกับศาลาเก้าห้องมากที่สุด เพราะเป็นที่วิ่งเล่นของเด็ก ๆ หน้าวัด โดยเฉพาะการเล่นซ่อนหา แอบตามเสา แล้วให้เพื่อนหา มีเสียงโป้งกับแปะ เป็นระยะ ๆ
ผู้หาจะปิดตา นับเลข เพื่อน ๆ ที่เป็นผู้ซ่อนไปแอบตามเสา
พอนับเลขครบจะวิ่งตามหา ถ้าผู้หาเจอก่อนจะโป้งผู้ซ่อน ถ้าผู้ซ่อนแอบและแตะตัวผู้หาได้ จะร้องแปะ
คงเป็นเรื่องสนุกมากในวัยเด็กสมัยนั้นนะ ถึงได้นัดเจอกันเกือบทุกเย็น
ได้วิ่งเล่นออกกำลัง มากกว่าตาจ้องจับแต่มือถือ ไม่ได้วิ่งแถมสายตาจะเสียเอาซะอีกนะนี่
ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเรียกศาลาเก้าห้อง อย่างน้อยเสาใหญ่ ๆ น่าจะมีเสาเก้าต้นอย่างน้อยเป็นแน่ ที่แบ่งกั้นออกเป็นเก้าส่วนกระมัง แต่ไม่เห็นเป็นห้องเลยนะ มีแต่ที่โล่ง ๆ ให้พระนั่งสวดมนต์วันพระ สูงกว่าระดับล่างลดหลั่นลงมา ให้ผู้มาทำบุญนั่งเตรียมอาหาร ฟังพระสวดมนต์และฟังเทศน์
ส่วนวันอื่น ๆ น่ะหรือ เป็นที่วิ่งเล่นของเด็กนั่นเอง
รู้แต่ว่าได้วิ่งเล่นบนศาลาแห่งนี้นานหลายปีอยู่
เด็กสมัยนี้น่าจะเรียกซ่อนแอบมากกว่าซ่อนหา
เฉพาะไม้ที่สร้าง ไม่ว่าจะเป็นพื้น เสาต้นใหญ่เบ้อเริ่ม ที่แอบซ่อนเด็ก ๆ ให้หายากแล้ว มูลค่าสมัยนี้คงหาค่าไม่ได้ ทว่าการบำรุงรักษา หรือการไม่เห็นคุณค่า ทำให้รื้อทิ้ง แล้วไปสร้างศาลาใหม่ใหญ่โต ทำด้วยอิฐถือปูนแทน 
น่าเสียดายจริง ๆ ถ้ายังคงอยู่ที่เดิม น่าจะเป็น unseen temple ได้เลย

สระน้ำลอยกระทง
อีกแห่งที่ดูคุ้นทุกปีในวันลอยกระทง เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ที่สร้างรั้วล้อมรอบแน่นหนา ปิดประตูลงกลอน ไม่มีทางเลยที่สระน้ำแห่งนี้จะเกิดประโยชน์อันใดต่อเด็ก ที่จะไปแอบเล่นน้ำกัน
ด้วยข่าวลือที่หลอกเด็กว่า ผีดุ เพราะมีคนตกลงไปตาย แล้วกลายเป็นผีเฝ้าสระ ทำให้ไม่มีเด็กคนใดย่างกรายไปใกล้ แม้จะเป็นเวลาฟ้าแจ้งก็ตามทีเถอะ
กระทงสมัยนั้นเท่สุด ๆ ผู้เฒ่าผู้แก่จะใช้เวลาเตรียม เอากาละมังมาแปะกระดาษย่นที่ตัดเป็นรูปกลีบดอกบัว มีธูปเทียนปัก แล้วตั้งขาย ให้ผู้คนมาซื้อ ราคาตามขนาดกระทง ใหญ่เล็ก รวยหน่อยซื้อกระทงใบใหญ่
ไม่เห็นมีใครเสียเวลาทำกระทงใบตองสวยงาม คงคิดว่าสะดวกและทำบุญให้วัด
เมื่อกระทงเต็มสระ สวยงามมากทีเดียว
คืนวันลอยกระทง พระจันทร์สว่างไสว สวยงาม แค่ไปซื้อกาละมังที่เสแสร้งว่าคือกระทง ทางวัดคงต้องจัดงานให้เอิกเกริกสักหน่อย หนุ่ม ๆ สาว ๆ จะได้มาเที่ยวงานพลางถือโอกาสจีบกันพลาง
ที่จำแม่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง หนุ่ม ๆ จิ๊กโก๋ที่อยากแอ๊คอวดสาว ๆ พากันมาเป็นกลุ่มก้อน แล้วคงปากเปราะเราะรานกันหรือไรนี่แหละ แขวะกันไปแขวะกันมา ไม่รู้หรอก เพราะตอนนั้นค่อนดึกแล้ว เด็ก ๆ กลับบ้านกันแล้ว
เสียงตะโกนโหวกเหวก พร้อมเสียงหวออรถตำรวจ ทำให้ชาวบ้านชาวช่องแตกตื่นกัน รีบออกมาจากห้องแถว ไถ่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น 
สมัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาก ที่วัยรุ่นจะยกพวกตีกัน
ได้ข่าวว่า มีอยู่คนหนึ่งโดนมีดกระซวกแทงไปหลายแผล เอวังหมดกันอนาคต ทั้งผู้แทง และผู้ถูกแทงซึ่งไม่รู้ว่ารอดหรือไม่ เพราะการสื่อสารไม่รวดเร็วและติดตามข่าวเหมือนสมัยนี้หรอก



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2567 4:11:00 น.
Counter : 368 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments