การจัดการกับความเครียด
การจัดการกับความเครียด
Stress management
คนที่มองว่า เรื่องเครียดเป็นเรื่องธรรมดา ย่อมมีความสุขมากกว่าคนที่ตื่นเต้นตกใจกับการมาของสิ่งที่กวนใจ
จะจัดการกับความเครียดได้ต้อง
ตระหนักรู้อารมณ์ของตน บอกได้ว่า ตอนนี้มีอารมณ์อย่างไร อะไรคือเหตุ จะแก้ปัญหา ทำให้สงบเย็นได้
มองโลกในแง่ดีหรือมองโลกทางบวก เข้าใจสัจธรรมชีวิต มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพบและเจอะเจอด้วยกันทั้งสิ้น
คิดแบบสร้างสรรค์ มองเห็นเป้าหมาย สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ สิ่งที่พบจะถูกใจหรือขัดใจ ให้ก้าวข้ามผ่านไปได้ โดยไม่ต้องกวนใจให้ขุ่น คิดว่าทำได้ มันจะทำได้แน่นอน
จัดการกับอารมณ์ ความคิดของตนเองเมื่อเครียด มีวิธีที่จะไม่เครียดหรือทำให้เจือจาง ด้วยตระหนักรู้ในอารมณ์ที่เกิดขึ้น แล้วระบายออก เช่น เขียนบันทึก พูดคุยกับเพื่อน ทำกิจกรรมที่ชอบ
แก้ปัญหา พิจารณาทางเลือก ผลเสีย หรือผลกระทบจากทางเลือกต่าง ๆ หาแนวทางที่จะลดหนทางความเสียหาย เพิ่มโอกาสได้สิ่งที่ดี
ก้าวร้าวแค่ไหน จึงเกิดแรงทะยาน
ก้าวร้าวแค่ไหน จึงเกิดแรงทะยาน
How aggressive Therefore the soaring force
บ้านที่อบอุ่น ไม่ใช่จะลบความก้าวร้าวที่ติดตัวมาตามธรรมชาติได้ แต่จะสอนให้รู้จักนำพลังก้าวร้าวออกมาใช้อย่างถูกวิธีและเกิดประโยชน์
ถ้าเด็กไม่ก้าวร้าวเลย คงต้องพึ่งบ้านไปตลอดชีวิต ไม่รู้จักโต และไม่อาจเป็นนายตัวเองได้
เด็กเก็บกดเกิดจากโดนสั่งห้ามทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา เกิดความคับข้องใจ ถ้ามากและกดมาก ความโกรธและความก้าวร้าวที่กดเก็บไว้ ไม่รู้จะระเบิดออกมาวันใด และรุนแรงขนาดไหน บ่รู้นะ
เด็กที่ได้รับการตามใจและมีเสรีภาพมากเกินไปจะก้าวร้าวมาก
งงไหมล่ะ กดมากก็ไม่ดี ปล่อยเกินก็ไม่ดี จะเอายังไงดี มันต้องพอดี ๆ ไงล่ะ
เด็กที่ทำได้ทุกอย่างตามใจจะรู้สึกขาดความมั่นคงทางใจ ไม่แน่ใจในตัวพ่อแม่ที่ไม่เคยก้าวร้าวเลย จะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เคยต่อสู้เพื่อปกป้องคุ้มครองเขา
เป็นพ่อแม่ ปวดหัวไหมล่ะ คงต้องขัดใจบ้าง แล้วสอนให้เด็กก้าวร้าวอย่างสร้างสรรค์
สอนให้รู้ว่า ถ้าไม่มีพ่อแม่ เขาจะเป็นอย่างไร อย่าต่อต้านมากเกิน
ในโลกนี้มี 2 ที่แคบ ๆ ที่จะอยู่อย่างสบาย ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ คือ โพรงมดลูกของแม่ และ หลุมฝังศพ ที่เกิดและที่ตาย ทั้งสองที่นี้ ไม่จำเป็นต้องใช้พลังก้าวร้าวเลย
อย่างไรนะจึงเรียกว่า ก้าวร้าว
อย่างไรนะจึงเรียกว่า ก้าวร้าว
What's it called aggressive
เมื่อพูดคำว่าก้าวร้าว บางคนประหวั่นพรั่นพรึง นึกถึงความรุนแรงที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ไม่รู้หมู่หรือจ่า เผ่นหนีก่อนดีกว่าจะโดนระเบิดอารมณ์
สตอรร์ กล่าวว่า แรงขับก้าวร้าวจำเป็นต่อชีวิตเพื่อสงวนและดำรงไว้ซึ่งชีวิตของบุคคลและเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ เช่นเดียวกับสัญชาตญาณทางเพศ ความก้าวร้าวมีไว้ป้องกันตนเอง เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มากกว่าเพื่อทำลาย
สิ่งที่น่ากลัวคือความรุนแรงและการทำลายเยี่ยงศัตรู
ก้าวร้าวที่น่ากลัวเมื่อมีการทำลายล้างอย่างรุนแรงตามมา
ผลที่ตามมาของความก้าวร้าวจะแตกต่างกันไป
คนที่เก็บกดมาก อาจกลายเป็นคนเศร้า ยึดศาลาคนเศร้าไว้คนเดียว ไม่แบ่งปันให้ใครเลย
บางคนมีอาการเจ็บป่วยตามร่างกาย ปวดโน่นนี่นั่นตลอดเวลา เป็นมากอาจถึงขั้นจบชีวิตตนเอง
คนที่ปลดปล่อยพลังก้าวร้าวออกมา จะขว้างปาสิ่งของ ทุบตีทำร้ายผู้อื่นหรือตนเอง
บางคนจบชีวิตคู่ด้วยการยิงตัวเอง คนรักให้ด่าวดิ้นสิ้นใจไปต่อหน้า โดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาว
เด็กที่มีปัญหาอารมณ์มาก ๆ จะไม่สามารถพัฒนาความนับถือและความภูมิใจในตน บางรายไม่อาจรักใครและมีคนรักได้
คนอกหักที่มาจากบ้านที่อบอุ่นอาจรู้สึกเจ็บนิด ๆ แต่ไม่ถึงขึ้นก้าวร้าวเชิงทำลายล้างเท่าคนที่ขาดความมั่นคงทางใจ เมื่อโดนปฏิเสธความรักจะรุนแรงกว่าคนปกติ
คนก้าวร้าวมักมาจากบ้านที่ร้อนรุ่ม ไม่มีความรักความอบอุ่นให้
ธรรมชาติของอารมณ์
ธรรมชาติของอารมณ์
The nature of the mood
สามสิ่งประกอบร่างกลายเป็นคน มี อารมณ์ ความคิด และการแสดงออก
คุยกันเฉพาะเรื่องของอารมณ์นะ
อารมณ์พื้นฐานมี 8 อย่าง คือ ยอมรับ น่าเกลียด กลัว โกรธ ประหลาดใจ มั่นใจ เศร้า
สนุกสนาน ถ้ามารวมกันจะเกิดอารมณ์ใหม่ขึ้นมา เช่น
ความรักเกิดจากการยอมรับกับสนุกสนาน
คนที่อ่อนน้อมเพราะยอมรับด้วยความกลัว
ความเกรงใจเกิดจากกลัวกับประหลาดใจ
ความเสียดายเกิดจากความประหลาดใจที่ปนความเศร้า
ความเสียใจจากความเศร้าผสมกับความเกลียด
การเหยียดหยามจากความเกลียดและความโกรธ
คนที่ก้าวร้าวเพราะโกรธแต่มั่นใจว่าตัวเองถูก
คนมองในแง่ดีเพราะเป็นคนสนุกสนานและมีความมั่นใจในตนเอง
บางคนบอก คิดเช่นไร ทำเช่นนั้น
รู้สึกอย่างไรแสดงออกอย่างนั้น
แต่บางทีคนที่คิดหรือรู้สึกเช่นไร อาจไม่แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง ถ้าเขาได้รับการฝึกฝนการควบคุมตนเอง หรือรู้หลักการฝึกควบคุมอารมณ์
J K L
สิ่งที่เป็นจริง เรื่องของอารมณ์ เมื่อรู้จักอารมณ์พื้นฐาน 8 อย่าง
ต้องเข้าใจว่าอารมณ์พื้นฐานมี 4 คู่ ในแต่ละคู่ จะอยู่คู่กันเสมอ
เมื่อเกิดอารมณ์หนึ่งแล้วจะไม่เกิดอีกอารมณ์
ง่าย ๆ แค่นี้ เมื่อไม่ต้องการให้เกิดอีกอารมณ์ ต้องสร้างอารมณ์คู่กันให้เกิดขึ้นก่อนเสมอ
ยอมรับ-น่าเกลียด
กลัว-โกรธ
ประหลาดใจ-มั่นใจ
เศร้า-สนุกสนาน
ถ้าไม่อยากรู้สึกว่ามีสิ่งที่น่าเกลียดอยู่ จงยอมรับมันเสีย
ถ้ารู้สึกว่ากลัวจะไม่โกรธ
ถ้าไม่อยากเกิดความประหลาดใจจงทำให้เกิดแต่สิ่งที่มั่นใจ
ถ้าสนุกสนานก็จะไม่เศร้า
ดังนั้น ถ้าจะให้ใครรัก ต้องให้เขายอมรับในตัวเราและยามอยู่ด้วยกันให้มีแต่ความสนุกสนาน
อยากให้ผู้คนอ่อนน้อม ต้องให้เขายอมรับในตัวเราและเกิดความกลัวในอำนาจที่มีอยู่
ความเกรงใจเกิดจากความกลัวและความประหลาดใจในความสามารถ อยากให้เขาเกรงใจ ต้องแสดงฝีมือที่เก่งกล้าของตนออกมา ซึ่งทำให้เขาหวาดกลัวด้วยว่าจะอันตรายต่อเขาไหม
อยากให้ผู้คนรู้สึกเสียดายคงต้องมีทั้งความประหลาดใจและเกิดความเศร้าในขณะเดียวกัน
ความเสียใจเกิดจากความเกลียดผสมกับความเศร้า
แต่เมื่อทั้งโกรธและเกลียดพร้อมกัน สิ่งที่ตามมาคือการเหยียดหยาม
แต่ถ้าผู้มั่นใจในตนเองสูงมากและเกิดอาการโกรธ เขาจะก้าวร้าวได้
ส่วนการมองโลกในแง่ดีคงเป็นเพราะเขามั่นใจในตนเองและอยู่ในภาวะที่สนุกสนาน
เซ็ง แค่คำบ่น หรืออาการบอกเหตุ
เซ็ง แค่คำบ่น หรืออาการบอกเหตุ
Bored with just complaining or signs
หลายคนชอบใช้คำว่า เซ็ง ยามไม่สบอารมณ์
เขาแค่บ่น เปรย หรือรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
เซ็ง เป็นกลุ่มอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง ชอบยิ้มแห้ง ๆ และบ่น เซ็งว่ะ
ความรู้สึกเซ็ง ๆ หรือเบื่อหน่าย อ่อนเพลีย ไม่อยากลุกไปทำงานหรือกิจวัตรประจำวัน
เมื่อคิดว่าต้องไปพบกับอะไร กับใครที่ไม่อยากเจอ อาการจะยิ่งกำเริบ
อาการเซ็งจึงเป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นกับแต่ละช่วงของกาลเวลาและบริบทที่แวดล้อม เช่น ไปงานเลี้ยงได้เม้าท์มอยส์กับกลุ่มเพื่อนสนิท อาจคึกคัก ถ้าต้องเร่งงานที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายให้เสร็จตามกำหนดเวลา อาการเซ็งอาจเพิ่มพูน ทวีอัตราเร่งอย่างรวดเร็ว
ถ้ามีอาการเซ็งนาน ๆ ติดต่อกัน มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยอ่อนเป็นประจำ อาจเป็นเดือน หลายเดือนหรือเป็นปี น่าเป็นห่วงนะ
คนที่เป็นโรคเซ็งเรื้อรัง ไม่ว่าจะพักผ่อนขนาดไหนหรือบำรุงร่างกายมากเพียงใด ยังมีอาการอ่อนเพลียอย่างมากอยู่ โดยที่ไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติใด ๆ ได้
คนปกติ เมื่อเหนื่อยล้า เซ็ง แค่ได้กินอิ่ม นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ความเซ็งที่เกาะกุมหัวใจจะโบยบินหนีหายวับไปกับตา
โรคเซ็งเรื้อรัง CFS เคยระบุว่า เป็นโรคประสาทชนิดหนึ่งที่มีอาการอ่อนเปลี้ย เหนื่อยง่ายโดยไม่พบสาเหตุ หรือเกิดจากเชื้อไวรัสเอ็บสไตน์ บาร์ มีอาการปวดศีรษะ เจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และขาดสมาธิ คล้ายกับไข้หวัดใหญ่แต่อยู่นานกว่า
ถ้าใครบ่นเซ็งนานเกินไป และมีอาการทางกายผิดปกติแทรกเข้ามา คงต้องพบแพทย์แล้วมั้ง อย่าแชเชือน คิดว่าไม่เป็นไรนะ
ลองนอนให้หลับ กินให้อิ่ม ถ้าอาการเซ็งหายไป แปลว่า เหนื่อยล้าเกินไปกับการใช้ชีวิตแล้ว ปรับเปลี่ยนพฤ๖กรรม อย่าโหมงานหนัก อย่าทุ่มเทให้กับงาน กับใครมากเกินกำลังที่มีอยู่ คนสนิทจะได้ไม่เป็นห่วง