Group Blog All Blog
|
หลงเวลาดีกว่าหลงอำนาจ
๓. หลงเวลาดีกว่าหลงอำนาจ
เส้นแบ่งเวลากรีนนิชจะเป็นตัวกำหนดเวลาโลก ว่าประเทศใดควรมีเวลาใด สิ่งที่กำหนดคือแสงอาทิตย์ในยามเช้า ใช้เวลาเดียวกันกำหนดเวลามาตรฐานโลก เพื่อให้ผู้คนได้รู้ว่า ณ จุดเวลาหนึ่ง แต่ละที่จะเป็นเวลาใด ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ทุกแห่งจะมีเวลาเดียวกัน เช่นกันกับไม่มีทางที่ทุกคนจะได้รับอะไรจากโลกเท่าเทียมกัน เมื่อเดินทางไกล ต้องปรับตัวให้เข้ากับเวลาใหม่แต่ละที่ให้ได้ เพราะแต่ละแห่งจะใช้เวลาท้องถิ่นแตกต่างกัน การเดินทางจากไทยไปยังอเมริกาเป็นการเดินทางย้อนเวลา เช่น บินจากไทย ๑๗.๓๐ น. ตอนเย็นวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๙ จะถึงลอสแอลเจลิสหรือที่คนไทยชอบเรียกย่อว่าแอลเอ เวลา ๒๐.๓๐ น. วันที่ ๓ เมษายน เช่นกัน ถ้านับจำนวนชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นจะได้เพียง ๓ ชั่วโมงเท่านั้น แต่ที่จริงถ้าใช้นาฬิกาเรือนเดิมไม่เปลี่ยนตามเวลาท้องถิ่น เราจะรู้ว่าใช้เวลาถึง ๑๗ ชั่วโมง คนที่เดินทางด้วยสายการบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ออกจากประเทศไทยห้าโมงเย็น ควรจะเป็นเวลากลางคืนท้องฟ้ามืดมิด แต่นี่ถ้าเปิดหน้าต่างบังแสงดูจะเห็นท้องฟ้าสว่างจ้าตลอดการเดินทาง นั่นคือเราเดินทางตอนกลางวันแทนที่จะเป็นกลางคืน คนไทยรวมทั้งคนต่างชาติอื่นนอนหลับกันเป็นส่วนมากเพราะมันคือเวลานอนของพวกเรา พอมาถึงสนามบินลอสแอลเจลิสเป็นเวลา ๒๐.๓๐ น. ทำธุระตรวจคนเข้าเมือง และนั่งรถยนต์มาถึงเมืองซานดิเอโกเวลา ๒๒.๓๐ น. มันคือเวลานอนของเราอีกแล้วหรือ ทั้งที่เรานอนมาตลอดทางเกือบ ๑๗ ชั่วโมง ปกติคนนอนกันอย่างมากแค่ ๘ ชั่วโมง แต่นี่เรานอนแล้วนอนอีกเพราะไม่รู้จะทำอะไร นอกจากนอนกับกิน พอมาถึงที่ต้องนอนอีกแล้ว แต่ถ้าเราไม่ยอมนอน เราจะปรับตัวเข้ากับเวลาที่นี่ในวันต่อไปไม่ได้ ร่างกายสับสนเพราะหลงเวลา นักเดินทางจึงต้องเก่งในเรื่องปรับร่างกายให้เข้ากับเวลาในท้องถิ่นให้ได้เร็วที่สุด บางคนพอเดินทางกลับไทยหลงเวลากันอีกแล้ว หลายคนใช้เวลาปรับร่างกายให้เข้าที่หลายวัน การเดินทางไกลจึงต้องเผื่อเวลาให้ร่างกายปรับสมดุลในตัวของมันด้วย ความสับสนเรื่องเวลานี้บางทีเป็นอันตรายต่อร่างกายเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่คนที่หลงยึดติดกับอำนาจ ตำแหน่งหน้าที่ คิดว่ามันคือของจริงที่จะอยู่กับเราชั่วยั้งยืนยงอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยเฉพาะคนที่ผ่านตำแหน่งใหญ่โตมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายได้ หลงยึดติดว่ามันคือตัวกู ของกู เหมือนท่านพุทธทาสภิกขุใช้เป็นคำสอน ยึดติดในอำนาจ เกียรติยศที่ได้รับมา พอถึงวันเกษียณอายุราชการ ทำใจยอมรับไม่ได้ คนที่เคยกราบไหว้บูชาเอาของขวัญมาให้ไม่ขาดสายกลับหดหายไป มาเจอหน้าเขาพยายามหลบเลี่ยง บางคนซ้ำร้ายเจอการด่าทอ เหยียดหยามทำให้เจ็บช้ำน้ำใจไม่กล้ากลับไปที่ทำงานเดิมอีกเลย สิ่งที่สำคัญ คือ การปรับตัวให้ได้กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรา ต้องตระหนักในความเป็นจริ 660128 คิด ๆๆ แต่สิ่งดี
660128 คิด ๆๆ แต่สิ่งดี
อย่าคิดสิ่งที่ทำร้ายและทำลายตัวเอง อย่าคิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ มีอะไรให้ทำตั้งมากมาย Ω********** ไม่มีใครดีกับคนที่ร้ายต่อตน ไม่มีใครดีต่อคนที่ไม่มีประโยชน์ร่วมกัน จึงควรที่จะรู้จักให้และทำดีกับผู้อื่นก่อน จึงจะได้รับมิตรภาพและน้ำใจจากผู้อื่น Ω********** ที่ไหน ๆ ก็ไม่ใช่ของเรา ตำแหน่งใด ๆ ก็ไม่จีรัง Ω********** ชีวิตมี 3 อย่าง สุข ทุกข์ เฉย ๆ เมื่อเกิดอารมณ์ใดให้รู้เท่าทัน ว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป Ω********** ของสองสิ่ง ถ้าไม่เท่ากัน ต้องน้อยกว่าหรือมากกว่า ไม่มีใครได้ทุกสิ่งเท่ากันจากทุกคนทุกเรื่อง จึงไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยให้ปวดหัว Ω********** วันพุธที่ 10 มกราคม 2544 อิงเกณฑ์หรืออิงกลุ่ม เราจะเลือกให้ชีวิตมีมาตรฐานตามเกณฑ์ใด อิงเกณฑ์หรืออิงกลุ่ม ถ้าเลือกอิงกลุ่ม เราจะทำตามใจพรรคพวก ตามใจคนที่อยู่ด้วย เราอาจอยู่อย่างเป็นสุขกับคนระดับเดียวกัน แต่ไม่มีวันที่จะก้าวไปสู่สังคมโลก สังคมระดับชนชั้นที่ดีกว่า เราจะพอใจกับความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เพื่อนมีให้แก่กัน พอใจที่จะอยู่ไปวัน ๆ กับสิ่งที่มีอยู่ เพื่อนเฮไหนเฮด้วย ทำอะไรทำด้วย คุณภาพมาตรฐานชีวิตเทียบในกลุ่มได้ ก็มีความสุข ถ้าเลือกอิงเกณฑ์ ไม่ว่าเราจะอยู่กับใคร ที่ไหน อย่างไร เกณฑ์ คุณภาพที่จะตัดสินอยู่ที่สิ่งที่ควรทำ อยู่ที่เกณฑ์มาตรฐานของสังคม ไม่ใช่ผู้คนที่อยู่รอบตน คนอายุรุ่นเดียวกันไปถึงไหนแล้ว คนที่เรียนจบมาเหมือนกันเขาได้ตำแหน่งอะไร เราจะต้องก้าวให้ทัดเทียม เป้าหมายชีวิตอยู่ที่ควรทำอะไร ควรได้อะไร เป้าหมายอาจสูงกว่าผู้คนที่รายล้อมรอบตัว เราต้องมีชีวิตที่ดีกว่า สูงกว่า สมบูรณ์กว่าคนส่วนมาก ต้องเป็นระดับต้น ๆ ต้องยกระดับสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ต้องไม่เอาตัวไปพัวพัน สนิทสนมผูกพันกับใครเป็นพิเศษ ทำในสิ่งที่คิดว่าควรทำและทำอะไรได้ แม้ว่าอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าใครอีกหลายคน 660128 ต้องอยู่ให้ได้ทั้งคนดี เลว
660128 must be good, bad.
In society, there are both good people. Bad people We have to live with the good guys. You have to get through the crises of each stage of your life, adventure with enemies, get beaten by enemies, and get through. We must assume that we are skilled. Increase self-esteem To teach to be good, but too good can be dangerous, because you can't stand the bad guys. We can't stand the friction of the wicked, as if we were weak. Being too good can make us unhappy, but living with the bad guys by heart is not miserable and not as bad as it is to assume that we are good people. Choosing to hook up with only good people, seeking perfect people is impossible because everyone has a mix of good and bad. Even ourselves, who are struck by the idea of perfection, sublime sri. Listen to the enemy gossiping about how horrible it is to gossip. That we're so bad? What is done with one intention unexpectedly morphs into another. So we should have at least one close friend. If it's a friend, the better the big. When talking, it feels fun. If there's some small disagreement. The feeling of having each other strengthens the fight against the wicked. Who's going to be good, bad, but who's heads it? Don't make enemies unnecessarily because it's going to get worse that we can't take it for granted. 660128 เอาชนะความเศร้า
660128 เอาชนะความเศร้า
ดร.พรรณี เกษกมล โดยธรรมชาติคนเราย่อมทุกข์มากกว่าสุข ถ้าเราสะสมความทุกข์ไว้กับตัว ไม่มีการผ่อนคลาย ปล่อยวาง หรือระบายออก ความทุกข์นี้จะกลายเป็นความเศร้า ทำให้เราตกอยู่ในภาวะเศร้าซึม โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันหรือสังคมในเมือง ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครมานั่งฟังคนอื่นปรับทุกข์ เศรษฐกิจย่ำแย่ ผู้คนจะเกิดภาวะเศร้าซึม บางคนไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าจิตใจห่อเหี่ยว อ่อนแอ ท้อแท้ หมดหวัง หมดกำลังใจ ถ้าไม่รู้ตัวปล่อยให้อาการเศร้าซึมเพิ่มมากขึ้น อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ การเพิ่มกำลังใจให้ตนเองหรือรู้จักเอาชนะความเศร้าจะช่วยให้เรามีกำลังใจ และมีจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ทำไมจึงเศร้า เมื่อไหร่ที่เราคิดเกี่ยวกับตนเองและสิ่งแวดล้อมรอบตัวว่าไม่ดี เลวร้าย เราเป็นคนโชคร้าย ตั้งแต่เกิดมามีแต่ความยากลำบาก มีความคิดความเชื่อเกี่ยวกับตัวเองในทางไม่ดี ไม่มีเหตุผล คิดว่าตนเป็นคนไม่มีอนาคต โลกโหดร้ายต่อเรามากเกินไปแล้ว อนาคตมืดมน สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นดูจะเลวร้ายไปเสียทุกเรื่อง ความคิดเช่นนี้จะทำลายตัวเราและจิตใจของเรา เพราะเราจะมองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลวร้ายและแปลความหมายทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทางไม่ดี คิดว่าทุกอย่างรอบตัวเราล้วนแต่เป็นภาระและอุปสรรค รู้ได้อย่างไรว่าเศร้า การตรวจสอบว่าตนมีภาวะเศร้าซึมหรือไม่ ให้พิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงใน 4 ด้านต่อไปนี้ และพิจารณาว่ามีอาการมากน้อยเพียงใด แบบแผนพฤติกรรม อยากร้องตะโกนโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด ไม่อยากอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ไม่ใส่ใจเสื้อผ้าที่สวมใส่ ไม่ใส่ใจว่าห้องนอนสะอาดเพียงพอหรือไม่ ไม่เจริญอาหาร ไม่อยากมีสัมพันธ์ทางเพศกับคู่สมรส รู้สึกอึดอัดคับข้องใจโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด อารมณ์หรือความรู้สึก อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก (จากต่ำสุดไปหาตื่นเต้นสุดขีด) รู้สึกแย่มาก ๆ รู้สึกโกรธหรือรำคาญง่าย รู้สึกกลัว รู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างต้องใช้ความพยายามมากเหลือเกิน แบบแผนการคิด หาสมาธิยากในการทำงานที่ต้องใช้ความคิด เปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็วจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง มีความคิดในทางไม่ดีในเรื่องต่อไปนี้ : ฉันคิดว่าฉันน่าจะดูดีกว่านี้ ฉันไม่สามารถทำอะไรที่ถูกต้องได้ ไม่มีใครชอบฉัน ฉันเกลียดสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีใครรู้สึกอะไรถ้าฉันตาย ฉันเกลียดชีวิตฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ อาการทางกาย มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รู้สึกไม่ค่อยดีหรือไม่ค่อยสบายตัว ร่างกายหนักอึ้ง สีหน้าเรียบเฉย วิธีเอาชนะความเศร้า วิธีที่คุ้นเคยมากที่สุด คือ การหาธรรมะยึดเป็นหลักประจำใจ การอ่านหนังสือธรรมะก่อนนอน การทำสมาธิ การไปวัดทำบุญทำทาน การเรียนรู้หลักโลกธรรม รู้ว่าเมื่อมีลาภย่อมเสื่อมลาภได้ มียศย่อมเสื่อมยศ มีสุขก็ย่อมมีทุกข์คละเคล้ากัน ทุกอย่างในโลกมีขึ้นมีลง เหมือนน้ำขึ้นน้ำลง มีดวงดีก็ต้องมีดวงตก ผลัดกันไป ถ้าคิดได้เช่นนี้เรียกว่ารู้เท่าทัน ย่อมคิดได้ว่าไม่มีทุกข์ตลอดกาล คนเราเดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เราก็จะมีกำลังใจต่อสู้ให้ผ่านทุกข์ครั้งนี้ไปได้ การเอาชนะความเศร้า ต้องพยายามให้ใจของเราปรับเปลี่ยนแนวความคิด ให้คิดแต่เรื่องที่จะทำให้เรามีความสุข มีกำลังใจที่จะต่อสู้ สมัยนี้หนังสือประเภทเสริมสร้างกำลังใจ วิธีเอาชนะทุกข์ ก้าวไปข้างหน้า มีมากมาย ลองหามาอ่านบ้าง จะได้รู้วิธีสร้างเป้าหมายใหม่ให้กับตนเอง ทำให้เรามีความคิดที่จะทำโน่นทำนี่ ให้มีความคิดที่ดีที่จะต่อสู้ชีวิตและนำชีวิตไปสู่ความก้าวหน้ารุ่งเรือง สิ่งที่จะต้องทำ คือ ให้ความรู้สึกว่าตนคือผู้แพ้ ทำไมโลกจึงโหดร้ายกับเราหมดสิ้นไปจากใจให้ได้ ความรู้สึกว่าตนสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่าต้องลดน้อยลง ต้องเร่งสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง เลิกนิสัยการพึ่งพาผู้อื่น อาจใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การพูดคุยกับคนที่มีนิสัยใจคอที่ดีงามหรือที่เราเรียกว่ากัลยาณมิตร การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามกับผู้อื่น เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เคยทำ เช่น ไปวัด ไปเที่ยวทัวร์ เปิดโอกาสในการพบปะพูดคุยกับคนแปลกหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นหรือเล่าสารทุกข์สุกดิบ จะได้รู้ว่าใคร ๆ ก็ทุกข์เหมือนกัน การหัดคิดแต่สิ่งที่เป็นปัจจุบัน ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ไม่คิดถึงอดีตที่ผ่านมาแล้ว ไม่นึกถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ฝึกการคิดแบบมีเหตุผล เลิกความเชื่อที่งมงายไร้สาระ เช่น ความคิดที่ไร้เหตุผล คือ ฉันจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อทุกคนรักฉัน คนที่ดีพร้อมทุกอย่างเท่านั้นจึงจะเป็นคนที่มีคุณค่า แท้ที่จริงคนทุกคนเหมือนกันหมดมีทั้งดีเลวปะปนกัน ไม่จำเป็นต้องคิดว่าเราต้องทำดีที่สุด พลาดไม่ได้ การฝึกแก้ไขพฤติกรรมที่มีปัญหา เช่น นอนไม่หลับ เพราะเครียด คิดมาก หัดการทำสมาธิเพื่อการหลับนอน ทำใจให้สบาย วางมือบนท้องเพื่อดูลมหายใจเข้าออก ผ่อนคลายลมหายใจเข้าออกให้สบาย แล้วกำหนดจิตว่าหลับ-สบาย พร้อมกับลมหายใจเข้าออกยาว ๆ ทุกครั้งที่หายใจเข้าออกให้ผ่อนคลายตนเองลง ให้รู้สึกว่าร่างกายสบาย แล้วก็จะหลับสบาย การฝึกให้สมาชิกในครอบครัวสร้างเสริมบรรยากาศในการพูดคุยแต่ในทางที่ดี ไม่ทะเลาะวิวาทกัน ให้ทุกคนในครอบครัวสามารถทำหน้าที่ของตนได้โดยมีขอบเขตที่เหมาะสม มีการติดต่อสื่อสารต่อกันในทางที่ดีขึ้น เพื่อรักษาระบบและหน้าที่โดยรวมของครอบครัว อันจะทำให้ครอบครัวมีความสุขขึ้น ทักษะที่ต้องหัด คือ หัดสร้างเป้าหมายให้กับชีวิต ทำตัวเองให้เป็นคนมีความทะเยอทยาน อยากได้ใคร่ดีบ้าง จะได้รู้สึกว่าชีวิตนี้มีความหมาย อาจทำสิ่งที่มีคุณค่าแก่ตนเอง สังคม หัดคิดวิเคราะห์วิจารณ์เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตรงกับสิ่งที่เชื่อหรือไม่ หัดทำอะไรก็ได้ที่ไม่เคยทำแต่คิดว่าถ้าทำแล้วเราจะมีความสุข คิดเสมอว่าฉันต้องการมีความสุข แล้ววางแผนการที่จะทำให้มีความสุข ฝึกคิดว่าสิ่งที่เรารู้สึกกับสิ่งที่เป็นจริงมันใช่สิ่งเดียวกันหรือไม่ แยกให้ออก บางทีอาจเกิดจากเราคิดมากเกินไปหรือเปล่า และต้องหัดสร้างทักษะในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น เพื่อที่จะได้เล่าเรื่อง พูดคุย จะได้เปลี่ยนอารมณ์และความคิดของเรา ท้ายนี้คนที่กำลังเศร้า ก็ลองเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง อย่าลืมว่าเราคือคนเก่งที่สามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรคได้ ถ้าเรามีปัญญาและใช้ปัญญาเราสามารถผ่านพ้นมรสุมของชีวิตได้อย่างสวยงาม ความเศร้าเป็นเพียงอารมณ์จรที่ผ่านเข้ามาเพื่อทดสอบความเก่งเท่านั้น ถ้าเราคิดว่าเราทำได้เราก็จะทำได้ แต่ถ้าเราพลาดและปล่อยให้ผู้คนย่ำยีจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันควรจะถึงเวลาที่เราจะลุกมาสู้และถึงเวลาที่เราจะเป็นผู้ชนะแล้ว ****************** ดร. พรรณี เกษกมล #พรรณีเกษกมล วิธีฝึกการกล้าแสดงออก
คนเก่งแต่ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าบอกกล่าว
ก็เสมือนคนไม่เก่งเพราะไม่มีใครรู้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน จะเก่งต้องกล้าพูดกล้าแสดงกล้าบอกให้เป็นที่ประจักษ์ชัด จึงจะสามารถใช้ความเก่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้จริง ทักษะที่ต้องฝึกพฤติกรรมการกล้าแสดงออก
เทียมและยุติธรรม 2.2 การแสดงออกตามความรู้สึกที่ชอบหรือไม่ชอบอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา จริงใจ หลีกเลี่ยงการเก็บกดความรู้สึกหรือเบี่ยงเบนประเด็นออกไปทางอื่น 2.3 การพูดจาทักทาย ฝึกการยิ้มทักทายผู้อื่นก่อนจะเริ่มต้นพูด 2.4 การแสดงออกเมื่อไม่เห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งว่าเห็นด้วยทั้งที่ไม่เห็นด้วย การบอกด้วยท่าทีที่สุภาพว่าความคิดเห็นไม่สอดคล้องต้องกัน 2.5 การใช้คำถามหาเหตุผล เพื่อที่จะได้รู้ว่าความสมเหตุสมผลหรือข้อเสนอแนะก่อนที่จะตัดสินใจทำตาม หรือเหตุผลที่ต้องทำในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ 2.6 การคุยเรื่องส่วนตัวในเรื่องที่น่าสนใจเพื่อที่จะให้ผู้อื่นได้รับรู้ข้อมูลส่วนตัวที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย 2.7 การขอบคุณเมื่อมีผู้อื่นมาชื่นชม การกล่าวตอบว่าขอบคุณเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อมีผู้มากล่าวชมคุณงามความดีของเรา ไม่ควรกล่าวปฏิเสธเพราะผู้พูดอาจรู้สึกไม่ดี 2.8 ในกรณีที่เจอคนที่ชอบการถกเถียง ควรหลีกเลี่ยงที่จะต่อปากต่อคำ ให้หาทางยุติการสนทนาแทนที่จะขยายความให้เพิ่มมากขึ้น 2.9 การสบตาคู่สนทนา เพื่อแสดงความจริงใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดควรหาทางผ่อนคลายความตึงเครียดให้ลดน้อยลง 2.10 การพูดทวนซ้ำเมื่อต้องการให้ผู้อื่นทำตามคำบอกของเรา ให้พูดย้ำประเด็นที่สำคัญบ่อยครั้งขึ้นเพื่อไม่ให้หลุดออกไปนอกประเด็น 2.11 การพูดเออออเห็นด้วยในบางประเด็นเพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน ให้เขาได้รับรู้ว่าเราคิดเห็นคล้อยตามเขา ไม่ใช่จะต่อต้านในทุกเรื่อง |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |