Group Blog All Blog
|
สุภาษิตไทยและต่างประเทศ
สุภาษิตไทยและต่างประเทศ
เรื่อง กำเนิดต้นข้าว
เรื่อง กำเนิดต้นข้าว
เรื่องเล่าแบบไทย ๆ นี้มีอยู่ว่า แต่เดิมข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของมวลมนุษยชาตินั้น มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คนไม่ต้องปลูกและเมล็ดข้าวใหญ่โต ใหญ่กว่ากำปั้นคนถึง 5 เท่าในแต่ละเมล็ด เรียกว่าข้าวเมล็ดเดียวอาจกินอิ่มไปได้ถึงหลายมื้อสำหรับคนกินน้อย ๆ แถมด้วยกลิ่นหอมหวนเอามาก ๆ แล้วเหตุไฉนจึงกลายมาเป็นเช่นในปัจจุบันที่ผู้คนต้องปลูกข้าวกินกันเองแถมเหลือเมล็ดเล็กนิดเดียว ข้าวเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารที่คนส่วนใหญ่เกือบค่อนโลกใช้กินเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวเจ้า แต่ข้าวเจ้าเองมีหลายพันธุ์ คนที่เคยกินซูชิอาหารหลักของชาวญี่ปุ่นหรือเคยกินข้าวญี่ปุ่นจะรู้ทันทีว่าแตกต่างจากข้าวบ้านเราที่ขนาดของเมล็ดและความเหนียว ข้าวญี่ปุ่นจะเมล็ดเล็กและสั้นมีความเหนียวมากกว่า ข้าวที่ชาวเม็กซิโกกินจะออกแข็งและร่วน ส่วนข้าวเจ้าบ้านเราที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกคือข้าวหอมมะลิ คนไทยที่ชอบกินข้าวหอมมะลิจะบอกว่านุ่มนวลและมีกลิ่นหอม ถึงแม้จะเอาข้าวที่เหลือแต่ละมื้อใส่ตู้เย็นจะยังคงความนุ่มนวลไม่แข็งกระด้าง แม่ค้าขายข้าวแกงจะนิยมใช้ข้าวเสาไห้เพราะร่วนซุยและขึ้นหม้อและราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิมากนัก ถึงแม้ว่าคนค่อนโลกกินข้าวไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเลย์ แต่คนปลูกข้าวโพดมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือข้าว แปลว่าคนปลูกข้าวน้อยกว่าข้าวโพดน่ะสิ เรื่องของเรื่องที่ทำให้ข้าวเมล็ดเล็กลงและคนต้องปลูกข้าวกินกันเองนั้นเกิดจากหญิงหม้ายคนหนึ่งมักง่ายและโลภมาก นางเป็นคนนิสัยไม่ดี เอาแต่ได้ และนิสัยหยาบกระด้าง นางสร้างยุ้งฉางขนาดใหญ่แล้วให้ต้นข้าวไปเติบโตในยุ้งฉาง ด้วยนิสัยหยาบกระด้างทำให้นางชอบตีข้าวให้หักกลายเป็นเศษข้าวและเศษเล็กเศษน้อยนี้ปลิวว่อนออกไปนอกยุ้งฉาง ข้าวรู้สึกไม่พอใจที่นางปฏิบัติต่อข้าวอย่างไร้ซึ่งมารยาทอันดีงามเช่นนี้ ต้นข้าวนี้จะมีแม่พระโพสพคอยพิทักษ์ปกปักรักษา เมื่อข้าวแตกหักกลายเป็นเศษข้าวที่ปลิวว่อนไปทั่วเช่นนี้ แม่พระโพสพมีหน้าที่คอยติดตามต้นข้าวทุกต้นไปทั่วทุกหนทุกแห่งจึงรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสมากจนเกินไปซึ่งความผิดนี้เกิดจากคนเพียงคนเดียวที่ไร้มารยาท เศษข้าวที่ปลิวไปไกลถึงยอดดอย จะเติบโตกลายเป็นข้าวดอย ส่วนที่ปลิวไปตกในน้ำกลายเป็นข้าวนาดำ แม่พระโพสพที่เคยอยู่สบาย ๆ กลับ ต้องทนทรมานบนยอดดอยและต้องไปอาศัยอยู่กับปลาในหนองน้ำทน ทุกข์ทรมานมากมาย แม่พระโพสพโกรธหญิงหม้ายคนนี้มากจึงหนีไปขึ้นสวรรค์ ไม่ยอมทำหน้าที่เทวดาผู้พิทักษ์คุ้มครองต้นข้าวอีกต่อไป ต้นข้าวจึงสูญหายจากโลกนี้นับพันปี เมื่อไม่เห็นคุณค่า เมื่อไม่เคารพนบนอบแถมยังไร้มารยาทอันดีงามอีก แม่พระโพสพจึงคิดว่าทำไมเทวดาอย่างเราต้องยอมให้มนุษย์ต่ำทรามมา ย่ำยีเช่นนี้ ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มลูกเศรษฐีไปเที่ยวป่าแล้วหลงทาง เขาจึงเอาแต่ร้องไห้ บังเอิญที่ตรงนี้อยู่ใกล้กับหนองน้ำแห่งหนึ่งที่เคยมีข้าวนาดำและแม่ พระโพสพเคยมาดูแลต้นข้าวที่นี่ เหล่าบรรดาปลาจึงรู้จักแม่พระโพสพและเล่าขานสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อปลาได้ยินเสียงร้องไห้ของชายหนุ่มที่หลงทาง ให้รู้สึกสงสารจึงเอ่ยปากบอกว่าลองอธิษฐานขอพรจากแม่พระโพสพดูสิ อาจได้รับความช่วยเหลือก็ได้ หลังจากเขาสวดอ้อนวอนแม่พระโพสพอยู่นานจึงได้รับความช่วยเหลือและได้รับรู้เหตุการณ์อันเลวร้ายที่หญิงหม้ายคนหนึ่งได้กระทำการอันมิบังควรต่อแม่พระโพสพจนนางต้องหนีขึ้นสวรรค์ เมื่อชายหนุ่มลูกเศรษฐีได้รู้ความจริงจึงอ้อนวอนให้แม่พระโพสพกลับมาอยู่ยังโลกมนุษย์ต่อไป แต่นางยืนกรานไม่ยินยอม เหล่าเทวดาต้องการให้มนุษย์ได้กินอาหารดี ๆ อีกครั้งหนึ่งจึงแปลงร่างกลายเป็นปลาและนกแก้วช่วยกันอ้อนวอนแม่พระโพสพจนนางใจอ่อน แต่มีข้อแม้ว่า ต้นข้าวจะไม่ขึ้นเองตามธรรมชาติเหมือนเดิม มนุษย์คนใดต้องการกินข้าวให้ปลูกต้นข้าวกันเอง แล้วเมล็ดข้าวจะเล็กลง ข้อสำคัญทุกครั้งที่จะตำข้าวเอาเปลือกออกต้องทำพิธีขออนุญาตจากแม่พระโพสพก่อนทุกครั้งไป และเมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วต้องทำพิธีสู่ขวัญข้าวจึงกลายเป็นประเพณีของชาวนาที่ยึดอาชีพปลูกข้าวทำนา รวมทั้งผู้คนทั่วไปที่รู้จักแม่พระโพสพมักจะทำพิธีขอบคุณเสมอไม่ว่าก่อนจะกินข้าวแต่ละมื้อหรือในพิธีสำคัญอื่นใด เพราะเราเชื่อว่าข้าวมีจิตวิญญาณและมีแม่พระโพสพคอยพิทักษ์ปกปักรักษาอยู่ เรื่องนี้ทำให้คิดว่า คนเราต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ รู้จักการเคารพนบนอบต่อผู้ที่สูงศักดิ์กว่า ไม่กระทำการอันหยาบช้าต่อสิ่งที่ควรเคารพนับถือ คนไทยได้รับการปลูกฝังเรื่องการมีสัมมาคารวะ การเคารพผู้มีอาวุโส เพราะเรามีระบบอุปถัมภ์ค้ำจุนอยู่ เราจะยกย่องให้เกียรติผู้มีพระคุณแม้จะล่วงลับไปแล้ว เราจะไม่ด่าทอหรือแสดงกริยาอันมิบังควรต่อผู้ใหญ่ทุกคนไม่ว่าเราจะรู้จักสนิทสนมเป็นเครือญาติหรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จักมักคุ้น เราจะไม่จับศีรษะผู้ใหญ่ ไม่เล่นหัวผู้ใหญ่ ไม่พูดเล่นที่เรียกว่าลามปาม ซึ่งอาจต่างจากพวกฝรั่งที่ลูก ๆ จะเล่นหัวพ่อแม่จนคนไทยบางคนค่อนขอดเอาว่าไม่เหมาะสม เรามักมีคำสรรพนามนำหน้า เช่น พี่ ป้า น้า อา ตา ยาย กับบุคคลทั่วไปเป็นการยกย่องให้เกียรติทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน อาจเป็นแม่ค้าหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้น เรื่องเล่านี้ตรงกับสุภาษิตที่ว่า คุณธรรมจะให้ผลตอบแทนด้วยตัวของมันเอง Virtue is its own reward. ชายหนุ่มลูกเศรษฐีได้ทำดีเพื่อตอบแทนบุญคุณของแม่พระโพสพที่ได้ช่วยชีวิตไว้ ความดีนี้จะตอบแทนผู้ทำความดีด้วย และเมื่อคนต้องการกินข้าวต้องปลูกข้าว เจตนาดีจึงจะได้สิ่งที่ดี รวมทั้งรู้จักทำพิธีขอบคุณผู้มีพระคุณด้วย ใช่ว่าจะได้ทุกสิ่งที่หวังมาโดยง่าย จำต้องรู้สำนึกในบุญคุณของผู้ให้ เพราะถ้าไม่ให้คงไม่ได้มา เมื่อได้มาต้องเก็บรักษาให้ดี ให้คุ้มค่าสมกับที่รอคอย กฎแห่งกรรมทางพระพุทธศาสนาสอนว่าใครทำกรรมใดจะได้รับกรรมนั้นตอบแทนเสมอไม่ช้าก็เร็ว บางคนพูดว่าเดี๋ยวนี้กรรมติดจรวด แปลว่า มันมาเร็วกว่าที่เราคาดคิดเสียอีก กรรมคือการกระทำ ถ้าทำดีจะได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าทำชั่วตกนรกโดยพลัน เป็นคำสอนของผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก ๆ ให้รู้จักทำแต่ความดี คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นความจริงเสียด้วย ที่ว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เรื่อง กะทิกับขนมครก
เรื่อง กะทิกับขนมครก
เรื่องเล่าแบบไทย ๆ นี้คงอยากจะบอกว่า ทำไมขนมครกขนมที่อยู่คู่กับมื้อเช้าของคนไทยจึงมีกะทิผสมกับแป้ง โดยที่แป้งอยู่ด้านล่างและกะทิอยู่ด้านบน ซ้ำร้ายกว่านั้นต้องปะกบขนมครก 2 ฝาเข้าด้วยกัน จึงจะเป็นขนมครกสมบูรณ์แบบ เราคนไทยเห็นจนชินตาและกินจนชินลิ้น เวลาเราทำขนมครกจะใช้แป้งกับกะทิหยอดในภาชนะกระเบื้องหรือโลหะที่เป็นหลุม ๆ ตั้งบนเตาไฟ วันนี้ลองมาดูตำนานเรื่องเล่าของขนมครกกันดีกว่า ณ ดงมะพร้าวเตี้ย มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อกะทิ เขารักสาวนางหนึ่งที่ชื่อแป้งซึ่งเป็นสาวสวยประจำหมู่บ้าน ทั้งสองพบกันที่งานวันลอยกระทง มันเป็นรักแรกพบ สบตากันปุ๊บบอกรักกันปั๊บ ทั้งสองสัญญารักมั่นต่อกันทั้งที่เพิ่งพบกันสักครู่นี้เอง เมื่อเกิดรักแรกพบและได้เอ่ยปากสัญญารักกันต่อกันโดยมีดวงจันทร์งามเด่นที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสวยเด่น เป็นสง่าที่สุด มีหรือที่ทั้งกะทิและแป้งจะกล้าผิดคำสัญญารักมั่นต่อกันได้ แสงจันทร์งามเด่นในคืนวันลอยกระทงคงมีมนตราที่ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวอดที่จะรักกันในค่ำคืนที่แสนจะโรแมนติคและมีพระจันทร์เป็น พยานแห่งความรักในค่ำคืนนี้ไม่ได้ ทั้งสองจึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักกันและจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย กะทิเป็นชายหนุ่มที่มีฐานะยากจนไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย เมื่อริจะมีรักกับสาวสวยที่สุดในหมู่บ้านและเป็นลูกสาวของคนมีสตางค์ วิธีที่จะได้แป้งมาเป็นคู่ครองคงมีวิธีเดียวคือทำตนให้มีเงินมีทองสมฐานะของฝ่ายหญิงเสียหน่อย กะทิตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินเพื่อให้มีเงินก้อนใหญ่เอาไปสู่ขอแป้งสาวคนรัก แต่รักนี้ใช่ว่าจะราบรื่นเพราะแป้งเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านที่มีฐานะ ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านนี้ จะเก็บเงินแบบไหนวิธีใดจึงจะมีเงินมากพอที่ผู้ใหญ่ บ้านจะยอมรับ สมัยนี้ถ้าเข้าถูกช่องทางอาจรวยลัดได้ แต่ก่อนคงยากนักกว่าจะถีบตัวให้รวยด้วยตนเองในเวลาพริบตาเดียว คงเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญแล้วคนอย่างกะทิจะทำได้หรือ ยังน่าสงสัยอยู่ เมื่อพ่อของแป้งได้ล่วงรู้ว่าแป้งแอบไปรักกับไอ้หนุ่มที่ชื่อกะทิ คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีน ยากจน ไม่สมฐานะ ไม่มีเงินทองมากพอที่จะเลี้ยงดูและให้ความสุขแก่ลูกสาวของตนได้ คิดแบบพ่อแม่ทั่วไปที่อยากให้ลูกสาวสบายคือได้แต่งกับคนที่สมฐานะมากกว่าจะให้แต่งกับคนที่ลูกรักและคนที่รักลูก พ่อของแป้งจึงส่งคนมาทำร้ายและสั่งห้ามกะทิติดต่อกับแป้งอีกต่อไป นี่เป็นวิธีสั่งสอนแบบเบาะ ๆ ยังไม่ให้ถึงตายแค่เตือนเบา ๆ เท่านั้น ให้รู้สำนึกจะได้เจียมตัวไม่กล้ามาเผยออีกต่อไป ให้รู้ในฐานะไม่ใช่หวังจะมาเป็นหนูตกถังข้าวสาร หวังรวยทางลัดด้วยการแต่งกับลูกสาวคนมีสตางค์ กะทิบาดเจ็บต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้ม แปลว่า เจ็บหนักมากขนาด กินข้าวกินปลาไม่ได้ แต่การเจ็บตัวครั้งนี้หาทำให้กะทิเลิกรักกับแป้ง กะทิคิดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กะทิจะยังคงรักแป้งตลอดไป จะไม่ยอมให้ความยากจนมาเป็นอุปสรรคขวากหนามหนทางรัก ต้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางที่จะร่ำรวยและให้พ่อของแป้งยอมรับในตัวของเขาให้ได้ ความฝันที่ไม่เป็นจริงและยังไม่มีหวังที่จะเป็นจริงได้ด้วยย่อมสร้างความเจ็บร้าวลึกให้แก่ผู้ฝันเสมอ ไม่เว้นแม้แต่กะทิ ยิ่งเมื่อรู้ว่าผู้ใหญ่บ้านพ่อของแป้งจะยกแป้งให้แก่คนอื่นในเร็ววันนี้ ซึ่งไม่ใช่กะทิแน่นอน กะทิยิ่งเจ็บช้ำใน อกรุนแรงยิ่งขึ้น จะทำอย่างไรดีนะ ผู้ใหญ่บ้านรู้ว่าแผนปล่อยข่าวว่าแป้งจะแต่งงาน ย่อมจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนอย่างแน่นอน เดี๋ยวเถอะไอ้กะทิหนุ่มที่ไม่เจียมตัวต้องวิ่งมาตกหลุมพรางครั้งนี้ ทุกคนในบ้านของแป้งเตรียมแผนการเป็นอย่างดี หลุมพรางที่ว่านี้คือหลุมขนาดใหญ่ที่พอจะฝังร่างของกะทิให้ตายทั้งเป็นได้ ผู้ใหญ่บ้านคิดว่าพอกะทิรู้ข่าวว่าแป้งต้องตกเป็นของชายอื่นคงวิ่งแจ้นมาหาแป้งเป็นแน่แท้ เส้นทางที่กะทิจะมาหาแป้งมีหลุมที่จะจบชีวิตของกะทิให้หยุดวุ่นวายกับชีวิตของลูกสาว ในบ้านทุกคนรู้แผนการอันเลวร้ายนี้ ยกเว้นแป้ง บังเอิญแม่ของแป้งได้แอบยินพวกคนงานที่ไปขุดหลุมมาพูดกระซิบกระซาบกันว่ากะทิต้องตกหลุมพรางในค่ำคืนเดือนมืดนี้เป็นแน่แท้ พอรู้เรื่องนี้แม่ของแป้งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายต่อกะทิจึงแอบมาส่งข่าวให้แป้งได้รู้ เพื่อแป้งจะได้หาทางไปเตือนกะทิชายคนรัก คนรักกัน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องมาจบชีวิตด้วยน้ำมือของพ่อ มีหรือที่จะอยู่นิ่งเฉย อย่างไรเสียต้องหาทางออกทางใดหนึ่งที่จะช่วยชีวิตกะทิไว้ให้ได้ แป้งวิ่งออกมาจากบ้านในคืนเดือนมืด มันคงจะมืดจริง ๆ มันเป็นคืนที่กะทิจะต้องมาหาแป้ง คืนเดือนมืดมันมืดจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินและเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวจึงได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้น อารามดีใจของแป้งที่วิ่งมาตามทางแล้วสายตาพอจะมองเห็นกะทิอยู่ไกล ๆ แต่ยังไม่ทันได้ตะโกนบอกกล่าวว่าอันตรายกำลังจะมาถึง แป้งเองไม่รู้ว่าหลุมนั้นอยู่ที่ใดและอันตรายถึงแก่ชีวิตของกะทิจะเป็นเช่นไร แป้งตกลงไปในหลุมก่อน ส่วนกะทิพอรู้เรื่องว่าแป้งต้องแต่งงานกับคนอื่นได้รีบมาพบแป้งหวังจะเจรจากันให้รู้ความ พอกะทิวิ่งมาถึงกลางทางได้มองเห็นแป้งอยู่ไกล ๆ เช่นกัน แล้วแป้งตกลงไปในหลุม กะทิรีบกระโดดตามลงไป ทั้งคู่ตกลงไปในหลุมแล้ว ยังไม่ทันเจรจาความกันเลยหรือคิดจะช่วยตนเองให้ขึ้นจากหลุม ลูกน้องของผู้ใหญ่บ้านที่เฝ้าติดตามกะทิอยู่ ได้เห็นกะทิมาตามแผนที่วางไว้และเห็นกะทิหล่นไปในหลุม โดยไม่ทันมองเห็นว่าแป้งได้หล่นไปก่อนหน้ากะทิ พวกมันรีบกลบดินฝังร่างของกะทิทันทีแล้วจากไป น่าแปลกที่ลูกน้องของผู้ใหญ่บ้านมองไม่เห็นว่าแป้งได้หล่นไปในหลุมและทำไมทั้งสองจึงไม่ตะโกนร้องให้คนช่วยขณะที่กำลังโดนดินฝังกลบ อย่างน้อยเสียงของแป้งคงจะทำให้เหตุร้าย ๆ หยุดได้ มันเป็นแค่เรื่องเล่าอย่าไปจริงจังอะไรนักเลย แป้งอาจจะหล่นไปก่อนแล้วหมดสติไปเลยก็ได้ หรือกะทิหล่นไปทับตัวแป้งจนจุกพูดไม่ออก อาจจะเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่หล่นไปแล้วเจ็บหนักจนพูดไม่ออกร้องไม่ได้ เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นผู้ใหญ่บ้านรีบมาดูผลงานที่คิดว่าได้วางแผนกันมาเป็นอย่างดีแล้ว ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้คนงานขุดหลุมเพื่อหวังดูศพของกะทิ แต่ทว่าภาพที่เห็นแทบจะทำให้ผู้ใหญ่บ้านล้มลงทั้งยืนหรือแทบอยากจะตายทั้งเป็น กะทิกอดกับแป้งนอนตายอยู่ในหลุม แป้งอยู่ด้านล่างกะทิทับร่างแป้ง รอยยิ้มของทั้งคู่ยังคงติดตาผู้ใหญ่บ้านที่ได้ชื่อว่าฆ่าลูกสาวให้ตายทั้งเป็นและฆ่าคนรักของลูกสาวให้ตายเคียงคู่กัน เพียงเพราะผู้ใหญ่บ้านไม่อยากให้ลูกสาวไปรักกับหนุ่มยากจนคนหนึ่งเท่านั้น นอกจากผู้ใหญ่บ้านจะสูญเสียลูกสาวอันเป็นสุดที่รักแล้ว พ่อแม่ญาติพี่น้องของกะทิก็คงจะสุดเซ็งไปกับการตายที่โหดเหี้ยมจากผู้ที่กีดกันความรักและคนนั้นมีตำแหน่งเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหมู่บ้านนี้ที่รู้สึกสะเทือนใจ สงสารหนุ่มสาวทั้งคู่จึงคิดจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับแป้งและกะทิ ซึ่งบังเอิญทั้งชื่อของแป้งและกะทิสามารถนำมาเป็นส่วนประกอบของการทำขนมแบบไทย ๆ ได้ แต่เอจะให้คล้ายคลึงกับการตายของทั้งสองได้อย่างไร ในเมื่อทั้งสองตายในหลุมและแป้งอยู่ด้านล่างส่วนกะทิอยู่ด้านบน ชาวบ้านทั้งหมดช่วยกันคิดสูตรทำขนมเพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่หนุ่มสาวทั้งสอง โดยกวนแป้งก่อนแล้วหยอดลงไปในหลุม พอสุกเทกะทิราดไปข้างบน แป้งอยู่ล่างกะทิอยู่บนและอยู่ด้วยกัน เพื่อให้ทั้งสองได้ครองคู่กันตลอดกาลในทุกชาติทุกภพจึงนำขนมครก 2 ฝานั้นมาปะกบคู่เข้าด้วยกันอีกครั้งก่อนจะนำไปถวายพระ เราจึงเห็นขนมครก 2 ฝาปะกบคู่เข้าด้วยกันเสมอ ความตายของทั้งสองทำให้เกิดประเพณีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ในทุกแรม 6 ค่ำ เดือน 6 โดยชาวบ้านจะช่วยกันหยอดแป้งกับกะทิลงในหลุม โดยหยอดแป้งก่อนเพราะแป้งหล่นไปในหลุมคนแรกแล้วตายก่อน พอทำให้แป้งสุกจึงหยอดกะทิตามลงไป เพราะกะทิได้กระโดดตามลงไป พอกะทิสุกแล้วนำขนม 2 ฝามาประกบคู่กัน แล้วจึงถวายพระ การทำขนมนี้ให้ชื่อว่าขนมคนรักกัน ต่อมาย่อเป็น ค-ร-ก ซึ่ง ค หมายถึงคน ร หมายถึงรัก และ ก หมายถึงกัน หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่า ขนมครกในปัจจุบัน เจตนาของการทำบุญและคิดสูตรขนมแบบใหม่นี้ชาวบ้านหวังให้ทั้งคู่ได้สมหวังในความรักได้อยู่คู่กันทุกชาติทุกภพตลอดไป ซึ่งคนรุ่นต่อมาที่รู้อดีตของตำนานขนมครกหวังว่า ถ้าอยากรักใครชอบใครแล้วได้อยู่คู่กันคงต้องกินขนมครกด้วยกัน แต่บางคนไม่ยอมกินเพราะไม่อยากมีรักคุดเหมือนแป้งกับกะทิ คงต้องแล้วแต่จะคิดกันแล้วล่ะ เรื่องนี้ทำให้คิดว่า พ่อแม่รักลูกหวังจะให้ลูกได้ดิบได้ดี ได้แต่งงานกับคนที่คู่ควรแล้วมีความสุขในชีวิต ไม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อให้ลำบากยากเข็ญเพราะไปแต่งงานอยู่กินกับคนยากจน แต่ความหวังดีนี้อาจกลายเป็นประสงค์ร้ายไปก็ได้ หรือพูดสั้น ๆ ว่า เจตนาดีประสงค์ร้าย ผู้ใหญ่หลายคนได้ตระหนักว่า ตนเคยมีความรักมาแล้วเหมือนกัน มันเหมือนกับที่หนุ่มสาวทั้งหลายมีกัน แต่เมื่อวันคืนผ่านไปและเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จึงได้รู้ว่าความรักนั้นมันกินไม่ได้และมันจืดจางไปตามกาลเวลา ยิ่งเมื่อต้องทนทุกข์กัดก้อนเกลือกินในยามแรก อะไร ๆ สุดพอทน พอนานวันเข้าเห็นเพื่อน ๆ อยู่ดีมีสุขกับทรัพย์สินเงินทองยิ่งสะท้อนใจว่าเหตุไฉนนะตอนนั้นเราจึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้ เมื่อผู้ใหญ่ที่ผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาจึงไม่ปรารถนาให้ลูกหลานของตนต้องมาประสบพบชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นตน ผู้ใหญ่หลายคนที่ร่ำรวยแล้วเจอเหตุการณ์เช่นนี้อาจจะไม่ทำเช่น พ่อของแป้ง ถ้าพอมองออกว่าฝ่ายชายถึงจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ถึงจะยากจน ข้นแค้นแสนสาหัส แต่ถ้าหน่วยก้านดูดี นิสัยใช้ได้ ขยันขันแข็งและรักลูกสาวของตนจริง จะยอมรับหนุ่มคนนี้มาเป็นเขยแล้วอบรมสั่งสอนให้รู้กิจการงานของตน สืบทอดธุรกิจของครอบครัวต่อไป เรื่องเล่านี้ตรงกับสุภาษิตที่ว่า ความประทับใจครั้งแรกจะคงอยู่ตลอดกาล First impressions are the most lasting. ทำไมกะทิจึงไม่เลิกรักแป้งทั้งที่รู้ว่าถ้าขืนรักต่อไปย่อมจะต้องเจอกับอุปสรรคขวากหนามแต่กะทิยังคงมุ่งมั่นที่จะรักแป้งต่อไป เพราะรักครั้งแรกเป็นรักที่ยากจะลืมเลือน ในชีวิตจริงของหลายคนที่ผ่านมา ถ้าลองได้รักกับใครสักคนอย่างหัวปักหัวปำและคนนั้นเจ้าชู้ประตูดินขนาดไหน ต่อมาอาจมีหญิงอื่นอีกหลายคน แต่เขาคนนั้นจะไม่มีวันทอดทิ้งหญิงคนรักคนแรกนี้เด็ดขาด จะเทิดทูนและยกย่องมากกว่าหญิงอื่นทั้งหมด ยกย่องให้ตำแหน่งใหม่เป็นเมียหลวงซึ่งไม่มีหญิงใดชื่นชอบแต่จำต้องยอมจำทน รักแรกของหนุ่มสาว ช่างสดใสและหอมหวาน ไม่คิดถึงว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร ขออย่างเดียว ให้สมหวังในรักนั้น ฮ่องเต้หมิง จูหยวนจาง
ออกจากบ้านไม่ดี
อ่านจูหยวนจางก็ได้ ติดต่อ ebook #MEB #OOKBEE ![]() จากชาวนาผู้ยากไร้ แร้นแค้น ไม่มีแม้ที่ฝังศพพ่อแม่และพี่ชาย ปราบดาภิเษกเป็นหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ สถาปนาราชวงศ์หมิง พลิกฟื้นคืนแผ่นดินของชาวฮั่นให้เป็นของชาวฮั่นดังเดิม ทวงคืนจากชาวมองโกลที่ปกครองด้วยความอยุติธรรม สร้างความมั่นคง มั่งคั่งให้แก่ฐานรากแผ่นดินจีนถึงทุกวันนี้ ปาฏิหาริย์แห่งการคิด สร้างชีวิตใหม่
ความอัศจรรย์จะบังเกิดขึ้น เมื่อรู้วิธีคิดแบบใหม่ |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |