All Blog
620902 อย่าเป็นครูที่ทำร้ายนักเรียน
620902 อย่าเป็นครูที่ทำร้ายนักเรียน
Don't be a teacher that hurt students by DrPK
            คงไม่มีแม่คนใดที่จะทำใจให้นิ่งได้ เมื่อลูกมาบอกว่า ครูตีจนมีรอยบนขา พร้อมคำตวาดว่า คนอย่างเธอมีดีอะไรสักอย่างไม๊  อันที่จริง แม่สามารถเอาเรื่องครูได้ เพราะคำท้าทายที่ว่า ให้ไปบอกครูใหญ่ซิ จะไม่สนใจนักเรียนคนนี้อีกเลย คำว่าสนใจด้วยการตีแบบครูที่ไม่มีหลักวิชา ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีคุณธรรมนี่ มันไม่ถูกต้องเลยนะ
               มีครูอีกมากมายที่ลงโทษนักเรียนด้วยการเฆี่ยนตีอย่างผิดวิสัยการอบรมเลี้ยงดูสมัยใหม่ ไม่มีนักจิตวิทยาคนใดเห็นว่าการลงโทษเป็นสิ่งที่ดี หลักการปรับพฤติกรรมจะใช้แรงเสริมในทางที่ดีมากกว่าการทำร้ายร่างกายและจิตใจ
               ครูไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ด้วยความด้อยในวิชาการความเป็นครู การใช้โทสะมากกว่าความอดกลั้น สามารถทำลายอนาคตนักเรียนคนหนึ่งได้
               ไม่มีนักเรียนคนใดอยากเรียนกับครูที่ใจร้าย ชอบดุด่า ตวาด เฆี่ยนตี ถึงแม้จะบอกว่าเจตนาดี นักเรียนจะเกลียดการเรียนไปจนตลอดชีวิต เพียงเพราะผ่านครูที่ไม่เอาไหนเท่านั้น
               ถ้าไอสไตน์ไม่มีแม่ที่เข้าใจลูกของตน โลกคงขาดอัจฉริยะไปหนึ่งคน ถ้าเอดิสันมีครูที่ดีกว่านี้ โลกคงมีสิ่งประดิษฐ์มากกว่านี้ เพราะครูจะไม่รู้เลยว่า นักเรียนที่อยู่ในกำมือ ที่ครูมีโอกาสเสกสรรค์ปั้นแต่งให้ดี ให้เก่งได้นั้น ขาดโอกาสเพราะความงี่เง่า ความไม่รู้ของครู
               ข่าวหน้าหนึ่งที่ครูโดนลงโทษถึงขั้นให้ออก ด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายนักเรียนมากเกินกว่าเหตุ แต่ไม่เคยลงลึกไปว่า ครูใช้ถ้อยคำในการทำร้ายจิตใจนักเรียนมากเกินไปหรือไม่
               การทำร้ายร่างกายและจิตใจของนักเรียนที่ไม่มีทางตอบโต้ เป็นเรื่องที่พึงระวังในฐานะของการเป็นครู
               จะปั้นดินให้เป็นดาว หรือทุบทำลายแจกันอันล้ำค่า ขึ้นอยู่กับฝีมือแล้ว

 



Create Date : 02 กันยายน 2562
Last Update : 2 กันยายน 2562 13:55:57 น.
Counter : 1012 Pageviews.

0 comment
620828สุขทุกข์



Create Date : 28 สิงหาคม 2562
Last Update : 28 สิงหาคม 2562 12:57:54 น.
Counter : 984 Pageviews.

0 comment
620828 แก่แต่กาย แต่ใจไม่
620828 แก่แต่กาย แต่ใจไม่
The body old but not the mind by DrPK
ท่านชาย มจ.วัฒนานุวัตน์ วัฒนวงศ์เคยบอกไว้ว่า มีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนไว้ว่า ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 75 เพราะท่านคิดเช่นนี้กระมัง จึงเป็นคนแข็งแรงและกระฉับเฉงมาก
ผู้เขียนได้เขียน e-book ชื่อ บอกลาสมองเสื่อมได้เลย เป็น file pdf ลองซื้อหาทาง MEB หรือ OOKBEE นะคะ
ต่อไปนี้เป็นคำนำจากหนังสือ
ถึงแม้จะเราถือกำเนิดมาโดยพระเจ้า มีชีวิตโดยยีนส์ของพ่อแม่ที่รับถ่ายทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้เป็นอื่นไปได้ แต่ไม่ใช่เป็นจริงในทุกเรื่อง
ทุกวันนี้โลกเจริญก้าวหน้าไปอย่างมากมาย หน้าตาคนเปลี่ยนได้ด้วยศัลยกรรม สมองคนเปลี่ยนได้ด้วยการเรียนรู้และการสั่งสมประสบการณ์
เมื่อได้อ่านมากจะรู้มาก และเมื่อรู้มากอยากให้คนอื่นได้รู้เช่นเดียวกับตน เพื่อให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่สมบูรณ์และมีสมองที่ไม่ห่อเหี่ยว
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ค้นคว้าเรื่องสมองของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เริ่มต้นด้วยการเห็นคนแก่มากมายที่โรงพยาบาลเป็นโรคสมองเสื่อม ทั้งที่ยังแข็งแรง แต่พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง สุขภาพแข็งแรงไม่เป็นโรคอะไร แสดงว่าถึงแม้ร่างกายจะแข็งแรงแต่สมองอาจฝ่อและห่อเหี่ยวไปตามกาลเวลา
ถ้าเราท่านรู้จักดูแลสมองของตนเองให้ดีตั้งแต่เข้าวัยหนุ่มสาว เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และเป็นผู้สูงอายุ คงไม่ต้องตกเป็นภาระให้แก่ลูกหลานต้องดูแล ไม่เป็นภาระต่อสังคมที่กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
วิธีชะลอความเสื่อมของสมองทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง จึงเกิดเป็นหนังสือเล่มนี้เพื่อว่าผู้อ่านจะได้ยังคงมีสมองที่ดีและแข็งแรงตราบสิ้นลมหายใจ



Create Date : 28 สิงหาคม 2562
Last Update : 28 สิงหาคม 2562 12:52:46 น.
Counter : 859 Pageviews.

0 comment
590924 ทุกคนมีศักยภาพเท่าเทียมกัน
590924 ทุกคนมีศักยภาพเท่าเทียมกัน
Everyone has equal potential by DrPK
คำพูดนี้อาจเกินเลยไปในสายตาของคนหลายคน คำคัดค้านคงมีมากมาย แต่ลองพิจารณาประเด็นย่อย ๆ ต่อไปนี้ก่อนว่ามันอาจจะเป็นจริงได้
สมัยที่เรียนปริญญาเอก สาขาการวิจัย ตัวแปรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คนส่วนใหญ่สนใจแต่ตัวแปรต้นและตัวแปรตาม แต่แท้ที่จริงตัวแปรแทรกซ้อนนี่สำคัญกว่า ทำไมในการทดลองภาคสนาม ผลการทดลองจึงต่างกันทั้งที่ใส่ตัวแปรต้นเหมือนกันเพราะควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนไม่ได้
คนเป็นครูจะรู้ว่า เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน การเรียนการสอนในชั้นเรียนในห้องสี่เหลี่ยมที่ครูใช้วิธีการสอนแบบเดียวกับเด็กที่ต่างกัน ผลย่อมไม่เท่ากันอยู่แล้ว เด็กที่ชอบเรียนเขียนอ่านจะเรียนรู้เรื่อง แต่เด็กที่มีปัญญาในรูปแบบที่ต่างกันออกไปจะเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง
ครูจึงควรมีความรู้เรื่องพหุปัญญา เด็กแต่ละคนจะเก่งแต่ละด้านต่างกัน เด็กแต่ละคนจะเรียนด้วยวิธีการที่ต่างกันหรือมีลีลาการเรียนรู้ไม่เหมือนกัน วิธีการสอนในแต่ละเรื่องแต่ละบริบทของครูจึงควรต่างกันด้วยขึ้นอยู่กับเนื้อหาและเด็กที่เรียน ไม่ใช่สอนแบบบรรยายตลอดปีตลอดชาติ
ถ้าครูไม่ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนให้เหมาะกับเด็กแต่ละคนแล้ว เด็กที่ได้ที่ 1 ย่อมได้ที่ 1 และเด็กที่ได้ที่โหล่ย่อมได้ที่โหล่ตลอดไป
การสอนพิเศษจึงเกิดขึ้นในครอบครัวที่พ่อแม่มีความรู้และมีเงินมากพอจะจ้างครูมาสอนแบบตัวต่อตัว ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะครูจะค้นหาสาเหตุว่าพื้นฐานตรงไหนที่เด็กไม่เข้าใจและเสริมแต่ละจุดจนรู้เรื่องและเข้าใจดี เมื่อพื้นฐานแม่นการต่อยอดจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
ทุกคนจะเรียนรู้ได้เท่ากันแต่อาจใช้เวลาที่ต่างกันและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป
เมื่อต้องการให้เด็กเป็นคนเก่งในทุกด้านไม่ว่าจะสอบได้ที่ 1 ในห้อง ลองค้นหาจุดอ่อนที่มีอยู่ในตัวเขา เสริมเพิ่มเติมให้รู้เท่ากับเกณฑ์มาตรฐานที่โรงเรียนกำหนดและอาจจะมากกว่า หรือจะให้มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านที่ติดตัวเขามาแต่เล็กแต่น้อยให้ใส่ในสิ่งที่เขาต้องการจนเต็มอิ่ม
การเรียนรู้ที่จะรู้จักเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดีและให้ในสิ่งเด็กขาด รวมทั้งเพิ่มเติมในสิ่งที่เด็กต้องการ ย่อมสร้างศักยภาพให้มีอย่างเต็มที่ได้ เชื่อเถอะ เริ่มต้นเสียแต่วันนี้แล้วลูกของคุณจะเป็นที่ 1 ได้อย่างแน่นอน



Create Date : 26 สิงหาคม 2562
Last Update : 26 สิงหาคม 2562 17:17:27 น.
Counter : 722 Pageviews.

0 comment
590916 ใครคือคนสำคัญของชีวิต
590916 ใครคือคนสำคัญของชีวิต
Who is Important in my life by DrPK
แต่ละช่วงวัย คนสำคัญย่อมแปรเปลี่ยนไปตามวัยและบริบท
จะมีใครสักคนไหมที่สำคัญต่อเราตลอดชีวิต
ก่อนเกิด ยีนส์ของพ่อแม่ที่ดีและแข็งแรงทำให้แต่ละคนเป็นไปเช่นนั้น คนสำคัญคือพ่อแม่นั่นเองที่จะกำหนดทุกสิ่งในชีวิต และเป็นผู้ทำให้ได้เกิดมาเป็นผู้เป็นคนในโลกใบนี้ได้...
ขณะเกิด หมอพยาบาลที่ดีเก่งและเอาใจใส่ทำให้การเกิดอยู่รอดปลอดภัย บางคนไม่รอดก็ตอนนี้แหละ
ต่อมาคงเป็นพี่เลี้ยงเด็กซึ่งอาจเป็นพ่อแม่ หรือใครก็ได้ที่เลี้ยงดูในวัยเยาว์ การอบรมสั่งสอนบ่มเพาะนิสัยเริ่มเกิดขึ้น พ่อแม่จำเป็นต้องอาศัยคนเลี้ยงเด็กที่เป็นคนดีมาช่วยปลูกฝัง ไม่ใช่สักแต่เป็นใครก็ได้ เด็กจะติดพี่เลี้ยงหรือคนที่เลี้ยงราวกับตังเมทีเดียว
พอเข้าโรงเรียนอนุบาล ครูและเพื่อน ๆ มีส่วนช่วยปลูกฝังและทำให้เกิดนิสัยใฝ่เรียนรู้ เด็กเริ่มรู้ว่าครูคือคนสำคัญที่จำต้องทำตาม เพราะทุกคนเชื่อครูกันทั้งนั้น
พอโตขึ้นมา เพื่อน ๆ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากกว่าใคร ๆ และเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เพื่อนสำคัญที่สุด พ่อแม่ค่อย ๆ หมดความสำคัญ แม้แต่ครูก็เริ่มไม่กลัวแล้วล่ะ ต้องเชื่อเพื่อนมากที่สุด ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครคบหา
เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว แฟนต่างหากที่กุมชะตาชีวิต ชี้นกเป็นไม้ย่อมได้ ถวิลหาทุกเวลานาที อยากเห็นอยากอยู่ชิดใกล้ โดยไม่มีสายตาใครอื่นมาเฝ้าจ้องมอง
วัยทำงานจะคิดว่าเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าคือคนที่จะเชิดชูให้ก้าวหน้า ยอมทำตามคำสั่ง แม้อาจขัดใจหรือคิดว่าไม่ถูกต้อง แต่เมื่อสั่งจำต้องทำอย่างไม่กล้าเกี่ยงงอนออกนอกหน้า แต่นาทีที่เกษียณ คนเหล่านี้หมดความสำคัญไปทันที โดยเฉพาะหัวหน้าจอมเฮี๊ยบที่เอาแต่สั่ง ๆ และไร้ซึ่งความเมตตา
พี่น้องที่ห่างเหินไปในวัยทำงานเข้ามาใกล้ชิดเพราะต้องช่วยกันเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่เฒ่า และช่วยเหลือกันในงานศพของพ่อแม่และญาติพี่น้อง
ผ่านไปนานวันเข้า คู่ครองที่คิดว่าคือทุกสิ่งของชีวิต เมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าสู่วัยชรา คู่ครองที่รักกันปานจะกลืนกินเคยกุมมือกันทุกขณะจิตเมื่อรักกันใหม่ ๆ อาจกลายเป็นสิ่งน่าเบื่อ เหม็นขี้หน้า อยากอยู่ให้ไกลพันลี้
เพื่อนทาง Facebook และ line กลายเป็นสิ่งที่โหยหาทุกเช้าค่ำ ติดต่อกันทุกเวลาไม่มีเบื่อ ส่วนคนที่ห่างกันแค่เอื้อมอาจไม่ได้เจรจากันด้วยซ้ำ ทุกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาคุยกับคนที่อยู่ห่างไกล
คนที่อยู่กับเราแล้วคอยดูแลช่วยเหลือยามลำบากคือใคร คนนั้นคือคนสำคัญสำหรับชีวิต ซึ่งอาจแปรเปลี่ยนไปได้เสมอ อย่าไปยึดติดกับใครคนใดคนหนึ่งจนหมดความเป็นตัวของตัวเองไปในบางช่วงของชีวิต ดังคำที่ว่า ราตรีนี้อีกยาวนานนัก



Create Date : 26 สิงหาคม 2562
Last Update : 26 สิงหาคม 2562 15:32:10 น.
Counter : 768 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments