กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กันยายน 2565
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
space
space
29 กันยายน 2565
space
space
space

๔.ไม่แสวงบุญนอกเขตพระพุทธศาสนา

    ประการที่ ๔. ไม่แสวงบุญนอกเขตพระพุทธศาสนา.   อันนี้ หมายความว่า ไม่ทำบุญนอกพระพุทธศาสนา ในสมัยมีศาสนาอื่น มีคำสอนแบบอื่นๆ อยู่ในอินเดียเยอะแยะ และเขามีการทำบุญกันในรูปต่างๆ ตามประเพณีของเขา เช่นว่า มีการบูชายัญ การบูชายัญก็คือการจับสัตว์เป็นๆ เอามาฆ่าเผาไฟ เพื่อบูชาเทพเจ้า ในครั้งโบราณนั้นทำกันเป็นจำนวนมากๆ แกะ ๕๐๐ แพะ ๕๐๐ ม้า ๕๐๐ เอาไปบูชายัญขนาดหนัก จนถึงเอาลูกที่ตัวรักไปบูชายัญ ก็เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ เช่น ต้องการความเป็นใหญ่ ต้องการกามคุณ รูป รส เสียง สัมผัส เลยก็ทำการบูชายัญ

   ในพระสูตร มีครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จเดินไปในทุ่ง ได้เห็นคนต้อนฝูงแกะประมาณ ๕๐๐ ตัวไป พระองค์ก็เข้าถามดูว่าจะต้อนไปไหนกันมากมายอย่างนี้
เขาบอกว่า จะต้อนไปให้พระเจ้าปเสนทิโกศล แห่งนครสาวัตถี ท่านจะทำการบูชายัญในบ่ายวันนี้จึงได้เอาแกะนี้ไป แล้วก็มีลูกแกะตัวหนึ่งมันง่อยเดินไม่ไหว
พระองค์ทรงอุ้มลูกแกะตัวนั้นแล้วก็เดินไปด้วยกัน ไปจนกระทั่งถึงบริเวณที่เขากำลังจะทำการบูชายัญกัน ในบริเวณนั้น เขาขุดหลุมกว้างใหญ่ประมาณสัก ๑๐ เมตร เอาไม้มาจุดลุกโพลงเป็นถ่านแดงทีเดียวแหละ แล้วก็มีพลับพลาพิธี มีพวกพราหมณ์แต่งตัวรุ่มร่ามรุงรังเปื้อนขี้เถ้าที่จะมาทำพิธี แกะนั้น เมื่อมาถึงก็ต้องเอาไปอาบน้ำเสียก่อน ให้สะอาด เพราะเทวดาไปชอบสกปรก อาบน้ำทาแป้งด้วยอะไรๆเสียก่อน แล้วจึงจะมาบูชายัญ

   ในวันนั้น เมื่อไปถึง ก็เสด็จไปพบพระเจ้าแผ่นดินเลย พอพบก็ถามว่า มหาบพิตร นี่กำลังจะทำอะไร  พระเจ้าแผ่นดินก็ตอบว่า จะทำการบูชายัญ
พระองค์ก็ถามว่า  จะทำการบูชายัญเพื่ออะไร
พระเจ้าแผ่นดินตอบว่า   เพื่อให้สมปรารถนาแบบชาวบ้าน เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง และเพื่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์
เลยตรัสต่อไปว่า   ถ้าเช่นนั้น   พระองค์น่าจะสละสิ่งที่พระองค์รักที่สุดจึงจะได้ ไปสละแกะ ๕๐๐ มันยังไม่สมกัน สละสิ่งที่เรารักที่สุดถึงจะได้สิ่งที่เราต้องการ
ถามว่า อะไรเป็นสิ่งที่รักที่สุด
พระพุทธองค์ก็บอกว่า พระองค์ควรจะรู้ได้ด้วยตนเอง
พระเจ้าแผ่นดินก็ว่า ชีวิตหม่อมฉันนี่แหละเป็นสิ่งที่รักที่สุด
ถ้าอย่างนั้น พระองค์ก็ควรโดดลงไปในหลุมถ่านเพลิงเลย บูชายัญจึงจะได้สิ่งที่ต้องการ
พระเจ้าแผ่นดิน ท่านก็ไม่เอาซี่ บูชายัญด้วยตัวเองแล้วจะได้อะไรล่ะ ได้แต่ขี้เถ้าเท่านั้นเอง เลยไม่เอา    พระพุทธเจ้าเลยสอนว่า “ผู้ใดต้องการความสุข แต่ทำความทุกข์ให้ผู้อื่น ทำสัตว์อื่นให้เดือดร้อน ย่อมไม่ได้สุขสมปรารถนา แต่ผู้ใดต้องการความสุข ด้วยให้ผู้อื่นได้รับความสุขแล้ว ตัวเองจึงจะได้รับความสุขสมใจพระเจ้าปเสนทิโกศล ก็เข้าใจในคำสอน เลยประกาศยกเลิกบูชายัญ ให้แกะกลับไปกินหญ้าในทุ่งกว้างต่อไป พวกพราหมณ์ทั้งหลายก็เศร้าสร้อยหงอยเหงา พึมพำไปตามๆกันว่า พระสมณโคดมขัดคอพวกเราอีกแล้ว เลยไม่ได้มีการบูชายัญ อันนี้ เป็นตัวอย่าง


   ในอินเดียในสมัยนี้ก็ยังมีอยู่   การบูชายัญยังไม่หมดไปทีเดียวดอก แต่มีน้อย วันหนึ่งสัก ๑๕ ตัว ที่เมืองกัลกัตตามีศาลอยู่แห่งหนึ่ง เขาเรียกว่าศาลเจ้าแม่กาลี เจ้าแม่กาลีเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง เป็นเมียพระศิวะเหมือนกัน พระอุมาเทวีก็เป็นเมียพระศิวะ แต่เจ้าแม่กาลีเป็นเมียภาคดุร้าย หน้าตาดุร้ายแลบลิ้นปลิ้นตา เขาทำรูปไว้น่ากลัว ถ้าเด็กเห็นร้องวี๊ดทีเดียวละ เขาเรียกว่าศาลเจ้าแม่กาลี ที่นี่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวเหมือนกัน เที่ยวดูเที่ยวชมกันมาก

   ผมไปเมืองกัลกัตตาครั้งแรก   ได้ไปเหมือนกัน   ครั้งที่สองไม่ไปแล้ว เพราะไปแล้วมันยิ่งโง่หนักขึ้นไปอีก ไม่ได้อะไรเลย บริเวณไม่สะอาด คนมาก และคนที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เป็นคนยากจน ขอทานรบกวนเหลือเกิน กว่าจะเข้าได้ เวลาเราจะขึ้นไปบนศาลาพวกนั้นไม่ให้ขึ้น ไปล้างมือล้างเท้าเสียก่อนด้วยน้ำในแม่น้ำคงคา
ถามว่า แม่น้ำคงคาอยู่ที่ไหนล่ะ นั่นไงล่ะ ไหลอยู่ในคูนั้นแหละ ดูน้ำแล้วมันล้างไม่ไหว มันควรจะเพิ่มความสกปรกมากกว่าลดความสกปรก ล้างไปไม่ไหว ไม่ล้างดีกว่า
เขาบอกว่าไม่ล้างก็ขึ้นไปบนศาลไม่ได้ ก็เลยบอกว่า ดูแล้ว เราก็ไม่อยากขึ้นละ เขามีพิธีการบูชายัญด้วยแพะ วันหนึ่ง ประมาณ ๑๕ ตัว มีคนต้อนแพะมาที่บริเวณนั้น พร้อมที่จะขายกับทายกทายิกาทั้งหลาย   คนที่มานมัสการเจ้าแม่กาลี มาถึงก็เรี่ยไรกับคนที่มา สมมติว่าแพะราคา ๒๐ รูปี เมื่อเรี่ยไรกันครบ ๒๐ รูปี ก็เอาไปฆ่าได้
ก่อนฆ่าต้องอาบน้ำในแม่น้ำคงคาดังว่าแล้วนั้นแหละ น้ำที่จะให้เราลงล้างมือนั่นแหละ เสร็จแล้วก็เอาสีแดงๆ มาทาหน้าผาก ๓ แฉกเป็นเครื่องหมายพระผู้เป็นเจ้า เขาเอาแป้งมาโรยพอเป็นพิธี เสร็จแล้วเขามีที่ทำเป็นง่ามเอาแพะมายืน ไขว้คอวางบนง่ามพอดี เอาเชือกรัดคอพอไม่ให้มันดิ้น แล้วก็มีคนจับหัวแพะไว้คนหนึ่ง ในเวลานั้น ต้องมีพราหมณ์คนหนึ่งมาร่ายมนต์ พึมพำ เป็นภาษาสันสกฤต อุทิศให้แก่พระผู้เป็นเจ้า เจ้าแม่กาลี
คนหนึ่ง เอาอีโต้ใหญ่คมมากมาถึงก็จ้องให้พร้อม พอคนร่ายมนต์จบก็ฟันฉับลงไป มันก็ฟันเก่งเหมือนกัน ฟันทีเดียวขาดเลย พอขาดแล้วก็มีเลือดพุ่งออกมา
คนเหล่านั้น ก็รองเลือดแล้วไปถวายเจ้าแม่กาลี เอาเลือดที่ติดใบตองไปเช็ดที่ปากเจ้าแม่ แล้วเอานิ้วชี้เช็ดออกจากปากเจ้าแม่กาลีอีกทีหนึ่ง มาเจิมที่หน้าผาก ถือว่าเป็นสิริมงคลได้ลาภ ได้ผลได้กุศลยิ่งใหญ่ นี่เขาเรียกว่าพิธีบูชายัญ ตามแบบของพวกพราหมณ์ในสมัยนั้น

   ถ้าเราถือพระพุทธศาสนา เราคงไม่ไปฆ่าแพะ ทำทารุณอย่างเขา เพราะว่าการกระทำเช่นนั้น มันไม่เป็นบุญ เป็นบาป แต่เขาถือว่าเป็นบุญตามศาสนาของเขา อย่างที่พี่น้องมุสลิม เขาฆ่าสัตว์เองจึงจะกินได้ ต้องเชือดเอง   พระศาสดาได้ตรัสสอนไว้เพียงเพื่อไม่ให้กินสัตว์ตาย เพราะสัตว์ตายอาจมีโรคระบาด   แต่ถ้าเราฆ่าด้วยมือของเรา   เราก็ประกันไม่ได้ว่าสัตว์นั้นไม่มีโรค เพราะโรคมีอยู่ในเลือดในตัวของสัตว์   ใครจะไปมองเห็น   ฉะนั้น  สาวกเขาจึงต้องฆ่าด้วยมือ เนื้อวัว เนื้อควาย พี่สาวกฆ่าทั้งนั้น  มิฉะนั้น  พวกเขาไม่กิน  นี่มันเป็นลัทธิของเขาอย่างนั้น   เราผู้เป็นพุทธบริษัท เราทำบุญตามแบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้   ไม่ตรงกับพุทธศาสนา  ทำไม่ได้  แต่ถ้าอันไหนตรงกับพุทธศาสนาก็ใช้ได้ ได้บุญ   ทำบุญที่ตรงกับพระศาสนามีอะไร ?   มีอยู่ ๑๐ ประการ   เรียกว่า  บุญกิริยาตามแบบพุทธศาสนา ๑๐ ประการ

 


Create Date : 29 กันยายน 2565
Last Update : 29 กันยายน 2565 7:45:13 น. 1 comments
Counter : 672 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร


 
สาธุจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 29 กันยายน 2565 เวลา:12:14:25 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space