กฏ 3 ข้อในการภาวนาใน blog ใช้อย่างไร
ทีอีเมล์เข้ามาถามผมว่า.....
ผมศรัทธาในคำสอนอาจารย์มากดูกิจกรรม ทุกครั้งดูหลายๆรอบ เข้าใจมากรู้สึกมีกำลังใจในการปฎิบัติมาก กราบขอบคุณ ปัญหาคือ ผมทำความผ่อนคลายแทบตลอดเวลาเลยในขณะรู้สึกตัวคลายกล้ามเนื้อ คลายสมองให้มันเบาๆแล้วทำในรูปแบบ ประจำวัน ผ่อนคลายแทบต่อเนื่องไปด้วย ผมทำถูกใหมครับ ที่กระผม มี 3 คนพี่น้องดุกิจกรรมหลายๆรอบ ปำิบัติทุกคน หวังว่าอาจาริย์คงไม่นำผิดทางนะครับ รอคำตอบอาจาริย์อยู่นะครับ กราบขอบคุณ
*****
ผมตอบไปดังนี้.....
ทีคุณเล่ามานั้น ถูกต้องแล้วครับ
ทีนี้ ผมจะบอกวิธีใช้งาน
เมื่อคุณทำอย่างทีคุณเล่ามา คุณรู้สีกได้ไหมว่า มันสบายๆ ตรงนี้ ผมจะเรียกว่า อาการปกติครับ
ทีนี้ ถ้าคุณเกิดเครียด หรือ มีความกังวล ไม่ว่าเรื่องใด ๆ คุณจะรู้สีกได้ไหมว่า มันจะต่างออกไปจากอาการปกติทีคุณรู้สีกได้
นี่คือ ความแตกต่าง ระหว่าง การไม่ทุกข์ (อาการปกติ) และ การทีมีทุกข์ ( มีความเครียด มีความกังวลใจ หรือ อื่นๆ )
เมื่อคุณรู้ได้ถีงการมีทุกข์ ( มีความเครียด มีความกังวลใจ หรือ อื่นๆ ) คุณก็คลายเสียให้มันไม่ทุกข์ คือ ปกติต่อไป
ความสำเร็จของการภาวนาอยู่ตรงทีผมเล่านี แต่สำคัญทีว่า คุณรู้ทุกข์ได้เร็วไหม
คุณสามารถคลายทุกข์ได้เร็วไหม ตรงนี้เป็นประสบการณ์ของคุณเอง ถ้าคุณทำได้เร็ว
ทั้งรู้ ทั้งคลาย ทุกข์ก็ลดลงไปเรื่อยๆ เอง แล้วความปกติทีไม่ทุกข์ก็จะมาเรื่อยๆ เอง
คุณอ่านดูแล้ว เหมือนไม่ใช่พุทธศาสนาสอน แต่นั่นคือ แก่นแท้ของอริยสัจจ์ 4 ทีพระพุทธองค์ทรงสอนอยู่ให้แก่ชาวพุทธ ทีว่า
ทุกข์ให้รู้
สมุทัยคือตัณหาให้ละเสีย
นิโรธ คือ ความไม่ทุกข์ ทำให้แจ้งขึ้นมา
มรรค คือ หนทางดับทุกข์ ให้ทำให้เนืองๆ
การทีรู้ทุกข์ และ รู้ทีไม่ทุกข์ ไปเรื่อยๆ มาก ๆ คุณจะเข้าใจในอริยสัจจ์ 4 ทีพระพุทธองค์ทรงสอนไว้ และ เข้าสู่การไม่ทุกข์ไปตามลำดับ
อย่าไปคิดถีงความเป็นพระอริยบุคคล นั่นเป็นเพียงคำเปรียบเทียบในคนที่ทุกข์น้อยลงไปเรือ่ยๆ เช่น ถ้าสามารถจัดการทุกข์ได้ 25 % ก็เรียกว่า พระโสดาบัน ถ้าจัดการทุกข์ได้ 100 % ก็เรียกว่า พระอรหันต์