ภัยของวัฏฏะ รู้ได้-เข้าใจได้ ด้วยนิพพิทา
ในขนวนการของการดับทุกข์ด้วยแนวพุทธนั้น จะมีการกล่าวถีง ปัญญารู้เห็นในภัยของวัฏฏะ หรือ การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ซี่งปัญญารู้เห็นได้แบบนี้ จะเกิดจากขบวนการของ*นิพพิทา*ครับ
การไปนั่งคิด นอนคิดว่า กิเลสมันเลว มันชั่วช้า มันทำให้เราทุกข์ นั่นเป็นเพียงความคิด หรือ จิตสังขารเท่านั้น ไม่อาจทำให้เกิดปัญญารู้จริงได้เลย เมื่อตอนทุกข์เกิด ก็คล้ายๆ กับว่า จะเข้าใจ พอทุกข์ดับไปแล้ว ความเข้าใจทีเคยมีก็ดูเหมือนจะหายไปสิ้น
ซี่งต่างกับความเข้าใจในขบวนการแห่ง นิพพิทา ทีเป็นปัญญา เพราะถีงแม้ทุกข์จะดับลงไป แต่จิตใจก็ยังซ๊มซับทุกข์นั้นอยู่เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจว่า ต้องหนีมันให้ได้
คนทุกคนมีทุกข์เสมอ ไม่มีใครเลยจะไม่มีทุกข์ แต่โดยธรรมชาตินั้นได้สร้างปัญญามาให้ระดับหนี่งในการแก้ทุกข์ แต่เป็นการแก้ทุกข์โดยใช้ปัญญาทางโลก เช่น พอทุกข์เรื่องงาน มีแต่เรื่องปวดหัว ก็ไปเทียวต่างประเทศ หรือ ไปเดินห้าง หรือ ไปกินอาหารเลิศรส ทุกข์ก็จะหายไปชั่วคราว แต่พอกลับมาทำงานใหม่ ทุกข์ก็จะมาอีก แต่ก็ยังดี ทีไ้ด้มีเวลาคลายทุกข์ลงไปได้บ้าง
ในขบวนการเกินนิพพิทานั้น นักภาวนาต้องผ่านการภาวนาจนแยกรูปนามออกมาได้ก่อนแล้ว ถ้ายังแยกรูปนามออกมาไม่ได้เลย ก็ยังไม่ถีงระดับของนิพพิทา
เมื่อนักภาวนาแยกรูปนามมาได้ใหม่ๆ นักภาวนาจะสนุกสนานกับขบวนการแห่งการแยกรูปนาม เพราะพอทุกข์ทีเป็นรูปเกิดขึ้น นามไปเห็นทุกข์เข้าเท่านั้น ทุกข์ก็ดับไปทันทีอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อผ่านไปถีงระดับหนี่ง จะมีทุกข์อย่างหนี่งเกิดขึ้น ทุกข์ทีเป็นรูปเกิด แล้วนามไปเห็นทุกข์แล้ว แต่ทุกข์นั้นไม่ยอมดับลงไป นี่เป็นขบวนการเริ่มต้นของนิพพิทา
เมือทุกข์ไม่ดับลงไปง่ายๆ นามทีเห็นทุกข์ทีค้างอยู่ไม่ยอมดับ ก็จะเกิดเห็นภัยของทุกข์นั้นว่าทีแท้ จิตปรุงแต่งเป็นทุกข์นี่เอง จนเกิดความเบื่อหน่ายในทุกข์ทีเกิดและเห็นอยู่นั้น
เมื่อทุกข์สามารถดับลงไปได้เองแล้วในเบื้องต้น นักภาวนาจะมีประสบการณ์และปัญญาเบื้องต้นในการเข้าใจทุกข์ ต่อจากนั้น ทุกข์แบบนิพพิทา ก็จะเกิดซ้ำอีกและดับลงไปอีก นักภาวนาก็จะเข้าใจและมีปัญญามากขึ้นอีก การวนเวียนของทุกข์เกิดกับในนิพพิทาหลาย ๆ ครับ จะทำให้นักภาวนาเกิดการเห็นภัยในวัฏฏะ เกิดการกลัวการเวียนว่ายตายเกิด และต้องการจะหนีภัยนี้ไปให้ได้
นี่เป็นขบวนการของนิพพิทา อ่านดูเหมือนง่ายและอยากจะได้นิพพิทากัน แต่ในความเป็นจริง พอเกิดทุกข์ทีเป็นแบบนิพพิทา ทุกข์ไม่ยอมดับลงไปสักที นักภาวนาก็อาจเสียศูนย์ เกิดน๊อตหลุดได้ง่าย ๆ จนเกิดความอยากทีจะหลุดออกจากทุกข์ แต่ยิ่งอยากทีจะหลุดออก กลับพบว่า ทุกข์ไม่ยอมหลุดออกสักที นักภาวนาจะทนทุกข์อยู่กับทุกข์นั้นต่อไปจนกว่าจะหลุดออกมาได้เอง
เทคนิคการหลุดทุกข์จากนิพพิทานั้น เพียงนักภาวนาอดทนดูทุกข์ไปเรื่อยๆ อย่าให้มีความอยากทีจะพ้นทุกข์ พอได้เวลา จิตจะหลุดออกมาได้เอง แล้วทุกข์นั้นจะดับลงไป ซี่งอ่านดูเหมือนง่าย แต่จริง ๆ ไม่ง่ายเลย เพราะพอทุกข์เกิด คนก็มักเกิดความไม่อยากทีจะมีทุกข์ นี่เป็นเงื่อนไขทีนิพพิทาไม่ยอมดับสักที เมื่อทุกข์หลุดออก ปัญญาในจิตก็เกิดขึ้นในครั้งหนี่ง
นี่เป็นขบวนการของปัญญาในจิตทีนักภาวนาจะต้องผ่านมาแบบนี้ ไม่มีใครเลยจะหลุดจากสังสารวัฏโดยไม่พบทุกข์มาก่อนแล้วจึงหลุดออกแบบนิพพิทา
ถ้าท่านยังไม่ได้อยู่ในสภาวะของทุกข์แบบนิพพิทา บทความนี้จะเหมือนไร้ประโยชน์และไม่บอกอะไรแก่ท่าน แต่เมื่อท่านพบกับนิพพิทาแล้วแก้ทุกข์ไม่ออกสักที ขอให้กลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง บทความนี้จะช่วยท่านได้ เพราะได้บอกทางแก้แก่ท่านไว้แล้วในนี้
่
ท่านทีสนใจจะเข้าร่วมกิจกรรม ขอให้ดูรายละเอียดได้ทีนี่ครับ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&group=14