ถ้าตัวท่านเป็นอย่างทีหัวกระทู้เขียนไว้ละก็
ขอให้ท่านใช้วิธีการในนี้ ตรวจสอบตัวเองได้ครับว่า
ใจทีเฉยนี้ เมื่อมีสิ่งกระทบเข้ามา ท่านฝีกมาได้ผลดีแล้วหรือไม่
.
1...อันดับแรก
ท่านต้องดูสิ่งทีมากระทบว่า แรงหรืออ่อน
เช่น
ถ้ามีคนมาด่าท่านว่า ลูกอีDokThong
คำนี้ คนไทยถือว่า แรง
ถ้ามันแรงสำหรับท่าน ใจท่านย่อมสั่นไหว
ถ้ามันไม่แรงสำหรับท่าน ใจท่านย่อมเฉย ๆ
.
2..อะไรเข้ามา ใจเฉยตลอด ไม่สั่นไหวเลย
ในกรณีใจเฉยๆ ตลอด ใจไม่สั่นไหวเลย จะมี 2 กรณีทีเกิดแบบนี้ได้
.
แบบที 1.. ใจท่านเฉย เพราะท่านตั้งใจทำอะไรในจิตใจอยู่ แล้วให้ความสำคัญในการรู้ในสิ่งทีท่านทำอยู่มากกว่าสิ่งทีเข้ามากระทบสัมผัส อย่างนี้คือ การกระทำทีไปกดจิตไว้ ซี่งเป็นสมถะภาวนา
.
ยกตัวอย่าง เช่น บางคนดูทีวี หนังสุดโหด สุดเศร้า สุดระทมทุกข์ สุดตื่นเต้น แต่ใจท่านเฉยสนิท
ท่านอาจดูทีวี แล้วมีความตั้งใจอย่างอื่นแฝงอยู่มากกว่าการไปสนใจดูทีวี ความตั้งใจนี้ไปกดจิตไว้ จิตจะนิ่งเป็นสมถะ
.
ตัวอย่างเช่น
.
>>>ถ้าท่านไปเรียนกับสำนักบริกรรมอะไรสักอย่างหนี่งก็ตาม พอดูทีวี
ท่านก็บริกรรมเข้าไว้ ให้ความสำคัญในการบริกรรมมากกว่าสิ่งทีปรากฏในทีวี อย่างนี้ คือ ท่านทำสมถะใจจะนิ่ง
.
>>>ถ้าท่านไปเรียนกับสำนักทีสอนให้รู้สีกตัว พอท่านดูทีวี ท่านก็ไปทำความรู้สีกตัวขึ้นมากกว่า การให้ความสำคัญต่อสิ่งทีกำลังอยู่ในทีวี นี่ก็คือ ท่านทำสมถะใจจะนิ่ง
.
>>>ถ้าท่านไปเรียนกับสำนักดูกาย พอดูทีวี ท่านก็ไปดูกายไปด้วยว่า กายกำลังนั่งอยู่ ท่านให้ความสำคัญในการรู้กายมากกว่า สิ่งทีปรากฏอยู่ในทีวี อย่างนี้ ก็คือ ท่านทำสมถะใจจะนิ่ง
.
>>>ถ้าท่านไปเรียนกับสำนักดูความรู้สีกสัมผัสทีกาย พอดูทีวี ท่านก็ไปรู้สีกสัมผัสทีกายโดยให้ความสำคัญในการรู้สัมผัสมากกว่า สิ่งทีปรากฏอยู่ในทีวี อย่างนี้ ก็คือ ท่านทำสมถะใจจะนิ่ง
.
ในการฝีกฝนนี้ จะมี สมถะ และ วิปัสสนา
ถ้าสิ่งทีท่านทำ ท่านให้ความสำคัญมากกว่าดังทีเขียนไว้ข้างบน
ตอนนั้น ท่านกำลังทำ สมถะ ครับ ใจจะนิ่งแน่นอน
.
แต่ถ้าท่านจะทำวิปัสสนา ท่านต้องทำให้ใจท่านสั่นไหว ท่านต้องให้ความสำคัญในการดูทีวีอย่างมาก ๆ โดยไม่สนใจในการทำสมถะเลย ถ้าท่านทำแบบนี้ ใจท่านจะสั่นไหวแน่ แต่มีเงือนไขอีก ให้อ่านแบบที 2 ต่อไป
.
แบบที 2 ใจท่านเฉย เพราะมีสติทีเกิดเองปรากฏอยู่
ตรงนี้ จะไม่ใช่มือใหม่ นักภาวนาต้องมือเก่าและชำนาญ ฝีกฝนมาเป็นอย่างดี จนมี สติ เกิดเองได้
โดยทีไม่ต้องทำอะไร ถ้าเป็นอย่างนี้ สติปรากฏอยู่ ท่านจะดูทีวีไป ใจท่านจะเฉยแน่นอน
.
วิธีดูว่า มีสติธรรมชาติเกิดอยู่หรือไม่
ขณะที่มีสติธรรมชาติเกิดอยู่ ตอนนั้น มีลมหายใจปรากฏอยู่ได้เองโดยท่านไม่ได้พยายามทำให้มีลมหายใจเกิด
นอกจากลมหายใจทีปรากฏอยู่เองแล้ว ใจท่านจะสงบนิ่งมากเป็นพิเศษและท่านจะสัมผัสได้ด้วยในใจทีนิ่งสงบนี้ อันเป็นความสงบเองโดยทีไม่ได้ทำให้สงบขึ้นมา
นีคือ อาการของสติทีเกิดอยู่โดยธรรมชาติ
.
ถ้าท่านเป็นแบบนี้ อะไรเข้ามากระทบ ใจท่านจะเฉยสนิท
.
แต่ถ้าท่านบอกว่า ท่านฝีกวิปัสสนา แต่ท่านไม่มีลมหายใจปรากฏให้รู้ได้ ท่านไม่สามารถรู้ใจท่านสงบอยู่
นี่แสดงว่า ท่านทำอะไรอยู่แล้วท่านไม่รู้ตัวว่าท่านทำอยู่ เมื่อมีอะไรกระทบเข้ามา ใจท่านจึงนิ่งเป็นการนิ่งเพราะมีการกระทำแฝงอยู่ แต่ท่านไม่รู้ตัวว่า ท่านกำลังไปทำอะไรแฝงอยู่นั่นเอง
.
ถ้าท่านพบได้ว่า ท่านกำลังทำอะไรแฝงอยู่ ท่านก็สามารถหยุดการกระทำนั้นได้
ถ้าท่านไม่ทำอะไรแฝงเลย นั่นแหละ ท่านจะได้เจริญวิปัสสนาอย่างแท้จริง
ท่านจะพบใจทีสั่นไหว เคลื่อนไหว ย้ายไปย้ายมา เปรียบดังวานรในป่าใหญ่
ทีจับเถาวัลย์นี้ ปล่อยมือไปจับเถาวัลย์อื่น โหนไปโหนมา ตลอดเวลา ดังทีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกเถรวาท ทีเปรียบจิตดังวานรในป่าใหญ่