เจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้อะไรในคืนวันตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
พระไตรปิฏกเถรวาท ได้กล่าวไว้ดังนี้ว่า 
.
*เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงบำเพ็ญ
เพียรทางจิต พระองค์ได้ทรงพบ < เรือน>
แล้วพระองค์ได้อุทานออกมาว่า พระองค์
ได้พบนายช่างตัณหาผู้สร้างเรือน
แล้ว นายช่างตัณหาจะมาสร้างเรือน
อีกไม่ได้แล้ว
.
่เรือนคือะไร 
เรือน คือสถานทีแห่งหนี่งทีเป็นทีเกิดของขันธ์ 5
(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ )
เมื่อคนรับผัสสะเข้ามาทางอายตนะแล้ว
ถ้ามีตัณหาหรือความอยากเกิดขึ้น 
ตัวจิตจะไปสร้างขันธ์ 5 ขึ้นมาที่สถานที่นี้ ก็คือ <เรือน>
ทีพระพุทธองค์ทรงอุทานถึง
.
ตัวจิตนั้นจะมี 2 ส่วน 
>สำหรับตัวจิตส่วนทีไปสร้างขันธ์ 5 ขึ้นที เรือน นี้  ใน blog ของผู้เขียน
เพื่อความสดวกในการเขียนและการอ่านของทีเข้ามาอ่าน blog
ผู้เขียนได้ตั้งชื่อไว้ว่า จิตพลังงาน
>สำหรับจิตอีกส่วนหนี่งนั้น ทำหน้าที รู้  ซี่ง ใน Blog  ของผู้เขียนนี้
ได้ตั้งขื่อไว้ว่า จิตตัวรู้ 
.
กลไกการสร้างขันธ์ 5 ขึ้นนั่นจะเป็นดังนี้
เมื่อมีผัสสะเกิดขึ้นทางอายตนะ  ผัสสะจะมาปรากฏขึ้นทีสถานทีแห่งนี้ก่อน
แล้วจิตพลังงานก็เกิดขึ้นทีสถานทีแห่งนี้ ถ้าคนยังมีตัณหาอยู่ในจิต
จิตพลังงานจะมีพลังงานดึงดูดจิตตัวรู้ให้เข้ามาทีสถานทีแห่งนี้เช่นกัน
เมื่อจิตตัวรู้ เข้ามาทีสถานทีแห่งนี้ได้แล้ว ขันธ์ 5 ก็เกิดขึ้นสำเร็จ
อันเนื่องมาจากการผสมกันของ จิตพลังงาน และ จิตตัวรู้ 
ขันธ์ 5 ทีเกิดขึ้นทีสถานทีแห่งนี้ ก็คือ เรือน นั่นเอง

แต่ถ้า จิตไม่มีตัณหา จิตตัวรู้จะไม่ถูกดึงดูดเข้าไปทีสถานทีแห่งนี้
เมื่อจิตตัวรู้ไม่เข้าไปผสมกับสิ่งทีจิตพลังงานสร้างรอไว้
เมื่อไร้ซึ่งจิตตัวรู้มาผสมด้วย สิ่งนี้ทีจิตพลังงานสร้างรอไว้แล้วก็จะ
ดับสลายลงไป  แล้ว เรือน ก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะสิ่งทีจิตพลังงานได้สร้างรอไว้ ดับสลายไปแล้ว
.
เพื่อให้ผู้อ่านได้มีภาพเรื่องเรือน ดีขึ้น ผู้เขียนได้เขียนภาพทีแสดงตำแหน่งของ เรือน ขึ้นดังภาพข้างล่างนี้
สิ่งทีท่านผู้อ่านควรทำความเข้าใจก่อนก็คือ
สถานทีแห่งนี้ หรือ เรือนนั้น เป็น โลกอีกมิติหนี่ง ทีซ้อนทับกับมิติของโลกมนุษย์เรานี่เอง
ซี่ง การเห็นเรือนได้ หรือ สิ่งทีจิตพลังงานสร้างไว้ที่นี้ จะไม่สามารถเห็นได้ด้วยอายตนะปกติของคนเรา
การพบเรือน การรู้จักนายช่างตัณหาผู้สร้างเรือนได้
เห็นกลไกของตัณหาทีสร้างขันธ์ขึ้นในเรือน
จะเป็นการเห็นด้วย*ปัญญาญาณ หรือ ดวงตาเห็นธรรม * 
ภาพทีแสดงตำแหน่งของเรือน


.
ญาณ หรือ ปัญญาญาณ หรือ ดวงตาเห็นธรรม
ก็คือ สิ่งเดียวกัน สุดแล้วแต่ใครจะเรียกชื่อว่าอะไร

จาก ญาณ หรือ ปัญญาญาณ หรือ ดวงตาเห็นธรรม
เมื่อตัวนักปฏิบัติ มีประสบการณ์มากขึ้นใน ญาณ 
ญาณ นั้น ก็จะเพิ่มความสามารถการรู้แบบญาณให้มีประสิทธภาพสูงขึ้นได้
ซี่งจะมีชื่อเรียก ญาณ ทีมีคุณภาพมากนี้ว่า ญาณหยั่งรู้
.
ญาณหยั่งรู้ นั้น ไม่ใช่เป็นการจ้องเพ่งแบบ ฌาน
แต่เป็นขบวนการของจิตที่ใช้สำหรับการเฝ้ามองกลไกของขันธ์
ทีเกิดขึ้น แล้วดับลงไป ทีเป็นไปตามธรรมชาติ
ในพระไตรปิฏกเถรวาท
ก็มีกล่าวไว้ โดยเปรียบได้ดั่งวัวแม่ลูกอ่อนเล็มหญ้า
แล้วชำเลืองดูลูกน้อย.
.
เมื่อใช้ ญาณหยั่งรู้ เฝ้าชำเลืองมองกลไกของการเกิดขันธ์
ทีเกิดขี้นทีเรือน เห็นการเกิดดับ เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของขันธ์
ไม่นานนัก ก็จะเข้าใจได้ว่า ขันธ์เกิดได้อย่างไร  ดับได้อย่างไร
นี่เป็น ปัญญาญาณ ทีเข้าใจในขบวนการของปฏิจสมุปบาท
..
 



Create Date : 16 ธันวาคม 2562
Last Update : 19 มีนาคม 2564 13:05:04 น.
Counter : 2060 Pageviews.

0 comments
อานาปาน ได้แก่ ลมใจหายใจเข้า ลมหายใจออก สมาชิกหมายเลข 6393385
(6 ก.ค. 2568 10:57:07 น.)
ธรรมะวันนี้ ๓ ก.ค. ๒๕๖๘ **mp5**
(3 ก.ค. 2568 06:50:03 น.)
ตั้งจิตมั่น เป็นกลาง เป็นธรรม ชนะที่ควร ปลูกธรรมะ พลังขันธ์ ปัญญา Dh
(5 ก.ค. 2568 18:58:11 น.)
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - บุกคนสำคัญ : กะว่าก๋า
(1 ก.ค. 2568 04:20:36 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Namasikarn.BlogGang.com

นมสิการ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]

บทความทั้งหมด