ฝึกรู้ความรู้สีกในจิต
ฝึกรู้ความรู้สีกในจิต
ขอให้อ่านเรื่องก่อนนะครับ แล้วลองทำแบบฝีกหัดการหัดรู้ความรู้สีกในจิต
สิ่งทีผมเขียนนี้ อาจจะไม่เหมือนคำสอนเรื่องการดูจิตของครูบาอาจารย์รูปใด
แต่สิ่งนี้ มันออกมาจากประสบการณ์ภาวนาของผมเองว่า การฝีกฝนนั้น ให้ทำอย่างนี้ แล้วจะเข้าองค์มรรคได้ ส่วนอาจารย์รูปใดสอนอย่างไร ผมไม่ขอยุ่งด้วยครับ ทางใครทางเขา ใครไม่เชื่อผม ก็ขอให้ผ่านไปเลย
อย่าเสียเวลาอ่าน
แต่ถ้าใครอยากจะลองดู ก็ขอให้อ่านต่อไป
======================================
. การรับรู้ทีผ่านเข้ามาทางอายตนะนั้น จะส่งผลต่อจิตทั้งสิ้น
ซี่งการส่งผลจะมี 2 แบบใหญ่ กล่าวคือ ถ้ากระทบไม่แรง จิตจะเฉย ๆ
ถ้ากระทบแรงพอ จิตจะไหวไปมา
การไหวไปมาของจิตนี้ ไม่ว่าจะออกมาในแง่ดี หรือ ไม่ดีก็ตาม
ใช้ได้ทั้งนั้นถ้านักภาวนารู้อาการได้
นักภาวนาไม่ต้องไปกังวลว่า ถ้าจิตไหวแล้ว ผลไม่ดี จะเป็นบาป เป็นกิเลส
ไม่ต้องวิตกครับ ให้จิตเขาไหวละกัน
เวลาดูคลิปนี้ จะมีภาพในคลิป และ เสียงเพลงในคลิป
เวลาดู ให้ตามองไปในภาพ ให้หูฟังเสียงตามปกติทีท่านเป็นในการดูทีวี
แล้วจิตมันจะไหวเวลาเห็นภาพหรือเสียง ก็เฝ้ารู้การไหวของจิตไปเรื่อย ๆ
@@@@ ในคนทีฝีกฝนมาดีพอสมควรจะพบว่า
ตาทีมองเห็นภาพ หูทีได้ยินเสียง ก็จะสามารถรู้จิตที่
บางจังหวะจะเฉย ๆ บางจังหวะก็จะไหวตัวไปในอารมณ์ต่าง ๆ
บางจังหวะก็อาจมีความคิดโผล่มา
บางจังหวะก็จะการวิจารณ์เรื่องโน้นเรื่องนี้ออกมาในหัว
ซึ่งคนทีฝีกฝนมาดี ก็จะพบสภาวะธรรมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
ตั้งแต่ต้นเพลงจนจบเพลง
@@@ ส่วนใครทีฝีกมาดีค่อนข้างมาก
ก็จะได้ผลเหมือนข้างบน แต่จะรู้กายได้อีกอย่างด้วยพร้อมกันไปกับการรู้จิตไหว
การเผลอและหลงไปกับเพลงจะน้อยหรือแทบไม่มีเลย
และการรู้จิตไหวตัวก็รู้ได้ดี รู้จิตไหวตัวได้ตลอดเวลา
@@@ ส่วนคนทีสมาธิไม่ดีพอ พอเปิดดู ก็อาจไม่สามารถรู้อาการไหวตัว
ไปมาของจิตทีไหวต่อเนื่องได้ อาจหลงไปคิดอะไรนานสักนิด
อาจวิจารณ์อะไรในหัวนานสักหน่อย
อาจจะเผลอแล้วหลงไปกับภาพและเสียง
จนถึงกับการลืมการเฝ้าสังเกตอาการการไหวตัวของจิตไปเลย
++++++++++++++++++++++++
ทีนี้ อาจมีคนถามว่า สิ่งทีผมเขียนนี้ ต่างจาก
ทีผมสอนให้รู้กายแล้วดูทีวีไปด้วยอย่างไร
คำตอบก็คือ สิ่งนี้ จะ advance กว่าครับ
เพราะ ผมจะให้รู้การไหวตัวของจิตไปด้วย
ซึงการรู้กายแล้วดูทีวีทีผมสอนไปก่อนหน้านี้ นั้นเป็นพื้นฐานก่อนเรื่องนี้
ซี่งใครทีฝีกพื้นฐานมาพอควรแล้ว และอยากจะฝีก
ขั้นสูงกว่า ก็ให้ฝีกแบบนี้ไปครับ
การเฝ้ารู้การไหวตัวของจิตได้เป็นอย่างดี
นั่นแสดงว่า จิตมีพลังค่อนข้างดี
และจิตสามารถพบไตรลักษณ์ของจิตได้
คือการไหวตัวนี้เอง
ซึ่งใหม่ๆ นั้น อาจพบว่า การรู้จิตไหวตัวอาจทำไม่ได้ดีนัก
แต่ถ้าขยันฝีกไป ก็จะมีการพัฒนาความก้าวหน้าได้ต่อไป
ทีนี้บางคนทีอ่านมามาก ฟังมามาก
อาจตั้งคำถามว่า สิ่งทีผมเขียนช่างต่างจากการสอนของอาจารย์หลายรูป
ทีเขาสอนว่า จิตต้องนิ่งจึงจะดี
แต่ผมกลับสอนให้รู้จิตไหวตัว ซี่งต่างกัน
ซึ่งเรื่องนี้ มาจากประสบการณ์การภาวนาของผมว่า
การฝีกฝนนั้น ต้องหัดให้รู้จักจิตไหวตัวได้ จึงจะดี ไม่ใช่ทำให้จิตนิ่ง
เพราะการทีจิตเห็นไตรลักษณ์เพราะการไหวตัวได้นี้
จะทำให้จิตเกิดปัญญาและเบื่อหน่ายในกองสังขารต่อไปในอนาคต
ซี่งจะทำให้จิตหลุดพ้นได้ในที่สุด
คลิปนี้ ผมให้เป็นตัวอย่างนะครับ
ส่วนต่อไป ให้ท่านทีอยากฝีกแบบนี้ หาคลิปดูเองในอินเตอร์เนทต่อไป
https://www.youtube.com/watch?v=oNVWI8l_UXs&list=RDoNVWI8l_UXs#t=319