กดจุดรักษาตากุ้งยิง
เอ๊ะ...ไปแอบดูใครอาบน้ำมา ถึงได้เป็นกุ้งยิง
สงสัยดูตัวเองอาบน้ำมั้ง
ทะลึ่ง! เป็นมากี่วันแล้วละนี่
หลายวันแล้ว กินยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบครบตามหมอสั่ง มันหายไปแล้วกลับมาเป็นอีก เป็นอย่างนี้อยู่บ่อย ๆ ตอนนี้ก็เลยไม่สนใจ ช่างมัน
ผมอ่านวารสาร xinzongy ฉบับเดือนธันวาคม 1981 เขารายงานว่า โรงพยาบาลของจีนเคยใช้วิธีกดจุดรักษากุ้งยิง
เออ ! น่าสนใจ
เขาบอกว่า ในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นกุ้งยิง 67 ราย(ตั้งแต่ปี 1971-1980) ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ(แต่ไม่เห็นบอกว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน) เฉลี่ยเล้วผู้ป่วยจะหายใน 2-4 วัน
ไหน...เขากดอย่างไร ลองกดให้หน่อยซิ
กดจุดรักษาตากุ้งยิง
1.จุดเหอกู่ตำแหน่ง :
คว่ำฝ่ามือลง ให้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้แนบชิดติดกัน จุดเหอกู่จะอยู่ตรงสูงสุดของกล้ามเนื้อที่นูนขึ้นมาระหว่างนิ้วทั้งสอง (รูปที่ 1)
หมายเหตุ :
ให้ดูรายละเอียดจุดเหอกู่เพิ่มเติม ใน หมอชาวบ้าน ปีที่ 3 ฉบับที่ 32 เดือนธันวาคม 2524
2. จุดชวีฉือตำแหน่ง :
พับข้อศอก จุดจะอยู่ตรงปลายพับข้อศอก (รูปที่2)
วิธีกด :
ใช้หัวแม่มือ(ด้านที่ไม่เป็นกุ้งยิง) กดลงบนจุดเหอกู่ หรือจุดชวีฉือ กดและนวดเบา ๆ 5-10 นาที ให้ทำ 2-4 ครั้งสลับกัน วันละ 2-4 ครั้ง
ง่ายดีแฮะ
ใช่...ง่าย สะดวก เวลาไหนก็ทำได้
แปลกจริงนะ ! ทางแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่า ตากุ้งยิงเกิดจากการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียของต่อมไขมันรอบ ๆ ขนตา อันเนื่องมาจากมีการอุดตันของรูเปิดของต่อม (ไขมัน) ที่ขอบ ๆ ของเปลือกตาการรักษาต้องให้ยาแก้ปวด และยาต้านจุลชีพ (เป็นเวลาติดต่อกัน 5-7 วัน) ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องผ่าตัด
อันนี้เป็นทรรศนะการมองปัญหาที่แตกต่างกัน แพทย์แผนโบราณนั้นศึกษาจากประสบการณ์การรักษาที่ได้จากการทดลองกับผู้ป่วยโดยตรงเป็นเวลาหลายพันปี ทฤษฎีแพทย์แผนโบราณก็เป็นทฤษฏีที่มาจากผลสรุปของการปฏิบัติที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยนำเอาปรัชญาและตรรกวิทยามาอธิบายเหตุผล
สำหรับแพทย์แผนปัจจุบันจะต้องผ่านขั้นตอนทางห้องทดลองแล้วนำเอาผลสรุปนั้นมาใช้กับผู้ป่วยอีกทีหนึ่ง ทฤษฏีแพทย์แผนปัจจุบันจึงนำเอาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาอธิบาย จึงอธิบายไปคนละแบบ
ผมว่ามันไม่ใช่สิ่งแปลกเลย การรักษาแบบไหนก็แล้วแต่ (โดยเฉพาะที่ประหยัด และไม่ซับซ้อนนัก) ถ้าสามารถทำให้ผู้ป่วยหายจาการเจ็บป่วยได้ แม้จะไม่สามาถอธิบายได้ด้วยทรรศนะของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติในปัจจุบัน เราก็ต้องยอมรับผลอันเกิดจากการปฏิบัติอันนั้น แล้วค่อย ๆ หาเหตุผลมาอธิบาย
ถูกของคุณ...งั้นผมจะลองทำดู...มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่
ข้อมูลจาก หมอชาวบ้าน
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [
