happy memories
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๑o๗




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









"ศิลปะ-ความเชื่อที่ปราสาทศีขรภูมิ”


สุรินทร์ถิ่นช้าง เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีปราสาทขอมโบราณปรากฏอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่ แต่ละแห่งมีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป เช่น ปราสาทตาเมือนธม ที่ขึ้นชื่อเรื่องขนาดของปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือน แต่ถ้าพูดถึงความโดดเด่นด้านความงดงาม คงต้องกล่าวถึง “ปราสาทศีขรภูมิ” หรือปราสาทบ้านระแงง ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พามาเยี่ยมชม และได้รับรับการต้อนรับจากภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ ปริญญา สุขใหญ่ พร้อมกับบรรยายนำชม


ผู้บรรยายเล่าถึงประวัติความเป็นมาและลักษณะเบื้องต้นของปราสาทแห่งนี้ว่า เป็นศาสนาสถานที่ยังหลงเหลือตัวอาคารที่สมบูรณ์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ (พ.ศ.๑๖๕๖-๑๖๘๘) ซึ่งเป็นปราสาทมีอายุเพียง ๙oo ปี โดยแนวคิดจำลองจักรวาล มีการผสมผสานศิลปะแบบบาปวนและแบบนครวัด ปรางค์ประธานนั้นก่อด้วยอิฐขัดมัน อยู่บนฐานเดียวกันร่วมกับปรางค์บริวาร ๔ องค์ โดยลักษณะดังกล่าวมาจากคติทางศาสนาพราหมณ์ เปรียบปรางค์ประธานเป็นเขาพระสุเมรุ มีบริวารทั้ง ๔ ทิศรายรอบ มีประตูทางเข้าอยู่ทางทิศตะวันออก ปัจจุบันปรางค์ประธานยอดหักเหลือเพียงบัวเชิงบาตร ๓ ชั้น


สำหรับความสวยงามของปราสาทนั้น ปรากฏอยู่ด้านหน้าคือ “จำหลักลาย” และ “รูปอัปสรถือดอกบัว” ที่กล่าวกันว่ามีความงดงามที่สุดในประเทศไทย ช่างขอมโบราณได้แกะสลักให้นางมีทรวดทรงที่อ่อนช้อย ปัจจุบันมีความสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาปราสาทขอมเมืองสุรินทร์ เช่นเดียวกับด้านบนขอบประตู มีทับหลัง ลวดลายปรากฏนั้นเป็นรูป “ศิวะนาฏราช” ในท่วงท่าร่ายรำอ่อนช้อย โดยมีเทพอีก ๔ องค์ร่วมบรรเลง ได้แก่ พระคเณศ พระพรหม พระวิษณุ และนางปารวตี (นางอุมา) ซึ่งเป็นมเหสีของพระศิวะ รวมถึงเหล่าเทวดา ฤาษี หงส์ และเหล่าสัตว์หลายชนิดที่พระศิวะอวตารในแต่ละชาติ วิจิตรสวยงามทุกรายละเอียด


ภัณฑารักษ์ชำนาญการกล่าวอีกว่า สำหรับคนทั่วไปคงไม่ทราบว่าทับหลังศิวะนาฏราชชิ้นนี้มีความสมบูรณ์และสวยงามที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะคุ้นกับชื่อ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” ของปราสาทพนมรุ้งกันมากกว่า นอกจากทับหลังศิวะนาฏราชที่สวยงามแล้ว ปราสาทศีขรภูมิยังมีทับหลังอีก ๓ แผ่น ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ ๒ แผ่น และที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมายอีก ๑ แผ่น


"ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ปราสาทศีขรภูมิมีการบูรณะครั้งใหญ่ มีหลักฐานปรากฏบนจารึกภาษาไทย-บาลี ที่ซุ้มประตูปรางค์บริวารแถวหน้าด้านทิศใต้ กล่าวถึงพระเถระผู้ใหญ่และท้าวพระยาได้ร่วมกันบูรณะและประกอบพิธีกรรมในศาสนาพุทธ ทั้งยังปรากฏรอยพระพุทธบาทจำลองที่ประดิษฐานอยู่ด้านในปรางค์ประธาน ปัจจุบันปราสาทได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามหนังสือทะเบียนโบราณวัตถุทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๑๖ และในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำพระอาจารย์ของนักเรียนนายร้อย จปร. มาศึกษาที่โบราณสถานแห่งนี้ จึงมีการบูรณะปราสาทให้ดูมีความสมบูรณ์ สวยงาม น่ามาท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างความภูมิใจของชาวตำบลระแงง" ภัณฑารักษ์รายนี้กล่าว


พร้อมทิ้งท้ายว่า ปราสาทศีขรภูมิสะท้อนให้เห็นว่าบริเวณนี้มีชุมชนมาตั้งถิ่นแล้วเป็นพันปี ถึงแม้ปัจจุบันความเชื่อทางศาสนาได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่อาณาจักรขอมล่มสลาย แต่คนในท้องถิ่นซึ่งเป็นคนในยุคปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับเทวสถานแห่งนี้ ขณะเดียวกันเทวสถานยังเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงให้คนรุ่นหลังได้ทราบเรื่องราวความเป็นมาของบรรพบุรุษ เกิดความรัก หวงแหนโบราณสถานในชุมชน และร่วมอนุรักษ์ให้คงอยู่ต่อไป


สำหรับการเดินทางมายังปราสาท ตั้งอยู่ที่ตำบลระแงง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ ๓๔ กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข ๒๒๖ โดยอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอศีขรภูมิไปอีก ๑ กิโลเมตร เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา o๗.๓o-๑๘.oo น. ค่าธรรมเนียม คนไทย ๑o บาท ชาวต่างชาติ ๕o บาท


ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ชาวอำเภอศีขรภูมิยังคงสืบสานประเพณีการฉลองปราสาทศีขรภูมิมาอย่างต่อเนื่อง โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันสมัย มีการแสดงแสง สี เสียงประกอบ โดยใช้ชื่องานว่า “สืบสานตำนานพันปี ปราสาทศีขรภูมิ” สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ โทร.o-๔๔๕๑-๙๕๕๗, o-๔๔๕๑-๓๓๕๘.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
wikimedia.org














นิทรรศการ ผ้าลาย "นาค”


นิทรรศการ ผ้าลาย "นาค" จัดโดยศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) เป็นการรวบรวมผ้าลาย "นาค" หรือ "พญานาค" กว่า ๒๐๐ ชิ้น จากพิพิธภัณฑ์ อ.เผ่าทอง ทองเจือ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๔ มิถุนายน - ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสามารถเยี่ยมชมนิทรรศการได้ทุกวัน ระหว่างเวลา ๘.๓o - ๑๖.๓o น. ไม่เว้นวันหยุด (ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมใด ๆ)















ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com
Paothong Thongchua














"สืบสานงานศิลป์ แผ่นดินสยาม ๒๕๕๗”


ขอเชิญบุคลากร นักศึกษา และผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสนับสนุนผลงานของเยาวชนไทย ในงานสืบสานงานศิลป์ แผ่นดินสยาม ๒๕๕๗ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.oo-๑๖.oo น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น ๓ วิทยาลัยนานาชาติ


โดยมีการแสดงดังนี้

๑. “นาฏกรรมดนตรี จินตคีตกาล” โดยนักศึกษาชมรมดนตรีไทย วิทยาลัยนานาชาติ
๒. “แม่เพลงพื้นบ้าน ส่งต่อลูกหลาน สืบสานงานศิลป์” โดยแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามทำให้เกิดความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติ แก่บุคลากร นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น


โดยสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ muic.mahidol.ac.th


ติดต่อสอบถามได้ที่คุณ สุพัตรา นนทะภา โทรศัพท์ o๒-๔๔๑-๕o๙o ต่อ ๑๔๑๔



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคชมรมรักษ์เพลงพื้นบ้าน ม.มหิดล














"นิทรรศการศิลป์เพื่อทะเลไทย”


โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ขอเชิญชมงานแสดงนิทรรศการศิลป์เพื่อทะเลไทย (Art for Ocean) ณ บริเวณสกายล็อบบี้ ชั้น ๒๓ ของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยรายได้จากการจำหน่ายผลงานส่วนหนึ่งจะร่วมสบทบทุนเพื่อสนับสนุนโครงการวิจัยเพื่ออนุรักษ์ม้าน้ำ


นิทรรศการศิลป์เพื่อทะเลไทย เป็นการแสดงผลงานภาพถ่ายของนักถ่ายภาพใต้น้ำ ภาพเขียน เกี่ยวกับทัศนียภาพใต้ท้องทะเล รวมทั้งจิตรกรรมบนประติมากรรมปลาฉลาม โดยฝีมือการร่วมใจกันของกลุ่มศิลปินนานาชาติ ทูตานุทูต เซเลบริตี้ สื่อมวลชน และศิลปินรุ่นเยาว์ ซึ่งนำโดย ธิราช รุ่งเรืองกนกกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่มศิลปินไทยรักษ์แผ่นดิน ที่จะมาร่วมนำสเนอผลงานให้ท่านได้ชม พร้อมส่งเสริมและเชิญชวนให้ท่านร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติใต้น้ำ


นิทรรศครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลอง “วันมหาสมุทรโลก” (World Oceans Day) ซึ่งตรงกับวันที่ ๘ มิถุนายนของทุกปี กำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการโดยสหประชาชาติ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเลและมหาสมุทรให้สวยงาม


ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลงานหรือเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมฯ โทร. o๒-๑oo-๑๒๓๔ ต่อ ๖๗๕๓-๕๖







ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
thailand4.com














นิทรรศการศิลปะ 'Green Sun'


นิทรรศการผลงานของ เถา โจว

ศิลปินคนแรกที่ได้รับรางวัล Han Nefkens - BACC Award for Contemporary Art # 1

๖ - ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๗

พิธีเปิดในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.oo น.

ณ สตูดิโอ ชั้น ๔


ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ร่วมมือกับ มูลนิธิฮาน เนฟเก็นส์ ริเริ่มรางวัล Han Nefkens - BACC Award for Contemporary Art โดยเชื้อเชิญบุคลากรผู้มีชื่อในวงการศิลปะร่วมสมัยเอเชีย เพื่อคัดเลือกและให้โอกาสแก่ศิลปินเอเชีย ซึ่งมีผลงานโดดเด่น มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ แต่ยังไม่เคยจัดแสดงผลงานเดี่ยวในองค์กรใหญ่ โดยศิลปินที่ได้รับมอบรางวัลจะได้ใช้ประสบการณ์เดินทางมาพำนักที่ประเทศไทย เพื่อผลิตผลงานศิลปะ ซึ่งในปีแรกนี้ศิลปินจากเมืองจีน เถา โจว ก็ได้รับคัดเลือกโดยมีมติเป็นเอกฉันท์


ผลงานของเถา โจว มีความเกี่ยวข้องของตัวศิลปิน สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวของเขา และยังแตะในประเด็นที่สนใจ หลังจากที่เถา โจวได้รับคัดเลือก เขาได้เดินทางมายังประเทศไทย และสำรวจพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรสาคร และจันทบุรี ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ และเดินทางมาพำนักที่กรุงเทพฯ อีกครั้งตั้งแต่เดือนสิงหาคมในปีเดียวกันจนถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๗


นิทรรศการ Green Sun ประกอบด้วยงานวิดีโอ, ภาพถ่าย, งานจิตรกรรม, และงานจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งแสดงถึงสิ่งที่ศิลปินให้ความสนใจสัมพันธ์กับสิ่งที่ศิลปินพบเจอตลอดช่วงเวลาที่พำนักอยู่ที่กรุงเทพฯ และระหว่างนั้น


นิทรรศการจัดแสดงระหว่างวันที่ ๖ - ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑o.oo - ๒๑.oo น.
ณ ห้องสตูดิโอ ชั้น ๔ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
พิธีเปิดในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.oo น.
กิจกรรมศิลปินเสวนา วันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.oo - ๑๖.oo น.


ดำเนินงานโดย ฝ่ายกิจรรมเครือข่าย หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ มูลนิธิฮาน เนฟเก็นส์


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายกิจรรมเครือข่าย หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ o๒-๒๑๔-๖๖๓o–๘ โทรสาร o๒-๒๑๔-๖๖๓๙
bacc.or.th
เฟสบุคหอศิลป์กรุงเทพฯ


มูลนิธิฮาน เนฟเก็นส์
โทรศัพท์และโทรสาร: +34 93 3171984
//www.fundacionhannefkens.org/en/



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคหอศิลป์กรุงเทพฯ














"ตลาดนัดปากโป้ง #๓”


ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ธุรกิจในเครือ MBK Group จัดพื้นที่ฟรีกว่า ๑,ooo ตารางเมตรเปิดเวทีเพื่อเยาวชน นิสิต นักศึกษา ร่วมนำเสนอฝันและจินตนาการในรูปแบบต่าง ๆ ที่เต็มเปี่ยมด้วยสีสันและความแปลกใหม่ในงาน “ตลาดนัดปากโป้ง #๓ สนามไอเดีย” พบกับการออกร้านจำหน่ายสินค้าอินดี้ทำมือกว่า ๑oo ร้านค้า อาทิ โซนพื้นที่ตลาดนัดศิลปะ ART Street ในลักษณะ DIY (Do it yourself) ให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โซนลานแสดงดนตรี โชว์ศิลปะหุ่นนิ่ง ในลีลาและรูปแบบที่หลากหลายไม่จำกัดความคิด นอกจากนี้ยังมีการประมูลสินค้าไอเดียเก๋ ที่ราคาเริ่มต้นเพียง ๑ บาท โดยรายได้นำไปสมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว จ.เชียงราย แล้วพบกันตั้งแต่วันที่ ๒๙ พฤษภาคม - ๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.oo - ๒๑.oo น. ณ ลาน MBK Avenue โซน AB-BC ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์


ทั้งนี้ น้อง ๆ ที่สนใจสามารถจับจองพื้นที่จำหน่ายและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในงานได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. o๒-๖๒o-๙ooo ต่อ ๗๔๑๙, ๗๔๒๑, ๗๔๒๒











ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
เฟซบุคมาบุญครอง














"มัณฑณศิลป์ร่วมกับสยามดิสคัฟเวอรี่ สร้างกระแสการออกแบบในทีสิสเฟสติวัล”


การปฏิรูปการศึกษาให้เกิดผลอันดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด จะต้องสามารถดึงพลังแห่งประสบการณ์ในชีวิตเข้ามาถ่ายทอดในวิธีการใหม่ ทั้งนอกห้องเรียนและในห้องเรียน การศึกษาคือทั้งชีวิต ประชากรที่มีคุณภาพต้องได้รับการบ่มเพาะทุกมิติ จนสามารถฟูมฟักอัตลักษณ์แห่งปัญญาออกมาจากชีวิตของประชาชนได้


ตัวอย่างการปฏิรูปการศึกษาที่สำเร็จคือ สามารถสร้างคนออกสู่สังคมได้อย่างสมบูรณ์ และหลายคนสามารถต่อยอดสู่ความเป็นอัจฉริยะได้ อีกทั้งสามารถทำให้เกิดภูมิคุ้มกันทางปัญญามีเอกลักษณ์ที่จะบ่มเพาะสู่แบรนด์ และผลผลิตคุณภาพได้ต่อไปเพราะคนและมันสมองที่มีจินตนาการคือพลังสำคัญของชาติที่สุด


ผลงานออกแบบของมัณฑนศิลป์ที่ถ่ายทอดออกมาจากการบ่มเพาะในช่วงการศึกษา ๔ ปี มิใช่แค่การสอบจบแต่ต้องสร้างจุดกำเนิดแห่งแรงบันดาลใจเชิงประจักษ์ออกสู่สังคมให้มากที่สุด






ถ้าเราสามารถบ่มเพาะคนในประเทศนี้ให้มีความสามาถพิเศษ อันเป็นเอกลักษณ์ติดตัวได้ตั้งแต่มหาวิทยาลัย และสามารถทำให้มหาวิทยาลัยไม่มีรั้วกั้นระหว่างการศึกษาในมหาวิทยาลัยกับการศึกษาในสังคมก็ยิ่งเห็นอนาคตการศึกษาชาติที่สดใส


ผลงานกว่า ๓oo ชิ้น กำลังจะจัดแสดงในงานทีสิสเฟสติวัล ครั้งที่ ๒ จากนักศึกษาชั้นปีที่ ๔


“ศิลปนิพนธ์” ของคณะมัณฑนศิลป์ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๖ มิถุนายนนี้ โดยผลงานประกอบด้วยองค์ความรู้ในการจัดแสดงดังนี้






๑. การออกแบบภายใน การออกแบบสภาพแวดล้อมภายในอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างพลังให้กับมนุษย์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และเมื่อคุณภาพชีวิตดีก็จะส่งผลต่อคุณภาพของประชากรและประเทศชาติต่อไป


การออกแบบภายในจึงมีผลอย่างมากต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพแวดล้อมสาธารณะเพื่อการพานิชย์เพราะสามารถส่งผลต่อการกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขาย การลงทุนได้เป็นอย่างดี ตลอดจนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการต่อยอดทางวัฒนธรรมและศิลปะประเพณีของชาติด้วย


๒. การออกแบบนิเทศศิลป์ คือ การประยุกต์ศิลป์สู่ภาษาแห่งการสื่อสารการพานิชย์ รู้จักนำเอาศาสตร์แห่งศิลป์เขาไปสู่การนำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้สังคมและผู้บริโภคในเทคนิคต่าง ๆ อย่างเหมาะสม มีสุนทรียภาพ ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ สิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์ และสื่อใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายมหาศาลในขณะนี้ ผลงานเยาวชนนักออกแบบสาขานี้จึงน่าสนใจมาก ๆ






๓. การออกแบบผลิตภัณฑ์ ทุกอย่างอยู่รอบตัวต้องได้รับการออกแบบครับ ส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีขึ้น อำนวยความสะดวกสบายด้วยประโยชน์ใช้สอยที่ดี มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต ศาสตร์แห่งการออกแบบสาขานี้จึงมีความจำเป็นอย่างมากต่อประเทศชาติและประชาชน ที่สำคัญเยาวชนนักออกแบบแห่งมัณฑนศิลป์ สามารถสะท้อนสู่กระแสความต้องการแห่งอนาคตได้ว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใดนั่นเอง


๔. ประยุกต์ศิลปศึกษา ศิลปะแห่งการพัฒนาศิลปะที่ประยุกต์ให้เข้ากับชีวิตประจำวันผ่านจินตนาการและความเชี่ยวชาญของศิลปะผสานศาสตร์ต่าง ๆ นักออกแบบสาขานี้มีความสามารถมาก เพราะการนำศิลปะมาประยุกต์อย่างกลมกล่อมงดงามโดยมีไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ เช่น เทคนิคการใช้วัสดุสู่งานศิลปะสมัยใหม่ การออกแบบลายผ้าในรูปแบบของการค้นพบนวัตกรรมการทอแนวใหม่ การออกแบบศิลปะประกอบอาคารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับการใช้ชีวิตของมนุษย์ ผลงานน้อง ๆ เยาวชนปีนี้ต้องบอกว่าแสงสีจริง ๆ


๕. การออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา นี่ถือเป็นมรดกของชาติไทยเลยก็ว่าได้ และถือว่ามีมาช้านานเคียงคู่วัฒนธรรมไทยเลยทีเดียว การต่อยอดและเคียงคู่กับความมีอัตลักษณ์อย่างงดงามถือเป็นความสำคัญของชาติ ศิลปะแขนงนี้มีนวัตกรรมและพัฒนาการมาโดยตลอดในปีนี้ ผลงานเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากครับ สุดยอดแห่งแรงบันดาลใจผ่านการปั้นและเคลือบที่ทำได้อย่างดีจนคนไทยควรภูมิใจที่สุด






๖. การออกแบบเครื่องประดับ อัญมณีที่ทรงคุณค่าเกิดจากมันสมองของมนุษยชาติ มูลค่าเพิ่มจากปัญญาที่สุดแห่งอุตสาหกรรมของชาติ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ในดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ เครื่องประดับถือเป็น อัญมณีเม็ดงามทางเศรษฐกิจที่สามารถทำให้ประเทศแข็งแกร่ง และเป็นสัญลักษณ์แห่งภูมิปัญญาศิลปะประเพณีของชาติที่มีอารยะ ผลงานเยาวชน นักออกแบบสาขานี้ คือ พลังอันยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์เมื่อได้ยลผลงานแล้วคุณจะตื่นเต้นที่สุด


๗. การออกแบบเครื่องแต่งกาย ความวิจิตรงดงามของศิลปะแห่งเครื่องแต่งกายของไทย มีผลต่อการสืบสานวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์ที่สุด กระแสพลังแห่งแฟชั่นโลกผสมศาสตร์แห่งภูมิปัญญาไทย สามารถก้าวไกลไปในระดับโลกได้ อย่างทัดเทียมนานาอารยะประเทศ โดยผลงานของนักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์ถือเป็นผู้นำในการศึกษาระดับนานาชาติ เพราะผลงานที่ได้รับรางวัลมาโดยตลอด และปีนี้ผลงานน่าประทับใจมาก ไม่คิดว่าเด็กไทยจะเก่งได้ขนาดนี้จริง ๆ เมื่อเห็นผลงานในปีนี้


และนี่ก็เป็นการรวมเอาพลังของนักศึกษา ๗ สาขาที่สำคัญมากต่อการพัฒนาประเทศซึ่งมีความสำคัญมากต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นตัวอย่างของการเรียนการสอน ที่ปฎิรูปแล้วอย่างสำเร็จ มีนวัตกรรมการเรียนการสอน จนผลิตผลงานออกมาทัดเทียมมืออาชีพ บ่มเพาะฟูมฟัก ๔ ปี แต่ผลที่ออกมาคุ้มค่าต่อประเทศชาติมากที่สุด


ติดตามการจัดแสดงผลงาน “ทีสิสเฟสติวัล” ครั้งนี้ได้ในธีม “แจ้งเกิด” ที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ และศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ได้ ระหว่างวันที่ ๒-๖ มิถุนายน ๒o๑๔ นี้



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














"มิว-พาส เทศกาลเที่ยวพิพิธภัณฑ์”


"เที่ยวให้รู้ ดูให้คุ้ม" กับบัตร Muse Pass ๑๙๙ บาท เที่ยวพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ ๒o แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล


มิวเซียมสยาม จัดกิจกรรม “มิว พาส (Muse Pass) เทศกาลเที่ยวพิพิธภัณฑ์” ชวนทุกท่านมาสนุกสนานอย่างมีสาระกับพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจกว่า ๒o แห่ง ได้แก่ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์, พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, พิพิธภัณฑ์ศิริราช, พระราชวังพญาไท, พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.), พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา, พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ, พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย, หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, หอศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย, หอศิลป์กรุงไทย, พิพิธภัณฑ์สื่อสาธารณะไทยพีบีเอส, พิพิธภัณฑ์ตำรวจวังปารุสกวัน, จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช., ไปรสนียาคาร, บ้านสัตว์ประหลาดสยาม, ๓ ศิลป์รัตนโกสินทร์ มรภ.สวนสุนันทา, พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก, พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน และมิวเซียมสยาม พร้อมร่วมกิจกรรมและส่วนลดอื่น ๆ อีกมากมาย


*บัตร Muse Pass จำหน่ายในราคา ๑๙๙ บาท


**ระยะเวลาการจำหน่ายบัตร ๒๒ พ.ค. - ๓๑ ธ.ค. ๕๗ (บัตรใช้ได้ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พ.ค. - ๓๑ มี.ค.๕๘)


***หาซื้อบัตรได้ที่พิพิธภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการ (ยกเว้นพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, หอศิลป์กรุงไทย, หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ o-๒๒๒๕-๒๗๗๗ ต่อ ๑๒๓ หรือ museumsiam.org



ภาพและข้อมูลจากเวบ
tkpark.or.th
thailandexhibition.com














นิทรรศการแสดงภาพวาดขนาดจิ๋วของ "จัง”


ชม 'นิทรรศการแสดงภาพวาดขนาดจิ๋วของ จัง


ที่ Art Gorillas Art Gallery ชั้นสองลิโด้ สยามสแควร์


จัดแสดงถึง ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคนิทรรศการ














"นิทรรศการ foodporn”


นิทรรศการศิลปะครั้งที่ ๒ ของ Adler Subhashock Gallery


มองกระแสความเคลื่อนไหวของสังคมที่กำลังถูกขับเคลื่อนและกลืนกินจากลัทธิบริโภคนิยม เพราะในขณะที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ทุกคนคิดว่าตนนั้นอยู่เหนือสุดในห่วงโซ่อาหารจนหลงระเริงไปกับการบริโภคอย่างเกินควบคุม เราอาจไม่รู้ตัวเลยว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเราต่างหากที่กำลังถูกสิ่งเหล่านั้นกลืนกินและกัดกร่อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


#foodporn คือการนำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ภาพเขียนและประติมากรรมจากมุมมองความคิดและการสื่อสะท้อนสำนึกในจิตใจที่มีต่อการบริโภค โลกวัตถุ ตัณหาและความต้องการของศิลปินทั้ง ๖ คน จากไทย อเมริกา ฝรั่งเศส และจีน ที่แม้จะมาจากต่างพื้นฐานทางวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีจุดเชื่อมโยงทางความคิดบางอย่างที่สอดคล้องกัน โดยใช้ “อาหาร” เป็นตัวแทนในการบอกเล่าอีกด้านมุมของวัฒนธรรมการบริโภคที่กำลังแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา






แต่เดิม อาหารคือเครื่องสะท้อนผู้คน วิถีชีวิต วัฒนธรรมการกินอยู่ และเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตของคนในชาตินั้น ๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา และภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก แต่ปัจจุบันนี้อาหารกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือถ่ายทอดหรือเป็นทางผ่านของการแสดงตัวตนสู่โลกภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อสังคมออนไลน์ หรือ social network ก่อนที่เราจะรับประทานอาหาร เราจะต้องถ่ายรูปอาหาร แล้วโพสต์ลงเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อบอกให้ทุก ๆ คนรู้ว่าเรากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ทานอะไร หรือกำลังช็อปอะไร แต่กลับละเลยเพิกเฉยต่อการใส่ใจในคุณภาพ รสชาติ โภชนาการหรือแม้แต่บทสนทนากับเพื่อนร่วมโต๊ะอาหาร จนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า “เรากำลังบริโภคอาหาร หรือกำลังถูกอาหารบริโภคอยู่กันแน่?”






วัฒนธรรมหมู่มากกำหนดทิศทางใหม่ของการแสดงออกแบบเฉพาะตน สิ่งที่คนยกย่องและให้คุณค่าไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายใน หรือเนื้อแท้ แต่เป็นภาพลักษณ์ภายนอก หรือสิ่งที่แต่ละคนสร้างขึ้นและประกาศตัวตนให้โลกได้รับรู้ การละเลยต่อแก่นแท้ของการบริโภค นำไปสู่ความฟุ่มเฟือยทางการใช้สอยเงินตราเพื่อซื้อหา จากการกินเพื่ออยู่ กลายเป็นอยู่เพื่อกินและเพื่อมีตัวตน กระทั่งลุกลามไปเป็นความฟุ่มเฟือย ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่มี จึงต้องแสวงหาและบริโภคยิ่ง ๆ ขึ้นไปไปอย่างไม่หยุดหย่อน


ระยะเวลาการจัดแสดง : ๑๕ พ.ค.– ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗
อังคาร - ศุกร์ : ๑o.oo - ๑๗.oo
เสาร์ - อาทิตย์ : ๑๑.oo - ๑๘.๓o



ภาพและข้อมูลจากเวบ
trueplookpanya.com














"นิทรรศการ Art Can Do”



นิทรรศการศิลปะผลงานโดยนักเรียน โรงเรียนฮักสคูล ขอนแก่น

จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒ - ๓o มิถุนายน ๒๕๕๗

และจะมีพิธีเปิดในวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.๓o น.

ณ หอศิลป์ต้นตาล : TonTann ArtSpace and Gallery



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com
เฟซบุคหอศิลป์ต้นตาล














"Khao Sarn’s Raw Art”


ข้าวสารเป็นถนนสายหนึ่งในกรุงเทพที่โด่งดังและโดดเด่นไม่เหมือนใครแห่งนี้ ที่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแม้แต่คนไทยด้วยกันเอง


ที่ซึ่งเป็นหม้อหลอมรวมแห่งความแตกต่างของผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอายุ เชื้อชาติ ความเชื่อ และหน้าตา ที่ซึ่งแต่ละคนก็มีแรงกระตุ้นของตนเองให้มาเยี่ยมเยือนข้าวสาร เช่นมาท่องเที่ยว ทำงาน แสวงหาความเร่าร้อน มาดื่มกินสังสรรค์ หรือก็แค่ผ่านมาเพื่อที่จะผ่านไปแหล่งอื่น ๆ


ผู้คนต่าง ๆ มากมายมากมายังข้าวสารอย่างกระฉับกระเฉงคึกคัก บ้างก็มาต่อรองราคาสินค้าให้ได้ราคาที่ดีที่สุด เพื่อนำสินค้าที่ได้ไปซื้อขายต่อที่บ้านของตน มาเพื่อหาข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว มาซื้อหาของที่ระลึกหรือสัญลักษณ์ของเมืองไทย ท่ามกลางสินค้าต่าง ๆ สินค้าที่เป็นแบรนด์เนมล้วนแต่เป็นของปลอม นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยรถเข็นราคาย่อมเยา ฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆนานา หรือโปสการ์ดจากโรงงาน โสร่งเก่า ๆ ฯลฯ แต่ถึงกระนั้นก็ตามที คุณยังสามารถหางานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์และเยี่ยมยอดได้ที่นี่เช่นกัน


นิทรรศการศิลปะ Khao Sarn’s Raw Art นี้จัดแสดงโดยศิลปินชาวไทยจำนวน ๕ คน พวกเขาซึ่งเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาและการอุทิศตนให้กับงานศิลปะทางเลือกของตน แต่ในความหวังก็ยังแฝงไปด้วยความเศร้า พวกเขาสร้างสรรค์งานของตนเอง และก็ยังทำงานด้วยกันที่ถนนข้าวสาร ช่วยเหลือกันและกันเพื่อให้สามารถอยู่รอดและเลี้ยงตัวเองได้จากการสร้างสรรค์ของพวกเขา นอกจากจะมีความปลอดภัยบ้างหรือบางทีอาจจะเป็นความสะดวกสบายไม่น้อย ขณะที่พวกเขาเก็บงานหรืองานนำงานศิลปะของพวกเขาออกมาวางขาย แต่พวกเขาจะต้องกลับไปบนถนนที่มีชื่อเสียงเส้นนี้ทุกคืนเพื่อที่จะขายงานศิลปะต่างๆของพวกเขา แต่ละคนมีเทคนิคการทำงานของตน มีแรงบันดาลใจ มีความรู้สึกต่าง ๆ ล้นเหลือ และไม่ทางใดก็ทางหนึ่งพวกเขาก็ต้องการแสดงมันออกมา


วันแล้ววันเล่าที่พวกเขาอาจต้องเผชิญกับความรุนแรง ไร้น้ำใจ ไร้มนุษยธรรม พวกขี้เมาหรือพวกพี้ยา ความบ้าคลั่งและการฉ้อโกง พวกเขาได้เห็นความไม่เคารพตนเองของผู้อื่นมากมาย และนอกจากนั้นสิ่งนี้ยังดึงเอาส่วนที่แย่ที่สุดของคนอื่นออกมาด้วย มันฉุดลากเราให้ต่ำต้อย มันทำลายชีวิตเราและยังสร้างความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่แม้แต่ในขณะที่เราตื่นอยู่ พวกเขาจะต้องตื่นตัวและระแวดระวังตลอดเวลา เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พวกตนเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแห่งความรุนแรงรอบ ๆ ตัวพวกเขา แต่นอกจากนั้นพวกเขาก็ยังคงแสวงหา มองหาความงามและความเอื้อเฟื้อ สังเกตผู้คนรอบตัวเพื่อที่จะได้มองหาข้อดีในตัวคนเหล่านั้น ที่นี่ พวกเขาได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมต่าง ๆ และยังเป็นการสร้างคอนเนคชั่นใหม่ๆกับผู้อื่นด้วย พวกเขาคอยมองหามิตรภาพไปด้วยในขณะที่เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ใหม่ๆและได้ค้นพบกับแรงบันดาลใจที่แปลกประหลาด


นิทรรศการศิลปะ Khao Sarn’s Raw Art นี้เป็นมากกว่าแค่การแสดงงานศิลปะ แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้เห็นอีกด้านหนึ่งของผู้คนในสังคม ในแบบตัวตนที่พวกเขาเป็นจริง ๆ และควรค่าแก่การยอมรับและจดจำ


UNCHLEE TUNSUWAN (Peh) – อายุ ๒๘ ปี และเป็นผู้หญิงคนเดียวของกลุ่ม เกิดที่เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เธอย้ายบ้านไปเรื่อยและได้เข้าเรียนในหลายโรงเรียน และที่มหาลัยนี่เองที่เธอได้ทุ่มความสนใจไปให้กับงานศิลปะ จากงานภาพสีน้ำไปสู่งานประติมากรรมที่พิถีพิถันแบบงานกล่องขนาดเล็ก เธอมักจะใช้งานศิลปะเป็นสื่อในการแสดงตัวตนของเธอมากกว่าการพูด อารมณ์ที่เธอสอดแทรกเข้าไปในงานของเธอเป็นสิ่งที่จับต้องได้ งานชิ้นแรกของเธอคืองานศิลปะแบบไทย ๆ ที่ทำขึ้นเพื่อทำเป็นโปสการ์ด แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว งานชุดภาพขาวดำที่เธอวาดนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของผู้หญิง ความเป็นผู้หญิง การแสดงออกทางสีหน้า และความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดได้ “ฉันวาดเพื่อตัวฉันเอง ไม่ได้ต้องการวาดเพื่อสนองใคร” เธอพูดเบา ๆ ในขณะที่อธิบายว่า เธอวาดเพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณของเธอ และนี่เองที่ทำให้เธอมีความสุข และเมื่อถามเธอว่าเธอต้องการจะบอกอะไรกับผู้คน เธอก็บอกอย่างชัดเจนว่า “เมื่อคุณรักที่จะทำสิ่งใด คุณสามารถทำได้ และอย่าให้สิ่งใดมาขวางคุณ”


PORNCHAI TAKERNGVITSATHAPORN (Sarn) – เกิดที่ทองผาภูมิ กาญจนบุรี อายุ ๓๗ ปี ศิลปินผู้ถ่อมตน เขาได้ใช้เวลา ๘ ปี ในการขายผลงานที่น่าหลงใหลของเขาที่ถนนข้าวสาร เทคนิคของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเด็ก ๆ ที่เล่นสนุกกับการวาดภาพ และเขาก็ได้พัฒนามันให้อยู่ในระดับดีเลิศไร้ที่ติ ในวัยเติบโตเขาต้องล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร และไม่ค่อยมีโอกาสได้ร่ำเรียนมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเค้าไม่เคยได้เรียนศิลปะ แต่เขาก็วาดภาพและระบายสีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเขาเสมอ ๆ เช่นทิวทัศน์และสัตว์ต่าง ๆ เขาช่วยเหลือตนเองโดยการทำงานเป็นช่างตัดผม จนวันหนึ่งเขาได้ดูทีวีเกี่ยวกับศิลปินผู้พิการ โดยใช้ปากวาดภาพ และนี่เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจไล่ล่าตามความต้องการของตัวเขา “ถ้าหากศิลปินผู้นั้นใช้ปากวาด ภาพได้ ทำไมเขาถึงจะใช้มือวาดไม่ได้ล่ะ” และ Sarn ก็ได้อธิบายว่านี่เองเป็นเหตุให้เขาหยุดล่าสัตว์ และเขาก็ไม่เคยฆ่าหรือกินเนื้อสัตว์อีกเลยตั้งแต่เขาอายุได้ ๑๘ ปี เป็นต้นมา ความรักและเคารพต่อธรรมชาติของเขาเห็นชัดได้จากการใช้สีส้นสดใสและน่ารักในงานของเขา ที่แวดล้อมไปด้วยคนต่าง ๆ ช้าง แมว หรือม้า โดยการวาดระบายภาพสิ่งต่าง ๆ ที่เขารัก และอยากให้ทุกคนได้เข้าใจเขา “เรียนรู้และเข้าใจในธรรมชาติ จะนำไปสู่การเคารพในตนเองและความสมดุลภายใน”

APAKORN BOONYAKORNBURI (Bo) – อายุ ๓๖ ปี จากย่านถนนสุขุมวิท กรุงเทพ ในขณะที่เขาอายุได้ ๕ ขวบ เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความรักในงานศิลปะโดยการวาดภาพ และระบายภาพการ์ตูน ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัวและความกล้าหาญ Boได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตท่าพระ ที่ซึ่งเขามุ่งเน้นงานไปที่ประติมากรรมแบบเอเชีย ภาพพิมพ์และเทคนิคการวาดภาพ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปินที่เขาชื่นชม เช่น Gogen และ Klimt ที่ซึ่งงานนั้นได้เน้นให้กับรายละเอียด สี และวิธีการใช้แปรงแบบต่างๆ และความสามารถพิเศษของเขานี่เองทำให้เขาได้ฝึกฝนเทคนิคเฉพาะตัวของเขาเอง หรือที่เรียกว่า Stylized Brushed Art โดยเป็นการผสมผสานสิ่งที่เขาได้ร่ำเรียนในโรงเรียน กับความหลากหลายของชีวิตต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเขาเข้าด้วยกัน โดยผ่านมุมมองคนและโลกของเขาเอง หัวข้อของงานถูกเลือกโดยใช้ความรู้สึก ณ ขณะนั้น ไม่ว่าจะเศร้าหรือสวยงาม เต็มไปด้วยความสว่างไสวหรือหลบซ่อนอยู่ในเงา การเฝ้าดูผู้คนใช้ชีวิตประจำวันอย่างเงียบ ๆ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการสร้างสรรค์ของเขา และโดยผ่านการสังเกต และใช้ความรู้สึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เขาได้นำใส่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในงานของเขา Bo ได้อธิบายว่า อารมณ์และความรู้สึกของคนผันแปรได้ตลอดเวลา “ความทุกข์ของมนุษย์ค้นพบได้ในระหว่างอารมณ์อื่น ๆ ทั้งหมด”


SURAKITTISAK SISUKSAI (Em) – เขาเรียนจบมาจากโรงเรียนเพาะช่างในกรุงเทพมหานคร งานของเขาเป็นงานสัญลักษณ์ที่เรียกได้ว่าเสี้ยวส่วนหนึ่งแต่รุนแรงได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ภาพของความงามในศาสนาและปรัชญา “ธรรมชาติไม่เคยหยุดเติบโตและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเราก็เช่นกัน แต่เมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของเราก็คือตัวตนของเรา”


CHAROENCHAI THAWEEKIJ (Just) – อายุ ๓๔ ปี แล้ว เรียนรู้ภาษาด้วยตัวเอง ได้เรียนศิลปะที่โรงเรียนและวิทยาลัยเพาะช่าง เค้าเริ่มต้นทำงานศิลปะเมื่อเขายังเป็นเด็กเล็กที่หมกมุ่นอยู่กับหนังสือการ์ตูน จินตนาการของเขาได้เริ่มครอบงำ เขาจึงคิดจินตนาการเรื่องราวในแบบของเขาเองและได้สร้างตัวละครที่เป็นหุ่นขึ้นมาซึ่งเป็นส่วนผสมของธรรมชาติ คนและสัตว์ ต่อมาในขณะที่เรียนหนังสือ นอกจากเค้าจะค้นพบว่าเขาตาบอดสีแล้วเขายังรู้สึกอีกว่าเขาไม่มีพรสวรรค์เอาเสียเลย เพราะผลงานสไตล์สร้างสรรค์ของเขาไม่เข้ากันกับศิลปะแบบประเพณีนิยมที่เขาได้ถูกสั่งสอนในห้องเรียน แต่อย่างไรก็ตามแทนที่เขาจะเลิกล้มความพยายาม เขากลับกอดรับเอาความแตกต่างนี้ไว้ และกลับค้นหาความลึกลับสับสนให้มากขึ้นไปอีก แล้วหลังจากนั้นเขาก็เอาความรักในสิ่งไม่สมจริงกับความเปลี่ยนแปลงเป็นงานสร้างสรรค์สิ่งต่างๆของเขาในลักษณะชอง Pop art เค้าต้องการให้โลกได้รู้ว่า “ตราบใดที่เราปล่อยให้ความเป็นเด็ก ๆ ในตัวเราเจริญเติบโต ตราบนั้นที่จินตนาการและความเป็นอิสระของเราจะยังคงอยู่”


ขอเชิญทุกท่านร่วมเปิดงานแสดงนิทรรศการวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.

นิทรรศการ : Khao Sarn’s Raw Art
ศิลปิน : UNCHLEE TUNSUWAN, PORNCHAI TAKERNGVITSATHAPORN, APAKORN BOONYAKORNBURI, SURAKITTISAK SISUKSAI,CHAROENCHAI THAWEEKIJ
วันที่ : ๑ มิถุนายน – ๓o มิถุนายน ๒๕๕๗
สถานที่ : ร้านอาหาร CHOMP cafe สามเสนซอย ๑
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๘๔-o๙๘-๘๖๓๓



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














นิทรรศการ "แฮปปี้”


นิทรรศการ "HAPPY" Solo Exhibition by SRIPUTTA.I จัดแสดงระหว่างวันที่ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม - ๓o มิถุนายน ๒๕๕๗ และจะมีพิธีเปิดในวันที่ วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๒o.oo น. เป็นต้นไป ณ หลังแรกบาร์ : Hlung Raak Bar


HAPPY
Solo Exhibition by SRIPUTTA.I
จัดแสดงนิทรรศการตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม - ๓o มิถุนายน ๒๕๕๗
เปิดนิทรรศการ : วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๒o.oo น. เป็นต้นไป
ณ หลังแรก Bar Restaurant Gallery
บ้านเลขที่ ๑ ซอยมหรรณพ ๑ มหรรณพ สำราญราษฎร์ พระนคร กรุงเทพฯ ๑o๒oo


HAPPY
Solo Exhibition by SRIPUTTA.I
จากประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้พบเจอ.....หลังจากได้หลุดจากอ้อมกอดของมหาวิทยาลัย......สังคมแห่งความเพ้อฝัน.....สู่โลกแห่งความเป็นจริง
ก่อนการแสดงผลงงานครั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกอยู่ ๒ อย่างคือ
-ทำอย่างไรให้มีความสุข
-ทำอย่างไรให้ดูมีความสุข


ในผลงานทุกชิ้นที่ข้าพเจ้าทำมันเปรียบเสมือนเพื่อนที่คอยบำบัดเราในยามทุกข์ ข้าพเจ้าจึงถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกออกมาในรูปแบบของความสุข สุขแบบเบิกบาน สุขแบบเหงา ๆ ผ่าน จุด เส้น สี องค์ประกอบง่าย ๆ ด้วยรูปร่างที่กึ่งนามธรรม สีสันจัดจ้าน ผสานกับจินตนาการ ผ่านงานเพ้นท์สื่อผสม



ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikalenda.com














"ส.ค.ส. – ส่ง คน สุข”


นิทรรศการศิลปกรรมเพื่อชุมชม โดย คณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ

พิธีเปิด วันพุธที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.oo – ๑๖.oo น.

จัดแสดงตั้งแต่วันที่ ๒๙ พฤษภาคม – ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ณ หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต

(ชั้น ๒ หอสมุดสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














"MD3 Fragility and Monumentality”


นิทรรศการ Monologue Dialogue 3 ได้ดำเนินงานการแลกเปลี่ยนพูดคุยครั้งสำคัญนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ ๘ ปีที่แล้วในไทยด้วยการสนับสนุนจาก บริติช เคานซิล ทำให้เกิดกลุ่มศิลปินอังกฤษ และไทยทั้งในกรุงเทพฯ และลอนดอน มาจัดงานนิทรรศการนี้ขึ้น


พวกเขาได้เข้าร่วมนิทรรศการ ซึ่งจัดขึ้นมา เป็นครั้งที่สาม หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ พัฒนาและรวบรวมศิลปินหน้าใหม่ ๆ ที่สนใจการแลกเปลี่ยนพูดคุยหลากหลายที่มีความเป็นสากล และยากที่จะคาดเดา ‘ความเปราะบางและยิ่งใหญ่’ คือคำสำคัญในนิทรรศการครั้งนี้ ซึ่งไม่ได้มีจุดหมายเพื่ออธิบายภาพของอะไรออกมา และก็ไม่ได้อธิบายถึงทฤษฎีหรือแนวความคิดไหน แต่ทว่าเป็นการรวบรวมบทกวีเพื่อความไม่แน่นอนจะปรากฏตัวขึ้นในบางครั้งศิลปินกลุ่มนี้จะมีปฏิสัมพันธ์กับงานแสดงครั้งนี้ โดยคิดค้น ประกอบ ระบายสี และสร้างมันขึ้นมา ซึ่งเราคาดหวังได้ถึง การพูดคุยที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้น หรือแม้กระทั่งล้มเหลว แต่ความล้มเหลวและความว่างเปล่าก็เป็นคำสำคัญ ในศิลปะที่ควรถูกรวบรวมเอาไว้เพื่อทำให้เกิดพื้นที่สำหรับความเปราะบางและจินตนาการที่คาดไม่ถึงขึ้นมาได้ และความยิ่งใหญ่นั้นจะสัมพันธ์กับการปรากฏตัวขึ้น ที่สามารถเชื่อมโยงได้ ถึงแม้กับการดำรงอยู่ที่แม้ดูไม่ลงตัว


ขอเชิญร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๗


นิทรรศการ : MD3 Fragility and Monumentality
จัดโดย : แอนดรูว์ สโตล ร่วมกับ ฝ่ายนิทรรศการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ศิลปิน : แอนดรูว์ สโตล/ อะซูโกะ นากามูระ/ บี เถกิง พัฒโนภาษ/ อีริก เบนบริดจ์/ เจษฎา ตั้งตระกูลวงศ์/ ปัญญา วิจินธนสาร/ มิแรนดา ฮูสเด็น/ นาธาเนียล แร็กโคเวะ / เนลล์ เจฟฟรีส์/ นิพันธ์ โอฬารนิเวศน์/ ตินติน คูเปอร์/ ทักษิณา พิพิธกุล
วันที่ : ๒๗ มิถุนายน – ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๗
สถานที่: ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๙
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒ ๒๑๔-๖๖๓o–๘
อีเมล : info@bacc.or.th
เว็บไซต์ : //www.bacc.or.th
เฟซบุ๊ค : เฟซบุค Bacc
ทวิสเตอร์ : twitter/baccnews



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














"BEAT”


จังหวะ เป็นพื้นฐานในชีวิตมนุษย์ เราพบกับจังหวะได้ในทุก ๆ วัฏจักร นับตั้งแต่ การเกิด กลางวัน กลางคืน การมีฤดูกาล ทั้งสี่ฤดู การขึ้น การลงของน้ำการหายใจ การเต้นของหัวใจ การเดิน หรือแม้กระทั่งการดำเนินชีวิตของคน


บางครั้งเราจะพบว่าบางช่วงของชีวิตเรามีโชค ชีวิตดำเนินไปด้วยความราบรื่น แต่บางครั้งชีวิตเราก็ไม่มีโชคเอาเสียเลย ชีวิตก็สะดุด จากที่เคยโชคดีอาจล้มได้ในชั่วข้ามคืน ทั้งหมดล้วนเป็นจังหวะของชีวิต


เสียง เป็นคลื่นกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อวัตถุสั่นสะเทือนก็จะทำให้เกิดการอัดตัวและขยายตัวของคลื่นเสียงเสียงที่มนุษย์เราได้ยิน คือคลื่นเสียงเดินทางผ่านตัวกลางเสียงแต่ละเสียงมีความแตกต่างกัน เสียงสูง เสียงต่ำ เสียงดัง เสียงเบา คุณภาพของเสียงลักษณะต่าง ๆขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดของเสียงและจำนวนต่อรอบต่อวินาทีของการสั่นสะเทือนคุณลักษณะของคลื่นเสียง ได้แก่ ความยาวของคลื่นเสียง และความเร็วของคลื่นเสียงเสียงสูง เสียงตำ่ คือระดับเสียง สิ่งที่ทำให้เกิดระดับเสียง คือ ความเร็วและการสั่นสะเทือนของวัตถุ วัตถุที่สั่นเร็ว เสียงจะสูงกว่าวัตถุที่สั่นช้า


“BEAT” งานแสดงเดี่ยวโดย อาจารย์อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ ขอเชิญทุกท่านร่วมงานเปิดนิทรรศการในวันนี้ ณ หอศิลป์ตาดูไทยยานยนตร์ สุขุมวิท ๘๗ เวลา ๑๗.oo น.


นิทรรศการ : BEAT
ศิลปิน : อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ
วันที่ : ๓o พฤษภาคม – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : หอศิลป์ตาดูฯ สุขุมวิท ๘๗ (ชั้น ๒ ภายในโชว์รูมรถมิตซูบิชิ)
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๓๑๑-๔๙๕๓ , o๘๕-๔๓๗-๒๒๙๒







ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2557
0 comments
Last Update : 4 มิถุนายน 2557 10:14:44 น.
Counter : 2634 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.