happy memories
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๔๔





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










งานบุญครบ ๑oo วัน ของการสูญเสียศิลปินแห่งชาติ ถวัลย์ ดัชนี


จังหวัดเชียงราย พร้อมทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง จัดแถลงข่าวการจัดงานบุญครบ ๑oo วัน ของการสูญเสียศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี แห่งจิตรกรรมบ้านดำนางแล ในวันที่ ๑๒ – ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ



เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๗ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พร้อมด้วยนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ นายนคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการไร่แม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงราย นายดอยธิเบศร์ ดัชนี และเหล่าบรรดาศิลปินในวงการ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ภายในพิพิธภัณฑ์บ้านดำ ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย



เกี่ยวกับการจัดงานบุญ ๑oo วัน ทำบุญอัฐิ ดร.ถวัลย์ ดัชนี อดีตศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ที่ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วเมื่อวันพุธที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๗ ด้วยโรคตับวาย และจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑o กันยายน ๒๕๕๗ ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ที่ผ่านมานั้น



โดยทางจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกับทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย พร้อมใจในการจัดงานและกิจกรรมงานบุญ ๑oo วัน ทำบุญอัฐิ ภายใต้ชื่อว่า “เมือบ้านดำนางแล ครบ ๑oo วันถวัลย์ ดัชนี”



ทางด้านนายนคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการไร่แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในการจัดงานบุญ ๑oo วัน ของ ดร.ถวัลย์ ดัชนี อดีตศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ในวันที่ ๑๒ – ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๙.oo น. มีการจัดกิจกรรมเลี้ยงแขกผู้ใหญ่ แขกผู้มีเกียรติ การแสดง แสง สี เสียง ณ ภายในไร่แม่แม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย



ส่วนในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๘.oo น. จัดให้มีกิจกรรมทำบุญอัฐิ ของดร.ถวัลย์ ดัชนี ณ ภายในพิพิธภัณฑ์บ้านดำนางแล ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยมีกิจกรรมขบวนแห่ของนิสิตนักศึกษา ศิลปินเชียงราย ประชาชนทั่วไป เริ่มตั้งขบวนแห่จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อเคลื่อนขบวนแห่ไปยังพิพิธภัณฑ์ บ้านดำนางแล และยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย







ภาพและข้อมูลจากเวบ
konkao.net
เฟซบุค Thawan Duchanee














เข้าชมฟรี!! ผลงานศิลปะของ "ศ.ประหยัด พงษ์ดำ และ ดร.ถวัลย์ ดัชนี"


เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของ ๒ ศิลปินแห่งชาติที่จากไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน


เหล่านี้คือ ตัวอย่างผลงานศิลปะของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) ปี ๔๑ และ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี ๔๔ ที่ถูกนำออกมาจัดแสดง ให้ผู้สนใจเข้าชม วันนี้ - ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ โถงนิทรรศการชั่วคราว อาคารนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถ.เจ้าฟ้า


ผู้เข้าชมชาวไทย(ไม่เสียค่าบัตรเข้าชม)



































ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th
เฟซบุค Thawan Duchanee














'ลักซ์' เชิดชู ๗ บรมครูงานหัตถศิลป์


ผลงานสร้างสรรค์จากครูศิลป์ของแผ่นดินและทายาท ถือเป็นงานหัตถศิลป์ชั้นสูง ที่สืบทอดมาจากบรมครูช่างไทยแต่โบราณ มีความวิจิตรบรรจงเป็นที่เลื่องลือทุกยุคสมัยและได้ถ่ายทอดสู่ทายาทเพื่อฝึกฝน เรียนรู้ต่อ ๆ กันมาและพัฒนาจนเต็มเปี่ยมเอกลักษณ์ ยากที่ใครจะลอกเลียนแบบผลงานเหล่านั้นจึงทรงคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์และสะสม ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. จึงเปิดโครงการ LUX by SACICT ขึ้นเพื่อนำไปเผยแพร่ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของชาวไทยและชาวโลก โดย การุณ กิตติสถาพร ประธานกรรมการบริหาร ศ.ศ.ป. พร้อมด้วย พิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการ ร่วมกันจัดงานเปิดตัวโครงการฯ ขึ้นที่ ห้องสุโขทัยบอลรูม โรงแรมสุโขทัย เมื่อค่ำคืนวันก่อน






หลังจากพิธีการเปิดตัวตราสัญลักษณ์ "LUX" ด้วยรูปแบบการลงรักปิดทองแบบลายรดน้ำ การุณ กิตติสถาพร เปิดเผยถึงโครงการ " LUX by SACICT" ว่านับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงหัตถศิลป์ไทย เพราะเป็นการรวบรวมผลงานทรงคุณค่าที่รังสรรค์โดยครูศิลป์ของแผ่นดินและทายาทหัตถศิลป์ มานำเสนอภายใต้สัญลักษณ์เดียวกัน


"โครงการนี้ได้มีการกำหนดแผนการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ เริ่มจากเครื่องทองโบราณที่กำหนดแนวคิดเป็น โกล์ด ทัช (Gold Touch) ส่งผ่านความประกายเปล่งปลั่งและจิตวิญญาณแห่งทองจากยุค "สุวรรณภูมิ" สู่ชิ้นงานวิจิตรระดับมาสเตอร์พีซจากครูศิลป์ของแผ่นดินและทายาทรวม ๗ สาขา เพื่ออนุรักษ์ให้คงอยู่และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมการผลิตงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านและต่อยอดสู่งานหัตถศิลป์ที่ประณีตทรงคุณค่าเป็นการสร้างรายได้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวและชุนชนอีกด้วย" ประธานกรรมการบริหาร ศ.ศ.ป. กล่าว






ด้าน พิมพาพรรณ เผยว่า โครงการนี้ เป็นการสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการฟื้นฟู อนุรักษ์ และส่งเสริมงานหัตถศิลป์ระดับพื้นบ้านให้พัฒนาต่อยอดเป็นงานหัตถศิลป์ชั้นสูง สนับสนุนและเผยแพร่จนเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะผู้ที่รักงานศิลปะก็มีโอกาสสะสม หรือมีไว้ใช้ นำมาซึ่งความภูมิใจต่อเจ้าของผลงานและผู้ที่ได้ไว้ในครอบครอง เพราะการสนับสนุนผลงานของครูช่างจะเป็นหนึ่งกลไกที่ขับเคลื่อนขบวนการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางหัตถศิลป์ให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทย






ทั้งนี้ภายในงานซึ่งจัดมุมนิทรรศการและการสาธิตการสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์โดยบรมครูช่างทั้ง ๗ สาขา ได้แก่ ครูวีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูช่างผ้าทอไหมยกทอง หัวหน้ากลุ่ม "ผ้าทอยกทองจันทร์โสมา" จากจังหวัดสุรินทร์ ที่ใคร ๆ เรียกกันว่า "หมู่บ้านผ้าไหมเอเปค" เพราะทำผ้าทอยกทองลวดลายชั้นสูงแบบราชสำนักสำหรับตัดเสื้อและทำผ้าคลุมไหล่ให้กับผู้นำและคู่สมรส เมื่อครั้งไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจัดทำผ้าคลุมพระอังสาแด่ราชอาคันตุกะที่เสด็จมาร่วมงานพระราชพิธีมหามงคลเนื่องในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชสมบัติครบ ๖o ปี และล่าสุดได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเครื่องแต่งกายในโครงการ "โขนพระราชทานศาสตร์และศิลป์ของแผ่นดิน" เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ






ครูธานินทร์ ชื่นใจ ครูภูมิปัญญาด้านงานสกุลช่างเมืองเพชร เจ้าของผลงานตู้พระธรรมลายรดน้ำปิดทองอันเลื่องชื่อ ที่ฝากฝีมือไว้ในผลงานจิตรกรรมฝาผนัง ตำหนักสมเด็จพระสังฆราชและอุโบสถมากมายหลายแหล่ง ครูอุไร แตงเอี่ยม ครูช่างหัวหน้าบ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีการผลิตทั้งานอนุรักษ์และงานประยุกต์ต่อยอดจากลวดลายวิถีชีวิตไทยจนมีเอกลักษณ์โดดเด่นโดยเฉพาะ "เบญจรงค์ลายน้ำทอง" ครูเมตตา เสลานนท์ ครูช่างเครื่องลงหินรุ่นที่ ๖ ที่สืบทอดการทำ "ขันลงหิน" แห่งชุมชนบ้านบุ กรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นแหล่งสุดท้ายของหัตถศิลป์อันเป็นภูมิปัญญาที่สืบต่อจากบรรพบุรุษในสมัยกรุงศรีอยุธยา






ขณะที่ ครูนิคม นกอักษร ซึ่งนับว่าเป็นครูเครื่องถมเมืองนครเพียงไม่กี่ท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงาน "ถมตะทอง" ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิกชั้นสูงของานเครื่องถมที่หาดูได้ยากยิ่ง ต่อมา ครูปราโมทย์ เขาเหิน ทายาทหัตถศิลป์เครื่องทองสุโขทัย ผู้สืบทอดตำนานและองค์ความรู้ด้านเครื่องทองโบราณมาจากมารดา "ครูสมสมัย เขาเหิน แห่งบ้านทองสมสมัย ทองโบราณศรีสัชนาลัย ที่มีลวดลายอ่อนช้อยงดงามตามแบบทองโบราณทำด้วยมือ สุดท้าย ครูวัฒนา แก้วดวงใหญ่ ทายาทรุ่น ๓ ผู้สืบสานตำนานช่างทำหัวโขนมาจากปรมาจารย์ด้านหัวโขน ครูชิต แก้วดวงใหญ่ และ พระเทพยนตร์ (จำรัส ยันตระปรากรณ์) ช่างหัวโขนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


สนใจผลงาน ติดต่อ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ โทร. o๕๓-๓๖๗-o๕๔-๙ Call Center ๑๒๙๙



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net
เฟซบุค LUX-by-SACICT














นุ่งซิ่นสไตล์ตัวเอง เก๋ไก๋ ทันสมัย ได้เหมือนกัน


“ผ้า” นอกจากจะเป็นเครื่องนุ่งห่มประดับกายอันเป็น ๑ ในปัจจัย ๔ ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ยังแสดงถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ สำหรับประเทศไทยของเรานั้น พบหลักฐานการทอผ้ามานานหลายพันปี และได้มีการสืบทอดจนมาถึงปัจจุบัน โดยมีรูปแบบลวดลายและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ซึ่งก็เรียกโดยรวมว่า “ผ้าไทย” ปัจจุบัน “ผ้าไทย” อาจเลือนหายไปจากความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่ และมองว่าสวมใส่แล้วจะดูไม่ทันสมัย หรือจะนำมาใช้ต่อเมื่อมีงานสำคัญเท่านั้น


พิพิธภัณฑ์ผ้าใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงจัดเสวนาเรื่อง “ผ้าไทยในวิถีชีวิต” โดยมีวิทยากรคนสำคัญคือ วรพรรณ ยาคอปเซ่น ผู้ดูแลเพจ “นุ่งซิ่นอินเตอร์” หรือที่เป็นที่รู้จักในชื่อ “ปอนด์ ใจดีทีวี” เจ้าของรายการฮิตบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่างใจดีทีวี เผยประสบการณ์ ความคิดแรงบันดาลใจ และวิธีการนำผ้าไทยมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม สวยงามและทันสมัย เปลี่ยนมุมมองการใช้ผ้าไทยว่าไม่ใช่เรื่องของคนรุ่นเก่า เชย หรือล้าสมัยอีกต่อไป





วรพรรณ ยาคอปเซ่น ผู้ดูแลเพจนุ่งซิ่นอินเตอร์



วรพรรณ ยาคอปเซ่น ผู้ดูแลเพจนุ่งซิ่นอินเตอร์และเจ้าของรายการ “ใจดีทีวี” ถึงคุณแม่ผู้ เป็นต้นแบบ และความเป็นมาที่ทำให้ชื่นชอบผ้าไทย กระทั่งนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันจวบจนทุกวันนี้ว่า “ส่วนหนึ่งอาจเพราะเห็นคุณแม่นุ่งซิ่นกับเชิ้ตเท่ ๆ ทุกวัน จึงเหมือนซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในขณะที่ตัวเองเพิ่งมาเริ่มนุ่งซิ่นตอนอายุ ๓o ปี ช่วงที่เดินทางกลับมาจากนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่ยกย่องเอกลักษณ์ของตนอย่างน่าชื่นชม เพราะวันชาติของเขาทุกคนจะแต่งกายชุดประจำถิ่นออกมาเดินพาเหรดบนท้องถนนด้วยความภาคภูมิใจ ถือเป็นปาร์ตี้ประจำปีของประเทศนอร์เวย์ เราก็แอบคิดอยู่ในใจว่า เมืองไทยน่าจะมีแบบนี้บ้าง ประกอบกับมีดีไซเนอร์ชาวนอร์เวย์ให้ช่วยสั่งผ้าไหมไทย ซึ่งเขาชื่นชมว่าเป็นผ้าที่งดงามและเลอค่ามาก จากนั้นเมื่อได้ทำความรู้จักและสัมผัสผ้าไทยนานวันเข้า จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาแต่งตัวด้วยผ้าไทยในชีวิตประจำวัน โดยประยุกต์การนุ่งซิ่นในสไตล์ของตัวเอง พร้อมใส่เครื่องประดับให้ดูโดดเด่น และทันสมัยขึ้นกว่าเดิม แค่นี้ก็จะทำให้เรารู้สึกสนุกกับการแต่งตัวด้วยผ้าไทย ”


นอกจากนี้ วรพรรณ ยังได้รับแรงบันดาลใจในการใช้ผ้าไทยจากการที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริในการอนุรักษ์และสืบสานการใช้ผ้าไทย อีกทั้ง ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำผ้าไทยมาออกแบบตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์อยู่บ่อยครั้ง





ดร.อนุชา ทีรคานนท์ พร้อมผู้เข้าร่วมเสวนาในชุดแฟชั่นผ้าไทย



“ตอนเป็นเด็กได้ดูข่าวในพระราชสำนักทุกวัน แล้วฉลองพระองค์ในทุก ๆ วัน มีความงดงาม น่าตื่นเต้น เพราะพระองค์ไม่ได้ทรงผ้าไทยแบบเดิมๆ แต่นำผ้าไทยมาใช้ในรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นโค้ท เป็นหมวกเก๋แบบฝรั่ง เป็นเดรสกูตูร์ พระองค์ท่านทรงเป็นผู้จุดประกาย และทำให้ผ้าไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล หากพระองค์ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน และอนุรักษ์ ทุกวันนี้ผ้าไหม ผ้าฝ้ายก็อาจจะไม่มีคนเห็นคุณค่าในภูมิปัญญางานฝีมือท้องถิ่นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
จากการที่เป็นคนชอบติดตามข่าวสารในโลกโซเชียลมาเป็นเวลานานทำให้เห็นว่าโซเชียล มีเดีย มีอิทธิพลมากในการสร้างกระแสต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน จึงใช้โลกโซเชียลนี้มาแนะนำ พร้อม ๆ กับการอนุรักษ์นการนุ่งซิ่นไปในตัวด้วย


“มีครั้งหนึ่งนุ่งซิ่นไปงานอีเว้นท์ แล้วถ่ายภาพลงใจดีทีวี ซึ่งแฟน ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ต่างก็เข้ามากดไลค์ภาพนั้นกันอย่างถล่มทลาย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า คนรุ่นใหม่ก็ให้ฟีดแบกดี ๆ กับการนุ่งซิ่น เลยใช้แรงเหวี่ยงในวันนั้นก่อตั้งเพจนุ่งซิ่นอินเตอร์อย่างจริงจัง ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก มีลูกเพจมาร่วมแชร์การแต่งตัวด้วยผ้าซิ่น และผ้าไทยต่าง ๆ มากมาย พร้อมบอกเล่าที่มาว่าผ้าได้มาจากจังหวัดไหนบ้าง ลายผ้าอะไรบ้าง และสามารถหาซื้อได้ที่ไหน เรียกได้ว่า ’เพจนุ่งซิ่นอินเตอร์’ เป็นอีกหนึ่งจุดนัดพบของคนชอบแต่งตัวด้วยผ้าไทยมาร่วมแชร์ พร้อมร่วมอนุรักษ์ผ้าไทยไปพร้อม ๆ กัน





ผู้เข้าร่วมเสวนา เก๋ไก๋ เฉิดฉายในชุดแฟชั่นผ้าไทย



ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ผ้าใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง จัดตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมุ่งหวังให้เป็นแหล่งความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับผ้าตลอดจนประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกาย อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงปัจจุบัน สะท้อนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนักยุคต่าง ๆ รวมทั้งฉลองพระองค์ใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


พิพิธภัณฑ์ผ้าใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน เวลา ๙.oo-๑๖.๓o น. ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา ๑๕.๓o น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ ๑๕o บาท ผู้สูงอายุ (อายุ ๖๕ ปีขึ้นไป) ๘o บาท นักเรียน/นักศึกษา ๕o บาท เด็กอายุ ๑๒ – ๑๘ ปี ๕o บาท เด็กอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี เข้าชมฟรี สำหรับผู้ซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง สามารถใช้บัตรดังกล่าวเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. o๒-๒๒๕-๙๔๒o, o๒-๒๒๕-๙๔๓o ต่อ o หรือ ๒๔๕





ศรินญา ครุศานติ





สุชาวดี และ ลาวัลย์ ธีรประทีปสกุล





ประทีป และ อังคณารักษ์ ทรงสวัสดิ์กุล



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com












"วิวสวย เงียบสงบ"



ภาพแห่งความประทับใจ ในมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย



ภาพถ่ายที่ได้รับรางวัล ที่ ๑, ๒ และ ๓ จากประกวดภาพถ่าย หัวข้อ “ภาพแห่งความประทับใจ ในมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย” จัดโดย กรมการท่องเที่ยว


คณะกรรมตัดสิน ได้แก่ นายยรรยง โอฬาระชิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ศิลปะภาพถ่าย) พ.ศ. ๒๕๕o, นายวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ศิลปะภาพถ่าย) พ.ศ.๒๕๕๒, นายกนิษ เทพศรีเมือง ศิลปินนักถ่ายภาพไทย ประจำปี ๒๕๕๕, นายบุณฐไชย ไชยวิรุณเจริญ กรรมการและเลขาธิการ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ และ นายพงศกร อารีศิริไพศาล อาจารย์ประจำภาควิชา การโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ


ตัดสินให้ภาพถ่ายต่อไปนี้ได้รับรางวัล


ประเภทภาพถ่ายผ่านเลนส์

รางวัลที่ ๑ นายอนันต์ จิรมหาสุวรรณ ชื่อภาพ “วิวสวย เงียบสงบ” ภาพถ่ายจากแหลมสิงห์โฮมสเตย์ จังหวัดจันทบุรี

รางวัลที่ ๒ นายวินนิวัตร ไพรตรงสัตย์ ชื่อภาพ “สายฝนโปรยปราย” ภาพถ่ายจากโฮมสเตย์บ้านเหล่าพัฒนา จังหวัดเชียงใหม่

รางวัลที่ ๓ นางฐิตารีย์ ปทุมอัครินทร์ ชื่อภาพ “โยคะแบบธรรมชาติ” ภาพถ่ายจากผาบุคาโฮมสเตย์ จังหวัดนครราชสีมา


ประเภทภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ

ตัดสินจากการกด Like ใน Facebook fanpage : Home Stay Standard Thailand

รางวัลที่ ๑ นายเจษฎาพร รัฐประสาท ชื่อภาพ “บันไดแห่งความทรงจำ” ภาพถ่ายจากโฮมสเตย์บ้านหัวหาด จังหวัดสมุทรสงคราม

รางวัลที่ ๒ น.ส.พนิดา ประเทือง ชื่อภาพ “อ้อมกอดของภูเขา” ภาพถ่ายจากโฮมสเตย์บ้านแม่สาใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

รางวัลที่ ๓ นายอรรถพล ทองยัง ชื่อภาพ “เด็กน้อยชาวปะหล่อง” ภาพถ่ายจากโฮมสเตย์ปางแดงใน จังหวัดเชียงใหม่





"สายฝนโปรยปราย"





"โยคะแบบธรรมชาติ"





"บันไดแห่งความทรงจำ"





"อ้อมกอดของภูเขา"





"เด็กน้อยชาวปะหล่อง"



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














Handmade ๔๘ ชิ้นงาน สร้างแรงบันดาลใจให้หันมาเห็นคุณค่าของงานช่างฝีมือ


๔๘ ชิ้นงาน ในคอนเซปต์ Handmade ของ ๑๙ ช่างฝีมือท้องถิ่น นักออกแบบ และนักพัฒนาผู้เป็นเจ้าของทักษะและเทคโนโลยีทันสมัย พื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนหันมาเห็นคุณค่าของงานช่างฝีมือ ได้แก่ ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ผู้ก่อตั้งแบรนด์เฟอร์นิเจอร์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Osisu, อานนท์ ไพโรจน์ โปรดักส์ดีไซเนอร์ชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก, พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร นักแสดงและนักออกแบบที่มีใจรักสิ่งแวดล้อม, เดชา อรรจนานันท์ และ พลอยพรรณ ธีรชัย แห่ง Think Studio ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลนักออกแบบแห่งปี ๒๕๕๖ สาขาการออกแบบเครื่องเรือน และ Francois Russo ผู้ก่อตั้ง Maison Takuya แบรนด์เครื่องหนังที่เน้นการผลิตด้วยมือ ฯลฯ


ส่วนชิ้นงานที่จัดแสดงในนิทรรศการ อาทิ Kenya Seating สตูลกึ่งม้านั่งยาวจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Osisu ทำจากเศษไม้และพู่ทำผ้าม่าน เน้นการทำงานด้วยมือและใช้เศษวัสดุ เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังงานในการผลิตครั้งแรกเป็นสำคัญ, Toong Collection เครื่องใช้ที่ทำจากไม้มะม่วงเพ้นท์ลายตุงซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมล้านนา โดยนักออกแบบชาวนิวยอร์ก Craig Anczelowitz และ แบรนด์เครื่องใช้ที่ทำจากไม้ United Art, “มุ้งผ้าใยกัญชง” มุ้งป้องกันยุงที่นำใยกัญชงมาถักเป็นหลังคา โดย พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และ กลุ่มผลิตภัณฑ์ใยกัญชงห้วยทราย แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่


นอกจากนี้ยังมี Tote Bag with Jade Buckles กระเป๋าหนังตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีต เพิ่มความล้ำค่าด้วยการนำหยกแกะสลักมาเป็นหูกระเป๋า โดย Francois Russo ผู้ก่อตั้ง Maison Takuya แบรนด์เครื่องหนังที่เน้นการผลิตด้วยมือ, Brass Jewellery Collection เครื่องประดับทองเหลืองที่นำผ้าซิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ และใช้เทคโนโลยี 3D Printing มาช่วยสร้างชิ้นงานให้สมบูรณ์ โดย พิชญา ศรีระพงษ์ นักออกแบบเครื่องประดับเจ้าของแบรนด์ Pitch, Tango Boots รองเท้าบู๊ทที่ตัดเย็บจาก Vertical Textile วัสดุสิ่งทอโลหะที่นำมาออกแบบเป็นแฟชั่นไอเทมครั้งแรก โดยแบรนด์สิ่งทอเฉพาะทาง Ausara และแบรนด์แฟชั่นไทยดีไซเนอร์ที่เน้นการตัดเย็บด้วยมืออันประณีตอย่าง Tango เป็นต้น


นิทรรศการ Wallpaper* Thai Edition x Siam Center present Wallpaper* Handmade Exhibition 2014 ระหว่างวันนี้ - ๓o กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ไอเดีย อเวนิว ชั้น ๑ สยามเซ็นเตอร์



































ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














ศิลปะร่วมสมัยในชีวิต Harmony World Puppet Carnival


“การสร้างสรรค์งานศิลปะนั้นนับเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของคนเรา เช่น ศิลปะในการทำอาหาร ศิลปะในการทำงาน ศิลปะในการเขียนหนังสือ การพูด การคบเพื่อน การแต่งกาย ซึ่งเราจะพบว่า ความสุขที่เกิดขึ้นล้วนมีที่มาจากการสร้างสรรค์งานศิลปะเหล่านั้นนั่นเอง”


คำกล่าวของ เขมชาติ เทพไชย ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม เปิดใจก่อนจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ เขาบอกว่า ชีวิต การงาน หน้าที่ของ เขมชาติ เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนมหาวชิราวุธ จนกระทั่งเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และจบปริญญาโท คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เข้ารับราชการเป็นนักโบราณคดี ในหน่วยศิลปากรที่ ๓ จังหวัดสุโขทัย และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่เรื่อยมาจนกระทั่งได้เข้ามาดูแลสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย


ผลงานตลอด ๒ ปีที่เข้ารับหน้าที่ ผอ.สศร. ได้ส่งผ่านความสุขไปสู่คนไทยด้วยผลงานศิลปะอย่างเป็นรูปธรรมในโครงการดี ๆ ระดับนานาชาติ เช่น การจัดนิทรรศการ World Watermedia Exposition, Thailand หรือ มหกรรมสื่อสีน้ำโลก ประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่สามารถนำเสนอผลงานสีน้ำจากศิลปินนานาชาติ, โครงการ “ภาพสวยกวีใส” The International Photographer and Writer ซึ่งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ จ.กระบี่ และ จ.ชลบุรี ผ่านงานศิลปะภาพถ่ายและบทความนิตยสารไปสู่นักท่องเที่ยวในต่างประเทศมากมาย






กระทั่งงานใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือน พฤศจิกายน ๒๕๕๗ นี้ ได้แก่ โครงการเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพ “Harmony World Puppet Carnival” ซึ่งประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลหุ่นโลกปี ๕๗ โดยมีประเทศตอบรับร่วมงานมากสุดในประวัติศาสตร์ถึง ๗๔ ประเทศทั่วโลก เขาบอกว่าวิธีทำงานศิลปะให้เป็นรูปธรรมนั้น ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญคือการดำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เน้นการสืบสาน สร้างสรรค์ และบูรณาการ การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สังคม ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจและภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของชาติและวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ


แม้ในเดือนกันยายนปีนี้ จะครบกำหนดเกษียณอายุราชการแล้วก็ตาม แต่เขาบอกว่า ก็ยังมีไฟในการทำงานอย่างเต็มเปี่ยม หนึ่งในเป้าหมายต่อจากนี้ไป ประการแรก อาจเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ไปเป็นที่ปรึกษาให้แก่หน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ที่สามารถนำความรู้และประสบการณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีคุณค่าต่อประเทศชาติได้ไม่มากก็น้อย และคงจะได้มีเวลาอ่านหนังสือที่เก็บสะสมไว้มากกว่า ๑,ooo เล่ม งานสะสม ทั้งแสตมป์ ของเก่า พระเครื่อง ฯลฯ เขียนหนังสือ เป็นเรื่องขององค์ความรู้ที่เกี่ยวกับวิชาชีพพื้นฐาน และวิชาชีพที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานมากว่า ๓๖ ปี







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net
worldpuppetcarnival.com














แรงบันดาลใจ


นิทรรศการ "แรงบันดาลใจ : Inspiration" ผลงานโดย สนามชัย พวงระย้า (Sanamchai Puangraya) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๔ - ๒๘ กันยายน ๒๕๕๗ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.oo น. ณ ห้องนิทรรศการ ๕ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า


แรงบันดาลใจ


สิ่งที่มนุษย์สร้างสรรขึ้น เกิดจากการมีแรงบันดาลใจเป็นตัวขับเคลื่อน ส่งผลต่อการพัฒนาในหลายด้าน ทำให้เกิดนวัตกรรม แรงขับที่เกิดขึ้นจากภายในสู่ภายนอก โดยใช้ประสบการณ์หรือการได้พบเห็นสิ่งรอบตัว เช่นในอดีตมนุษย์เห็นนกที่บินบนท้องฟ้า จึงทำให้เกิดแรงผลักดันที่อยากบินขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าเหมือนนก เลยทำให้เกิดการคิดค้น พัฒนาจนสามารถที่จะบินบนท้องฟ้าได้อย่างนกต่อเนื่องมาถึงจนปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดประโยชน์มากมายทั้งการขนส่งสินค้า การเดินทางไปมาจากทวีปหนึ่งไปอีกทวีปหนึ่ง เกิดความเชื่อมโยงของผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น


การเรียนรู้จากสิ่งภายนอกที่ได้สัมผัส จึงมีผลต่อการตอบสนองและกระตุ้นความต้องการของมนุษย์ ธรรมชาติมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์ในหลายด้านอย่างปฏิเสธไม่ได้เป็นต้นกำเนิด ไอเดียทางวิทยาศาสตร์เรื่องแรงโน้มถ่วง พืชพันธุ์บางชนิดยังค้นพบนำมาใช้ตอบสนองรักษาอาการเจ็บป่วย ยาอายุวัฒนะ ความสวยความงาม ผ่านการสะสมความรู้มากมาย ส่งผลต่อการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีความทันสมัย ทำให้มีอายุยืนยาว สิ่งที่มีในธรรมชาติถูกนำมาใช้เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่ตอบสนองต่อการดำรงชีวิต มีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมในแบบที่หลากหลาย โดยเฉพาะวิถีการกินอยู่ของมนุษย์ ซึ่งแต่ละพื้นที่หรือทวีป ผู้คนมีการกินอยู่ที่แตกต่างกัน ยิ่งในปัจจุบันเรามีการเดินทางและการสื่อสารของโลกที่สะดวกมากขึ้น เราจึงได้เห็นสิ่งที่กลุ่มคน สังคม ท้องถิ่น ที่มีความแตกต่างกันทางด้านการบริโภค เช่นประเทศไทยของเรามีการบริโภคแมลงกันเป็นเรื่องปกติ


เมื่อมีคนอีกทวีปมาเยี่ยมเยือนและพบเห็น ทำให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมการกิน เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถึงประโยชน์ทางอ้อมว่าแมลงเป็นอาหารที่มีโปรตีนชั้นดี ทำให้คนอีกวัฒนธรรมมีการบริโภคตาม อีกทั้งรูปลักษณะยังถูกนำไปใช้ในเชิงความเชื่อเช่นในสมัยอียิปต์โบราณ หรือแม้แต่การนำไปสู่การสร้างบทเพลงมากมาย เช่นในอดีตเรามีนักร้องชื่อดัง คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ กับบทเพลงตั๊กแตนผูกโบว์ หรือเพลงผึ้งน้อย เป็นต้น ภาพยนตร์บางเรื่องยังนำสิ่งที่มีในธรรมชาติมาตั้งชื่อเรื่อง เช่น ผีเสื้อและดอกไม้ อีกทั้งแมลงบางชนิดยังถูกนำไปเป็นต้นแบบ ซุปเปอร์ฮีโร่ จากวัยเด็กที่เราคุ้นเคยกัน ทั้งหมดที่ได้ยกตัวอย่างมา ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความผูกพันของมนุษย์ที่มีต่อธรรมชาติที่เราอาศัยอยู่ เพราะเราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาตินั้น


แรงบันดาลใจที่ผมนำมาถ่ายทอด เกิดจากการมองเห็นปรากฎการณ์ ความงามทางรูปทรงที่มีอยู่ ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวนำมาสร้างสรรเป็นผลงานทางศิลปะ เพื่อเติมเต็มในด้านที่อ่อนโยนของมนุษย์และตอบสนองสุนทรียภาพแต่ละบุคคลที่มีอยู่ในตนไม่มากก็น้อย อีกนัยหนึ่งผมก็อยากให้เราช่วยกันดูแลและรักษาธรรมชาติ เพื่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตรอบตัวเรา











ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com
เฟซบุคนิทรรศการ














Visionaries


สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ร่วมกับสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพ (Bangkok Fashion Society) และกลุ่มช่างภาพแฟชั่นชั้นนำของเมืองไทย รวมพลังครั้งสำคัญยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ ๔o ปี จัดอีเว้นท์แห่งปีที่ต้องจารึกในหน้าประวัติศาสตร์วงการแฟชั่นไทย “Visionaries : 40 Years of Thai Fashion Through the Eyes of Photographers” วันที่ ๙ กันยายน – ๕ ตุลาคม ๒๕๕๗





วสันต์ ผึ่งประเสริฐ, ชนิสา แก้วเรือน, และ พลพัฒน์ อัศวะประภา



ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ เป็นศูนย์การค้ามาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทย และยังครองตำแหน่งการเป็นศูนย์กลางแห่งแฟชั่นสุดล้ำมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย ที่สำคัญที่สุด สยามเซ็นเตอร์ เป็นศูนย์รวมของดีไซเนอร์ไทยชั้นนำจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย มีแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยชื่อดังทั้งระดับแถวหน้าและแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังมาแรง รวมกว่า ๔o แบรนด์ สยามเซ็นเตอร์ได้ให้การสนับสนุนและผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศมาโดยตลอด ในโอกาสครบรอบ ๔o ปี สยามเซ็นเตอร์ จึงตั้งใจจัดงานที่ต้องเป็นที่จารึกในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการแฟชั่นไทยอีกครั้งหนึ่ง จึงได้ร่วมกับ สมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพ (Bangkok Fashion Society) และ กลุ่มช่างภาพแฟชั่นชั้นนำของเมืองไทย มารวมพลังจัดงานแฟชั่นอีเว้นท์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ ๔o ปี ในงาน “Visionaries : 40 Years of Thai Fashion Through the Eyes of Photographers” โดยได้รับการสนับสนุนการจัดงานจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ , บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด , บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด , และ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด





สองช่างภาพชั้นนํา วสันต์ผึ่งประเสริฐ และ ณัฐ ประกอบสันติสุข



พลพัฒน์ อัศวะประภา นายกสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯ กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสดีที่สมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯ ได้ร่วมจัดงานครั้งสำคัญครั้งนี้ เพราะในปีนี้ สมาคมฯ ได้เข้าสู่ปีที่ ๑o กับบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่นไทยมาอย่างต่อเนื่อง งานที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นงานที่ท้าทายที่สุดงานหนึ่งของสมาคมฯ เพราะเราตั้งใจให้เป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจในความสามารถ พลังและศักยภาพของคนในวงการแฟชั่นไทย ที่เป็นที่จับตามองของผู้คนในวงการแฟชั่นทั่วโลก งาน“Visionaries : 40 Years of Thai Fashion Through the Eyes of Photographers” เป็นงานที่รวมสุดยอดปรากฎการณ์ครั้งแรกของเมืองไทย ประกอบด้วย นิทรรศการภาพถ่ายแฟชั่นถ่ายทอดเรื่องราวแฟชั่นไทยร่วมสมัย (Modern Thai Fashion) ซึ่งกลุ่มช่างภาพชั้นนำของวงการแฟชั่นกว่า ๒o คน มาร่วมแสดงนิทรรศการร่วมกันเป็นครั้งแรก, นิทรรศการภาพถ่ายเพื่อเชิดชูเกียรติ “วิทยา มารยาท” ช่างภาพระดับตำนานของวงการแฟชั่นไทย ซึ่งถือเป็นนิทรรศการแสดงผลงานของวิทยา มารยาท อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก, และ งานกาล่าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ ๔o ปีของวงการแฟชั่นไทย





ธาดา วารีช และ พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ ช่างภาพแฟชั่นชื่อดังแห่งยุค ๒ooo



วสันต์ ผึ่งประเสริฐ ผู้แทนกลุ่มช่างภาพแฟชั่นชั้น กล่าวว่า “หากต้องการศึกษาวิวัฒนาการของแฟชั่นสมัยใหม่ของไทย วิธีการที่ง่ายที่สุด คือ การศึกษาจากภาพถ่ายแฟชั่นในยุคต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่นในแต่ละยุคได้เป็นอย่างดี แต่การค้นหาภาพถ่ายแฟชั่นในอดีตนั้นกลับเป็นยาก เพราะต้องค้นหาตามนิตยสารแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เล่มเก่า ๆ ซึ่งมีผู้เก็บสะสมอยู่จำนวนไม่มาก จึงต้องกลับไปถึงต้นกำเนิดของภาพถ่ายแฟชั่นเหล่านั้น นั่นก็คือ ช่างภาพแฟชั่นผู้กดชัตเตอร์ถ่ายภาพเหล่านั้นนั่นเอง





ช่างภาพระดับกูรู วิรัช จัตตุวัฒนา และ นพดล ขาวสําอางค์



Exhibition 1 ไฮไลท์สำคัญที่กลุ่มช่างภาพแฟชั่นได้ร่วมกันจัดขึ้นเป็นพิเศษ คือ นิทรรศการ “Witaya Marayat : A Tribute” นิทรรศการภาพถ่ายเพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่ “วิทยา มารยาท” ช่างภาพชั้นนำในยุค ’80s ผู้บุกเบิกการถ่ายภาพแฟชั่นยุคใหม่ที่สามารถสะท้อนถึงเรื่องราวของแบรนด์ไทยในสมัยนั้นได้อย่างลงตัว และผู้ผลักดันให้แฟชั่นร่วมสมัยก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวการทำงานของ วิทยา มารยาท ได้รับการถ่ายทอดพร้อมกับผลงานสุดคลาสสิกกว่า ๗o ผลงาน





ลัคณา วิรุณานนท์, สุเมธ วิวัฒน์วิชา, โชตวิชช์ สุวงศ์,
วสันต์ ผึ่งประเสริฐ, และ ณัฐ ประกอบสันติสุข



Exhibition 2 “40 Years of Thai Fashion Through the Eyes of Photographers” เป็นนิทรรศการครั้งแรกของวงการแฟชั่นไทย ที่นำเสนอภาพถ่ายแฟชั่นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สะท้อนวิวัฒนาการแฟชั่นไทยตลอดระยะเวลา ๔ ทศวรรษ แบ่งเป็น นิทรรศการภาพถ่ายของช่างภาพชั้นนำตั้งแต่ยุค 1970s, 1980s, 1990s และ 2000s


กล่าวได้ว่า นิทรรศการครั้งนี้ เป็นการรวมตัวครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง ของช่างภาพแฟชั่นชั้นนำที่กรุณาคัดเลือกและมอบผลงานที่หาชมได้ยากมาจัดแสดงในนิทรรศการ ได้แก่ ผลงานของ นภดล โชตะสิริ นำเสนอภาพแฟชั่นยุค 1970s, ผลงานของ โชตวิชช์ สุวงศ์, และศักดิ์ชัย กาย นำเสนอภาพแฟชั่นยุค 1980s, ผลงานของ วสันต์ ผึ่งประเสริฐ, วิรัช จัตตุวัฒนา, สุเมธ วิวัฒน์วิชา, นพดล ขาวสำอางค์, อมาตย์ นิมิตภาคย์, ณัฐ ประกอบสันติสุข, ลัคณา วิรุณานนท์, องค์อร อุปอินทร์, สืบพงษ์ สิงหสุต, และชิระ วิชัยสุทธิกุล นำเสนอภาพแฟชั่นยุค 1990s, ผลงานของ พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์, สุรัตน์ จริยวัฒนวิจิตร, จุฑารัตน์ พรมุณีสุนทร, ธาดา วารีช, สุรศักดิ์ อิทธิฤทธิ์, และธนนนท์ ธนากรกานต์ นำเสนอภาพแฟชั่นยุค 2000s ถึงปัจจุบัน





บรรยากาศงานแถลงข่าว



โดยนิทรรศการภาพถ่ายแฟชั่น ทั้ง ๒ ส่วน คือ นิทรรศการภาพถ่ายของช่างภาพชั้นนำตั้งแต่ยุค 1970s, 1980s, 1990s และ 2000s และ นิทรรศการภาพถ่ายแฟชั่นเพื่อเชิดชูเกียรติ “วิทยา มารยาท” จะจัดแสดงที่บริเวณ ชั้น ๑ สยามเซ็นเตอร์ ระหว่างวันที่ ๙ กันยายน - ๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ นี้ และที่พิเศษสุด คือ หนังสือที่ระลึกของงานนิทรรศการ ที่จัดทำอย่างงดงามและพิมพ์จำนวนจำกัด จัดจำหน่ายเฉพาะในงานโดยมอบรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายให้แก่องค์กรสาธารณกุศล


ในขณะเดียวกัน สยามเซ็นเตอร์ ยังได้ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำคัดเลือกไอเท่มเด็ดจากดีไซเนอร์ไทยชั้นนำที่ฮอตฮิตในช่วง ๔o ปี ที่ผ่านมา นำกลับมาผลิตใหม่ Re production เป็นคอลเลคชั่นพิเศษในแบบ Absolute Siam จำหน่ายให้คนรักแฟชั่นที่ยังคิดถึง และอยากเป็นเจ้าของ must have item ในอดีต ได้มีโอกาสอีกครั้ง





ชนิสา แก้วเรือน ผู้บริหารสยามเซ็นเตอร์
และ พลพัฒน์ อัศวะประภา นายกสมาคมแฟชั่น ดีไซเนอร์กรุงเทพ



พลพัฒน์ กล่าวว่า “อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ ที่จะเป็นแฟชั่นอีเว้นท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี นี้ คืองานกาล่า“Visionaries : 40 Years of Thai Fashion Through the Eyes of Photographers” ซึ่งจะจัดขึ้น ณ สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำ เทรนด์ ในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นงานกาล่าสุดเอ็กซ์คลูซีพที่คนในวงการแฟชั่นทุกสาขาอาชีพทั่วฟ้าเมืองไทย จะได้รับเทียบเชิญเพื่อร่วมพบปะสังสรรค์พูดคุยเรื่องราวในวงการแฟชั่นครั้งสำคัญในรอบ ๔o ปี และยังมีการประมูลผลงานภาพถ่ายแฟชั่นระดับมาสเตอร์พีช ของ วิทยา มารยาท เพื่อร่วมรำลึกถึงคุณูปการ ที่ช่างภาพชั้นครูมีต่อวงการแฟชั่นไทย


สัมผัสตำนาน ๔o ปี แฟชั่นไทย กับงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการแฟชั่นแห่งปี “Visionaries : 40 Years of Thai Fashion Through the Eyes of Photographers” ณ ศูนย์กลางแห่งแฟชั่นไทยมาตลอด ๔o ปี สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ระหว่างวันที่ ๙ กันยายน – ๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ นี้



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thanonline.com














นิทานคุณหนูและศิลปะประดิษฐ์


กิจกรรม “นิทานคุณหนูและศิลปะประดิษฐ์”
เชิญพบกับนิทานอาเซียนเรื่อง “กำเนิดค้างคาว”
โดยห้องสมุดศิลปะ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เสาร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.oo-๑๕.๓o น.
สถานที่ โถงชั้น L


นานมาแล้ว แมวตัวหนึ่งจับนกกินเป็นอาหารแล้วทิ้งขนนกมากมายไว้ ต่อมาแมวจับหนูได้ แต่ยังไม่กินจึงทิ้งหนูไว้ในกองขนนกนั้น หนูแค่สลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีขนนกติดอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออกจึงลองบินดู หนูบินไปหานางนกเพื่อขอแต่งงาน แต่นกไล่หนูไปและบอกว่าหน้าตาน่าเกลียดเหมือนหนู หนูเสียใจจึงบินกลับไปหาเพื่อนหนู แต่เพื่อนหนูก็ไม่ยอมรับเข้ากลุ่ม บอกว่าหนูก็ไม่ใช่ นกก็ไม่เชิง หนูมีปีกเสียใจมาก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามนิทานเรื่องนี้ได้ตามวันและเวลาดังกล่าว


ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม และพบกับโบโซ่ลูกโป่งแฟนซี เวลา ๑๓.๓o น.
ลงทะเบียนกิจกรรมได้ที่ o๒-๒๑๔-๖๖๓o-๘ ต่อ ๑๒๖, ๑๒๗ (อังคาร-อาทิตย์: ๑o.oo-๑๘.oo น.)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคหอศิลป์กรุงเทพฯ














ประติมากรรมเลโก้


งานประติมากรรมที่ทำขึ้นจากตัวต่อเลโก้หลากสีสันถูกนำมาจัดแสดงในงานนิทรรศการงานศิลป์จากตัวต่อเลโก้ในกรุงลอนดอนของอังกฤษภายใต้ชื่องานดิ อาร์ท ออฟ บริค (The Art Of Brick) ซึ่งมีการจัดแสดงงานศิลป์ตัวต่อเลโก้มากกว่า ๘o ชิ้น ใช้ต่อตัวเลโก้รวมกันทั้งหมดกว่า ๑ ล้านชิ้น โดยหนึ่งในผลงานที่ได้รับความสนใจอย่างมากเป็นประติมากรรมตัวต่อเลโก้มนุษย์ในหลากหลายลักษณะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานของนาธาน ซาวายา ศิลปินชาวนิวยอร์ค นอกจากนี้ก็ยังมีภาพตัวต่อเลโก้ที่ทำเป็นภาพวาดของศิลปินชื่อดังระดับโลกอีกหลายภาพ โดยงานนิทรรศการนี้่จะเปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๖ ก.ย. ๒๕๕๗



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipbs.or.th




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 25 กันยายน 2557
Last Update : 26 กันยายน 2557 22:54:45 น. 0 comments
Counter : 5686 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.