happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
13 กุมภาพันธ์ 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๘o




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










"ศิลปะบูชาสมเด็จพระสังฆราช”


คณะศิษยานุศิษย์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และวัดบวรนิเวศวิหาร ร่วมจัดงานมหรสพสมโภชในกาล ๑o๙ วันการพระศพ โดยใช้ชื่องานว่า "สตมวารสมโภช ปูชนียคีตา" ศิลปะบรรณาการ ร้อยเก้าวัน การพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันเสาร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ณ บริเวณหน้าพระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธาน และมีพระธีรโพธิ ภิกขุ (อาจารย์ธีระพันธุ์ ลอไพบูลย์) เป็นผู้ริเริ่มและสร้างสรรค์งาน


พระธีรโพธิ ภิกขุ กล่าวว่า สำหรับงาน "สตมวารสมโภช ปูชนียคีตา" นั้น ได้จัดขึ้นด้วยแนวความคิดที่จะใช้การขับขานและศิลปะการแสดงต่างๆ เป็นประหนึ่งเครื่องบรรณาการ อาทิ เดี่ยวซอสามสาย, ขับเสภา บทร้อยกรอง "พระผู้บรรลุสันติ", การแสดงแสงเงา "ชีวิตนี้น้อยนัก" การแสดง "เสี้ยวกาง" ทวารบาลวัดบวรฯ ผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา โดยนักแสดงของกรมศิลปากร และไฮไลท์ของงาน คือ การรวมดารา ศิลปิน นักร้องจำนวน ๑o๙ คน เพื่อขับร้องประสานเสียงเพลง "พระผู้บรรลุกาล" โดยรูปแบบการจัดงานนั้น ได้สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแขนงต่าง ๆ ได้แก่ ดุริยางคศิลป์ คีตศิลป์ และนาฏศิลป์ ที่นำมาประยุกต์ให้ร่วมสมัย


"การที่อาตมาได้เข้ามามีโอกาสร่วมถวายงานพระศพสมเด็จพระสังฆราช ถือว่าเป็นบุญใหญ่ของอาตมา เพราะเพิ่งมาเป็นพระบวชใหม่ในพรรษานี้ ก่อนบวชได้ตั้งใจอยากทำงานถวายพระองค์ท่าน โดยวาดรูปพระองค์ท่านขึ้นมา ๑oo รูป เพื่อทำหนังสือฉลอง ๑oo พระชันษา แต่กาลล่วงเลยมาจากวันที่ ๓ ตุลาคม มาอีก ๒๑ วัน กลับกลายเป็นงานพระศพ อาตมาจึงตัดสินใจที่จะอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ต่อเพื่อทำงานถวายพระองค์ท่าน บัดนี้ล่วงเลยมากว่า ๑oo วัน"


"อาตมาก็มีความคิดในฐานะคนทำงานศิลปะ เลยชักชวนเพื่อนพ้องผู้ที่มีความเคารพเทิดทูนบูชาเจ้าพระคุณสมเด็จ ชักชวนศิลปิน คนทำศิลปะ คนทำงานวัฒนธรรม ดนตรี ดุริยางคศิลป์ มาร่วมกันถวายศิลปะบูชา หรือศิลปะเพื่อบรรณาการ อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสมารับรู้วิถีของสมเด็จพระสังฆราช ท่านทรงมีพระเมตตาผ่านงานศิลปะ วัฒนธรรม บทเพลงที่เรียกได้ว่าไม่เกินเลย แล้วมีความเคารพบูชาอย่างเต็มเปี่ยม" พระธีรโพธิ ภิกขุ กล่าว



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














"ศิลปินรวมใจ สร้างศิลปะ เทิดไท้ถวายองค์ราชันย์”


กลุ่มศิลปินอิสระ’๙๖ นำผลงานศิลปะจำนวนกว่า ๔oo ชิ้น มาจัดแสดงและจำหน่าย ในนิทรรศการภาพวาดศิลปกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ศิลปินรวมใจ...เทิดไท้องค์ราชันย์” นำโดย อ.สมาน คลังจตุรัส ประธานกลุ่มศิลปินอิสระ’๙๖


ซึ่งเป็นอาจารย์หัวหน้าแผนกวาดภาพสีน้ำมัน ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมด้วย ศิลปินอาชีพและสมัครเล่น ชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยทุกคนต่างสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่ทั้งหมดตามแนวถนัดของศิลปินแต่ละคนผ่านเทคนิคที่หลากหลาย อาทิ สีน้ำ สีน้ำมัน สีอะครีลิค งานศิลปะบนกระเบื้องเคลือบ และประติมากรรม


ผลงานส่วนหนึ่งถ่ายทอดพระราชกรณียกิจเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพ ตลอดจนพระวิสัยทัศน์ของพระองค์ ระหว่างวันนี้ – ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑o.oo – ๑๙.oo น. ทุกวันยกเว้นวันพุธ ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถนนราชดำเนินกลาง โทร. o-๒๒๘๑-๕๓๖o-๑

รายได้จากการจำหน่ายส่วนหนึ่ง นำทูลเกล้าฯถวายโดยเสด็จพระราชกุศล ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร











































ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค arteyeview













"พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์...ในหลวงในดวงใจ”


โปสเตอร์..พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์....ในหลวงในดวงใจ..ขอพระองค์ทรงพระเจริญ...


โดยศิลปิน ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี ขนาด ๔๒ × ๕๙ ซม.ราคารูปละ ๒oo บาท


จะวางจำหน่ายวันเดียว..วันที่ ๑๔ ก.พ.นี้ ที่เวทีชิดลม Art Lane 4


รายได้มอบให้ กปปส...โดยไม่หักค่าใช้จ่าย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Art Eye View














'โขน' สายใยจากกษัตริย์สูประชาชน


วัตถุสำคัญที่สะท้อนประวัติความเป็นมาอันเก่าแก่และสำคัญในด้านศิลปะการแสดงโขน อย่างศีรษะทศกัณฐ์หน้าทองทรงมงกุฎยอดชัยประดิษฐ์ด้วยโลหะ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ หรือศีรษะทศกัณฐ์หน้าพระอินทร์ ที่กรมพิณพาทย์และโขนหลวงสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๖ ตามพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ ตอนทศกัณฐ์แปลงเป็นพระอินทร์ เชื่อกันว่าได้ใช้แสดงเพียงครั้งเดียว
ศีรษะหนุมาน งานฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตลอดจนพระขรรค์งาช้าง ของดั้งเดิม เครื่องประดับโดยช่างฝีมือสมันรัตนโกสินทร์ วัตถุโดดเด่นเหล่านี้ กรมศิลปากรจัดแสดงให้ชื่นชมในนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ๒๕๕๖ เรื่อง “โขน : อัจฉริยนาฏกรรมสยาม” ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และเปิดให้ประชาชนเข้าชมจนถึงวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๗ รวมเวลา ๓ เดือน






นิทรรศการพิเศษฯ เรื่อง โขน : อัจฉริยนาฏกรรมสยาม ประกอบด้วย องก์ที่ ๑ โขน : อัจฉริยนาฏกรรมสยาม องก์ที่ ๒โขน : นาฏกรรมงามล้ำค่า องก์ที่ ๓ : สิ่งที่ควรรู้ว่ากว่าจะมาเป็นโขน องก์ที่ ๔ เสียงปี่พาทย์ลาดตะโพนชมโขนลงโรง องก์ที่ ๕ โขนสืบสายใยโยงด้วยกษัตรา น่าสนใจที่แต่ละองก์นำเสนอองค์ความรู้ทางวิชาการพร้อมด้วยวัตถุสำคัญ ด้วยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในสถาบันกษัตริย์ที่ทรงมีคุณูปการต่อศิลปะการแสดงโขน และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงอุปถัมภ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ กรมศิลปากรชูคุณค่ามรดกโขน จะได้อยู่คู่สังคมไทยตลอดไป






อนันต์ ชูโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า มรดกไทยมีหลายแขนง อย่างโขนเป็นนาฏกรรมเก่าแก่ เป็นการละเล่นมหรสพในโรงที่นิยมมาทุกยุคสมัย ถือเป็นมรดกสำคัญที่สืบทอดมาจนปัจจุบัน มีพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงอุ้มชูการแสดงโขนกรมศิลปากรตลอด สมเด็จพระราชินีทรงรื้อฟื้นโขน ให้ศึกษา ค้นคว้า ปรับปรุงเครื่องแต่งกายโขนให้งดงาม สมเด็จพระเทพฯ ทรงบรรเลงระนาดเอกประกอบการแสดงโขนกรมศิลปากร ตลอดจนพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดการแสดงโขนในงานพระราชพิธีเลี้ยงต้อนรับราชอาคันตุกะประเทศต่างๆ






การจัดนิทรรศการพิเศษขึ้นนี้ อนันต์ย้ำว่าแสดงให้เห็นถึงการแสดงโขนมีความวิจิตรงดงามในองค์ประกอบศิลปะโขน ทั้งกระบวนท่ารำ เพลงร้อง ทำนองดนตรี เครื่องแต่งกาย การพากย์ เจรจา และวิธีการแสดง เป็นมรดกไทยที่บรรพชนสร้างขึ้นจากภูมิปัญญา กว่าจะมาเป็นโขนต้องคัดเลือกผู้แสดงที่ผ่านการฝึกหัดอย่างหนัก เต้นเสา ถีบเหลี่ยม ฉีกขา หักข้อมือ ตีลังกา ไม่รวมเครื่องแต่งกายและเครื่องโรง เครื่องดนตรี และฉาก ในนิทรรศการฉายวีดิทัศน์การแสดงโขนกลางแปลง โขนหน้าจอ และโขนฉาก






“แม้จะมีการหลั่งไหลของวัฒนธรรม แต่โขนเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงมีมาแต่โบราณและไม่มีวันตาย เนื้อเรื่องที่แสดงใช้บทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ของรัชกาลที่ ๑, ๒, ๔ และ ๖ เด่นที่มีรัก โลภ โกรธ หลง อิทธิปาฏิหาริย์ รวมถึงสอดแทรกศีลธรรม คุณธรรมครบ ก็ปรับเนื้อให้ทันสมัย เดินเรื่องเร็วขึ้น ผู้แสดงสวมหัวโขนปิดหน้า ตัวพระ-นางสวมชฎา มงกุฎ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ชุดแต่งกายก็รังสรรค์งดงาม ทำให้การแสดงนี้ตระการตา” รองอธิบดีกรมศิลปากรกล่าวมรดกชิ้นเอกของชาติจะคงอยู่






สำหรับศิลปินโขนละครผู้มีฝีมือนั้น รองธิบดีกรมศิลปากรยืนยันไม่ทอดทิ้งแม้เกษียณราชการ แต่ก็มีหน้าที่ฝึกหัด ให้ความรู้วิชาศิลปะนี้ เป็นบุคคลสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อสร้างผู้แสดงรุ่นใหม่


สนใจชมนิทรรศการพิเศษฯ เรื่องโขน : อัจฉริยนาฏกรรมสยาม จะได้เรียนรู้มรดกแขนงนี้แบบลึกซึ้ง และได้ชมวัตถุสำคัญแต่ละชิ้นหาชมได้ยาก แต่ถ้าอยากได้ยินเสียงปี่พาทย์ลาดตะโพนตื่นตาตื่นใจ ชมโขนลงโรงจริง ๆ ตลอดปีนี้ มีการแสดงโขนของกรมศิลปากรที่โรงละครแห่งชาติ.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com
soclaimon.wordpress.com














"I&I by DOPPEL”


เตรียมพบกับ นิทรรศการศิลปะชุด I&I โดย สองศิลปินชาวญี่ปุ่น BAKIBAKI (Kohei Yamao) และ MON (Koutaro Ooyama)


ซึ่งรวมตัวกันในนาม DOPPEL มาตั้งแต่ปี ๒oo๑ ในเกียวโต และเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินวาดภาพสดระดับแนวหน้า


ระหว่างวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ - ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗


ณ Artery Post-Modern Gallery ถ.สีลม ๑๙ กรุงเทพฯ โทร. o-๒๖๓๕-๓๑๓๓-๔ และ o๘๕-๙๑๗-๘๘๙๑



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Art Eye View















"๒ ศิลปินเปิดศึกประชันระนาด สืบสานเสน่ห์เครื่องดนตรีเอกของไทย”


เริ่มหาดูยากขึ้นทุกทีสำหรับ "การประชันระนาด" ศิลปะการแสดงที่เติมเสน่ห์ให้กับเอกอาวุธชิ้นสำคัญของดนตรีไทย ไม่เพียงแต่เป็นการวัดฝีมือและไหวพริบทางระนาดกันเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้เล่นมั่นฝึกซ้อมพัฒนาทักษะทางดนตรีให้กับตัวเองด้วย เหตุนี้เองจึงเกิดการแสดงดนตรีไทย ตอน “ศึกระนาดสะท้านโลก” หนึ่งในกิจกรรมตามโครงการ “ร้องรำทำเพลง บนพื้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย” โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม


ศึกระนาดครั้งนี้เป็นการท้าประลองของ ชัยยุทธ โตสง่า หรือป๋อม บอยไทย นักระนาดที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจน ขอวัดฝีมือกับนักระนาดรุ่นใหญ่ ประสิทธิ์ อินทรพิพัฒน์ หรืออาจารย์เบี้ยว ยอดฝีมือจากเมืองสุพรรณบุรีที่หาใครเทียบยาก ซึ่งในวงการดนตรีไทยทราบกันดีว่าทั้ง ๒ ท่าน มีฝีไม้ลายมือสุดยอด และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสประชันแบบจริง ๆ จัง ๆ บนเวที ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย


เพลงแขกมอญ เพลงไทยชั้นครู ที่ครั้งนี้ได้นำมาเป็นไฮไลต์ของการประชัน โดยอาจารย์เบี้ยวยังคงบรรเลงได้อย่างหนักแน่น คงเส้นคงวา พลิ้วไหวในทุกทำนอง ขณะที่ป๋อม บอยไทย มือระนาดรุ่นลูก ก็นำเอกลักษณ์ลีลาระนาดที่รวดเร็ว ด้วยการเพิ่มจังหวะเป็น ๖ ชั้น เล่นทางให้ระนาดในเพลงแขกมอญ ๓ ชั้น ต่างจากที่เคยได้ยิน เรียกได้ว่าประชันกันตัวต่อตัว เพลงต่อเพลง ทำเอาคนดูนั่งกันไม่ติด ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้รับฟังการบรรเลงเพลงบุหลันเถา โดยนักดนตรีวงบอยไทยที่มีการปรับเปลี่ยนดัดแปลงดนตรีใหม่ เพิ่มสีสันกับเพลงไทยโบราณให้มีความแปลกใหม่ยิ่งขึ้น แต่ก็คงซึ่งทำนองและเอกลักษณ์เดิมไว้ได้อย่างดี


ชัยยุทธ โตสง่า หรือป๋อม บอยไทย ผู้เปิดศึกครั้งนี้ได้กล่าวถึงงานว่า การจัดครั้งนี้เป็นการจัดลักษณะเดียวกับในภาพยนตร์โหมโรง ซึ่งในภาพยนตร์หรือแม้แต่ละครที่เกี่ยวกับดนตรีไทย มักจะพูดถึงการแพ้ชนะในการประชัน แต่บนเวทีนี้เราอยากตัดสิ่งนั้นออกไปให้เหลือแต่วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม เพราะสังเกตเห็นได้ว่าปัจจุบันการประชันระนาดจะไม่มีให้คนไทยได้ชมมากนัก จึงมุ่งหวังอยากจะให้โหมโรงมาอยู่นอกจออย่างจริงจัง ตลอดจนอยากให้ผู้ฟังได้ฟังกันอย่างเต็มอิ่มมากกว่าในภาพยนตร์ และศึกระนาดสะท้านโลกจะยังคงจัดต่อเนื่องเช่นนี้ทุกปี


"ความโดดเด่นของการแสดงครั้งนี้คือความสด เนื่องจากศิลปินทั้ง ๒ คนไม่มีการซ้อมด้วยกันมาก่อน เราจะแก้เพลงกันบนเวทีให้ฟังกันสด ๆ" ป๋อม บอยไทย เล่า


พร้อมกับเพิ่มเติมให้ฟังอีกว่า คนรุ่นหลังยังคงให้ความสนใจเรียนดนตรีไทย โดยเฉพาะระนาดเอกอย่างต่อเนื่อง แต่การประชันนั้นกลับไม่ได้รับการส่งเสริมหรือความนิยมเท่าที่ควร แม้แต่ในวิทยาลัยก็เป็นเพียงการประลองกันในวงเล็ก ๆ เท่านั้น ตลอดจนการจัดประชันของทางกรมศิลปากร ส่วนใหญ่มีเพียงข้าราชการเข้าไปแข่งขันกัน ไม่มีครูระนาดชาวบ้านมาร่วมมากนัก ซึ่งหากนับครูระนาดฝีมือดีที่อยู่ในชุมชนต่างๆ แล้วยังมีอยู่จำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้นอยากให้การประชันระนาดได้รับการผลักดัน ส่งเสริม ให้เป็นประเพณีสำคัญของวงการดนตรีไทยต่อไปในอนาคตด้วย รวมถึงช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป


ด้านมือระนาดชั้นครูอย่าง ประสิทธิ์ อินทรพิพัฒน์ หรืออาจารย์เบี้ยว ได้เผยถึงความสำคัญของการประชันว่า การประชันขันแข่งเปรียบเหมือนการทดสอบฝีมือ และไม่ว่าเราจะมีวิชาความรู้ในแขนงไหน ย่อมที่จะอยากทดสอบตัวเองว่ามีความสามารถระดับไหน สู้กับคนอื่น ๆ ได้หรือไม่ หากไม่มีการประชันหรือแสดงให้คนอื่นได้ฟังจะไม่มีความกระตือรือร้นที่อยากจะฝึกซ้อม จึงกล่าวได้ว่าเป็นการกระตุ้นให้เราพัฒนาทักษะทางด้านดนตรีได้อย่างดี ซึ่งเพลงส่วนใหญ่ที่นำมาประชันนั้นจะเป็นเพลงในประเภทเสภา ประกอบด้วย จระเข้หางยาว,พม่า ๕ ท่อน, บุหลันเถา เป็นต้น


"เช่นวันนี้ที่ประชันกันด้วยเพลงโหมโรงแขกมอญ เป็นเพลง ๓ ชั้นที่ต้องเดี่ยวระนาดในท่อนที่ ๓ เรียกได้ว่าเป็นเพลงชั้นครูที่ได้รับความนิยม ทั้งนี้ทั้งนั้น จะรู้ว่าแพ้หรือชนะ เราจะสามารถประเมินตัวเองได้ว่าสู้ได้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับผู้ฟังเป็นคนตัดสิน อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่จะทำให้การดนตรีไทยไม่สูญหาย รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ควรให้การส่งเสริมอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย" มือระนาดรุ่นใหญ่ทิ้งท้าย.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
culture.go.th














"Tree of Life”


โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก เปิดตัว นิทรรศการศิลปะ “ต้นไม้แห่งชีวิต” เพื่อสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของโรงแรมที่เน้นในด้านศิลปะ การดีไซน์ และแฟชั่น


นิทรรศการศิลปะในครั้งนี้เป็นการจัดแสดงผลงานร่วมกันของศิลปินนักออกแบบ เจส และ จิตรา แกนนิ่ง ทั้งสองท่านถือเป็นศิลปินคู่ที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบแนวร่วมสมัย และยังมีความโดดเด่นในการออกแบบด้วยการสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้ใบไม้สีทอง สีเงิน และการปิดทองแบบดั้งเดิมด้วยเทคนิคที่ทันสมัย ทำให้ผลงานนั้นดูมีชีวิตชีวาและสมจริง สำหรับผลงานที่จะจัดแสดงในครั้งนี้ เจส และ จิตรา แกนนิ่ง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ธาตุทั้ง ๕ ได้แก่ โลหะ ไม้ ดิน น้ำ และไฟ โดยธาตุทั้ง ๕ นี้ยังเป็นแนวความคิดหลักในการออกแบบต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม โซฟิเทล โซ แบงคอก ออกแบบโดย มิสเตอร์ คริสเตียน ลาครัวซ์


งานนิทรรศการศิลปะต้นไม้แห่งชีวิตนี้จะแสดงถึงธาตุทั้ง ๕ ผ่านผลงานศิลปะ โดยธาตุดินจะสื่อออกมาผ่านพื้นหลังของภาพ ธาตุน้ำจะถูกถ่ายทอดผ่านภาพเขียนรูปฟองสบู่ ในขณะที่ภาพใบไม้เงินและทองจะสื่อถึงธาตุโลหะ ธาตุไฟจะถูกแสดงออกผ่านการเล่นแสงและเงา ส่วนธาตุไม้นั้นจะได้รับการถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์ที่น่าสนใจจากธรรมชาติ นั่นก็คือ กิ่งก้านสาขาและรากของต้นไม้


เกี่ยวกับ เจซี แกนนิ่ง

ศิลปินชาวเอเชียเจ้าของผลงานการออกแบบศิลปะร่วมสมัยซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยการผสมผสานงานฝีมือดั้งเดิมเข้ากับวิธีการที่ทันสมัย เจสและจิตราได้รับการยอมรับไปทั่วโลกผ่านแนวคิดที่นำเอาวัฒนธรรมตะวันออกมาผสานรวมกับวัฒนธรรมตะวันตก ด้วยการใช้เทคนิคไทยโบราณ นำใบไม้สีทองและสีเงินมาเป็นสื่อกลางในการสร้างผลงาน ซึ่งช่วยแสดงถึงความลึกในองค์ประกอบของชิ้นงาน ภาพศิลปะดั้งเดิมของไทยถูกนำมาถ่ายทอดความหมายใหม่ผ่านมุมมองของชาติตะวันตกและนิกายเซน เพื่อเป็นการแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และการยอมรับจากทั่วโลก ในปี ๒o๑๒ ลูกค้าเอกชน จากประเทศสิงคโปร์ได้เปิดแกลเลอรี่ศิลปะไว้เพื่อที่จัดแสดงผลงานของ เจซี แกนนิ่ง โดยเฉพาะ


ประวัติของศิลปินและนักออกแบบ

เจส แกนนิ่ง ย้ายจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดไปยังทวีปเอเชียพร้อมกับอนุปริญญา สาขาวิจิตรศิลป์ จากวิทยาลัยศิลปะ Monkwearmouth และในการเดินทางครั้งนี้ เจสได้รับแรงบันดาลใจจากภาพ เสียง และกลิ่นของภูมิทัศน์ที่แตกต่างกัน ทำให้เขาเริ่มสร้างงานศิลปะชิ้นแรกขึ้นในปี ๒oo๖ ด้วยการผสมเอาพืชพันธุ์ท้องถิ่น โลหะ และเทคนิคการแกะสลักสามมิติที่สื่อถึงความเป็นเอเชียเข้าด้วยกัน


จิตรา แกนนิ่ง เกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ ผลงานของจิตราได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติและแฟชั่น เมื่อรวมเข้ากับวิสัยทัศน์และทักษะทางด้านศิลปะของเจส ชิ้นงานศิลปะแต่ละชิ้นจึงเต็มไปด้วยพลัง และยังบอกเล่าเรื่องราวผ่านพื้นผิว รูปแบบ และการออกแบบ






นิทรรศการ : “ต้นไม้แห่งชีวิต”
ศิลปิน : เจส และ จิตรา แกนนิ่ง
วันที่ : ๑๙ กุมภาพันธ์ – ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : บริเวณสตรีท ล๊อบบี้ (ชั้น G) ของโรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : o๒-๖๒๔-oooo
อีเมลล์ : h6835@sofitel.com


โซฟิเทล โรงแรมระดับโลกกับความหรูหราสไตล์ฝรั่งเศส เป็นโรงแรมลักซ์ชัวรี่แบรนด์ของฝรั่งเศส มีอยู่ใน ๕ ทวีปทั่วโลก กว่า ๑๒o แห่ง ใน ๔o ประเทศ (มีห้องพักมากกว่า ๓o,ooo ห้อง) โซฟิเทลประกอบไปด้วยโรงแรมและรีสอร์ทที่ตกแต่งร่วมสมัยให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้บริการ ที่คาดหวังความประทับใจในการบริการที่มีคุณภาพและความเป็นเลิศ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่าง ปารีส ลอนดอน นิวยอร์ก เซียงไฮ้ ปักกิ่ง หรือ ตั้งอยู่ในประเทศ โมร็อกโค อียิปต์ ฝรั่งเศส หรือ ไทย โซฟิเทลแต่ละแห่งจะมอบประสบการณ์ของความเป็นอัจฉริยะทางด้าน ไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของฝรั่งเศส


โซฟิเทล เลเจ้นท์ และโซฟิเทล โซ เป็นสองแบรนด์ที่มาร่วมส่งเสริมโซฟิเทลลักซ์ชัวรี่โฮเทล
โซฟิเทล เลเจ้นท์ เป็นโรงแรมที่มีสัญลักษณ์ของตำนานและนิยาย ที่มีอยู่มาหลายศตวรรษและเป็นมรดกล้ำค่า ที่โรงแรมโซฟิเทล เลเจ้นท์ เมโทรโพล ฮานอย, โรงแรม โซฟิเทล เลเจ้นท์พระราชวังอัมสเตอร์ดัม, โรงแรมโซฟิเทลเลเจ้นท์ โอลคาทาแร็ค แอซวัน และ โรงแรมโซฟิเทล เลเจ้นท์ ซานตาคลารา การ์ตาเคนา


โซฟิเทล โซ เป็นบูติคโฮเทลแห่งใหม่ที่มีเอกลักษณ์ด้านการดีไซน์และให้ความสำคัญด้านการออกแบบทันสมัย โดยสถาปนิกชื่อดังหรือผลงานการตกแต่งจากเซเลบบริตี้ที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น ดีไซน์และผลงานศิลปะระดับโลก อาทิโรงแรม โซฟิเทล มอริเซียส, โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก และ โรงแรม โซฟิเทล โซ สิงคโปร์ (๒๕๕๗)


เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ : sofitel.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














"DUO Sweet Abstract 2014”


ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษต้อนรับวันวาเลนไทน์ในงาน “DUO Sweet Abstract 2014” ขึ้น โดยได้เชิญ ๒ ศิลปินคู่ซี้ชั้นแนวหน้าของภูเก็ต ได้แก่ อาจารย์วัชรินทร์ ยอดนิตย์ และอาจารย์อนุวัฒน์ สิริรัตนจิตต์ กลุ่มศิลปินชิโนอาร์ต ที่มีความโดดเด่นและสุดยอดฝีมือที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะในรูปแบบกึ่งนามธรรม (Semi Abstract) ได้อย่างมีมิติ เร้นลับ แต่สอดประสานความนุ่มนวล และละเอียดทางอารมณ์ ความรู้สึก ไว้ได้อย่างลงตัวมาร่วมจรดพู่กันวาดลวดลาย สีสันศิลปะแห่งความรักในจินตนาการ ผสานบทเพลงแห่งความรักแสนหวานที่จะมาบรรเลงสดตลอดทั้งงาน ให้ทุกคู่รักได้สัมผัสความงดงามและเพิ่ม ความหวานกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการผลงานศิลปะที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักในรูปต่าง ๆ ของทั้ง ๒ ศิลปินมาจัดแสดงให้ชมกันตลอดทั้งเดือนแห่งความรักนี้อีกด้วย















ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com














"วาด เล่น เต้น เขียน เติมเต็มฝัน”


โครงการธรรมวรรณศิลป์ สถาบันยุวโพธิชน ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดกิจกรรมค่ายฤดูร้อนแบบ ไป-กลับ ๔ วัน หัวข้อ “วาด-เล่น-เต้น-เขียน-เติมเต็มฝัน” ติววิชาชีวิต ได้แก่ การรู้จักตัวเอง การคิดเป็น การรู้จักสัมพันธภาพและสังคม และความสุข ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเชิงผ่านประสบการณ์ ด้วยกิจกรรมกลุ่มและศิลปะที่ไม่เน้นทักษะ


เปิดรับเยาวชนอายุระหว่าง ๑๓-๑๘ ปี ไม่จำกัดเพศและศาสนา ร่วมค่ายแบบ ไป-กลับ วันที่ ๒๙-๓o มีนาคม และ ๔-๕ เมษายน ๒๕๕๗ เวลา ๘.๓o น. ถึง ๑๗.oo น. ณ อาคาร Plaza East ธนาคารไทยพาณิชย์ (สาขาใหญ่) ถนนรัชดาภิเษก เขต จตุจักร ใกล้กับเมเจอร์ รัชโยธิน


สิ่งที่ผู้เข้าร่วมจะได้รับ

-เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มและกิจกรรมศิลปะง่าย ๆ ในพื้นที่แห่งการรับฟัง และการเรียนรู้ร่วมกัน
- เข้าร่วมกิจกรรมที่พัฒนาความคิด จิตใจ และพฤติกรรม
- รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้เครื่องมือในการค้นหาตัวเอง เกิดแรงบันดาลใจค้นหาตนเพิ่มเติม
- พัฒนากระบวนการคิด แก้ปัญหา เปิดรับ เชื่อมโยง และจับประเด็น
- พัฒนาการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และการทำงานเป็นทีม
- รู้จักสังคมมากขึ้นผ่านสารคดีและกิจกรรม
- ค้นหาความสุขที่แท้จริง


ค่าใช้จ่ายตามบริจาค ๑oo-๑,๕oo บาท (รับผิดชอบอาหารกลางวันของตัวเอง)


โครงการฯมุ่งส่งเสริมการจัดกิจกรรมดีๆให้กับสังคมที่ใช้ค่าใช้จ่ายน้อยและเข้าถึงผู้คนให้มากที่สุด ด้วยกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมคุณภาพแบบเดียวกับคอร์สราคาหลักพันถึงหมื่นบาทขึ้นไป


ค่ายฤดูร้อนเป็นกิจกรรมที่สถาบันยุวโพธิชนได้จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา ๙ ปีผ่านหัวข้อหลากหลายและเปิดรับเยาวชนจากหลายพื้นที่ ในปีนี้ได้มีการปรับกระบวนการเพื่อจัดในกรุงเทพฯแบบไม่ค้างคืนเพื่อเปิดโอกาสให้กับเยาวชนที่ไม่สะดวกเข้าค่ายระยะยาวได้มีส่วนร่วม


ติดต่อสมัครได้โดยการ บอกข้อมูลส่วนตัว สถานศึกษา เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ และที่สำคัญเหตุผลที่สมัครเข้าร่วม โอนค่าใช้จ่าย ผ่านบัญชีไทยพาณิชย์ สาขาแยกศรีวรา เลขที่ ๑๔o-๒๕๖๗๖๒-o หรือ ให้ในวันอบรม (โปรดแจ้งล่วงหน้า) ส่งได้ที่ youngawakening@gmail.com หรืออินบอกซ์ เฟซบุคเขียนเปลี่ยนชีวิต โครงการธรรมวรรณศิลป์

ติดตามกิจกรรมที่ผ่านมาได้ที่ youngawakening.org หรือ เฟซบุคโครงการ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
youngawakening.org














"๒ ศิลปิน ต่อ ๑ แคนวาส การผจญภัยบนเฟรมผ้าใบเพื่อสร้าง “ภาพปริศนาธรรม””


เพิ่งจะมีงานศิลปะแสดงเดี่ยวชุด “ตีท้ายครัว” ให้ชมไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ต้นปีนี้ ตะวัน วัตุยา มีงานชุดใหม่มาให้ชมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกับศิลปินต่างชาติ ลูกครึ่งฮังการี - สวีเดน SI-LA-GI ผู้สนใจเลือกตะวันร่วมทำงานโปรเจกต์เดียวกับเขา นั่นคือร่วมผจญภัยอย่างสนุกสนานไปกับการสร้างสรรค์ผลงานลงบนแคนวาสเดียวกัน หลังจากเคยร่วมทำงานในลักษณะนี้กับศิลปินต่างชาติมาแล้วหลายคน บ้างเป็นศิลปิน ๒ คน หรือ ๓ คน ต่อ ๑ แคนวาส






“ก่อนหน้านี้ SI-LA-GI เคยมาเมืองไทยหลายครั้งแล้ว และต่อมาเมื่อ ๘ ปีที่แล้ว เขาก็มาอีกครั้งและอยากจะหาศิลปินสักคนที่จะทำงานร่วมกัน จึงเริ่มต้นด้วยการค้นหาว่ามีแกลเลอรี่ไหนบ้างที่พอจะให้คำแนะนำ ซึ่ง ถัง แกลเลอรี่ ได้แนะนำผมไป และเขาก็ได้มาเยี่ยมสตูดิโอของผม เราก็เลยตกลงที่จะทำงานด้วยกัน


ครั้งแรกเรางานทำงานขึ้นมา ๒ ชิ้นใหญ่ ๑ ชิ้นเก็บไว้ที่ผม และอีก ๑ ชิ้น เขานำกลับด้วย หลังจากนั้นอีก ๓ ปีถัดมา ผมไปแสดงงานที่ปารีส พอเปิดงานเสร็จผมไปหาเขาที่บูดาเปสต์ (เมืองหลวงของประเทศฮังการี) ไปเที่ยวและพักอยู่กับเขา และทำงานร่วมกันอีกนิดหน่อย จนเมื่อปีที่แล้ว เขามางานแต่งงานเพื่อนฝรั่งที่เมืองไทย และมาพักอยู่ที่บ้านผม และพอดีผมมีแคนวาสเก็บไว้ในสตูดิโอเยอะ เราก็เลยทำงานร่วมกันอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่าสองครั้งแรก โดย SI-LA-GI มาพักและทำงานอยู่กับผมที่สตูดิโอ ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี ๕๖ จนถึงปลายมกราคมปีนี้ ประมาณสองเดือนเพื่อทำงานโปรเจกต์นี้ เมื่อทางผู้จัดการของถังแกลเลอรี่ไปที่สตูดิโอผม ได้ดูงานแล้วเกิดชอบและเห็นว่างานพร้อมแล้ว จึงเชิญมาแสดงงานช่วงต้นปีนี้เสียเลย จากที่เราแพลนกันไว้ว่าจะแสดงช่วงปลายปี ๕๗”






ตะวันบอกเล่าถึงที่มาของการทำงานร่วมกันในวันเปิดนิทรรศการเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่เช้าของอีกวัน SI-LA-GI จะบินกลับฮังการี


ด้าน SI-LA-GI กล่าวแนะนำตัวเองว่า เขาเรียนจบในระดับไฮสกูลที่ฮังการี กระทั่งอายุ ๑๖ ปี จึงย้ายมาเรียนศิลปะ ในระดับมหาวิทยาลัย ที่กรุงสตอกโฮล์มประเทศสวีเดน ปัจจุบันนี้มีสตูดิโอสำหรับทำงานศิลปะอยู่ทั้งที่สวีเดนและฮังการี


SI-LA-GI เคยมีโอกาสแสดงงานกับ Ai Weiwei ศิลปินและนักเคลื่อนไหวชื่อดัง ผู้ทำงานวิจารณ์สังคมและวัฒนธรรมจีนมาแล้ว เขาบอกถึงเหตุผลที่สนใจทำงานร่วมกับศิลปินไทยอย่างตะวันว่า เป็นศิลปินที่ค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเอง,มีอิสระทางความคิด รวมไปถึงคำจำกัดความง่ายๆที่ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้มากความดังที่ตะวันบอกว่า “เคมีตรงกัน”






ขณะที่ตะวันได้ไขถึงเหตุที่ศิลปินสองคนนึกสนุกกับการทดลองเขียนภาพบนแคนวาสเดียวกัน พร้อมกับยกตัวอย่างผลงานบางชิ้นให้นึกภาพตามว่า


“สำหรับผมมันการคุยกันของศิลปินสองคนบนแคนวาส ยกตัวอย่างภาพหมาภาพนี้ มันเริ่มมาจาก SI-LA-GI วาดสีฟ้าขึ้นมา แล้วเขาก็นั่งดูมัน สักพักเขาก็มาเติมก้อนเมฆ พอเติมเสร็จแล้ว เราเองก็ไม่รู้ว่าเราจะไปต่อยังไง ผมนั่งอยู่สักพัก นึกถึงหมา ผมก็วาดหมาใส่เข้าไป จากนั้นเราทั้งสองคนมานั่งดูและคุยกัน ในที่สุดเราต่างรู้สึกว่าภาพชิ้นนี้มันจบแล้ว แต่บางภาพเราก็วาดทับกันไปทับกันมาหลายครั้ง การทำงานในลักษณะนี้ ว่าไปแล้วมันเหมือนเป็นการผจญภัยไปด้วยกัน บางครั้งผมก็เริ่มวาดก่อน บางครั้งเขาก็เริ่มก่อน หรือบางครั้งมันก็จบง่าย ๆ ขณะที่บางภาพเราต้องวาดทับกันนับสิบครั้ง”






อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกันครั้งนี้ ตะวันบอกว่า ถ้านับเวลาทั้งหมดของการทำงานตลอดทั้งโปรเจกต์ พวกเขาใช้เวลาไปกับการนั่งพินิจพิจารณามากกว่าการลงมือทำ


“งานแต่ละชิ้นไม่ได้เสร็จภายในวันเดียว หลายชิ้นเราต้องผ่านการพูดคุย นั่งดู แก้ไข นั่นคือเราใช้เวลาไปกับการที่จะไม่ทำมากกว่าทำ”


เช่นกัน SI-LA-GI กล่าวว่า “ใครก็ได้ที่อาจจะเป็นคนเริ่มวาดก่อน จากนั้นอีกคนก็ค่อยมาวาดต่อ ภาพแต่ละภาพสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา บางทีภาพหนึ่งภาพ เราวาดแล้วหยุดพักไปก่อนคืนนึง แล้วค่อยมาเริ่มใหม่”






นอกจากนี้ ยังบอกถึงที่มาของ KOANS ชื่อของนิทรรศการว่า มีรากศัพท์มาจากภาษาญี่ปุ่น หมายถึง ปริศนาธรรม เพราะการชมนิทรรศการครั้งนี้ ทั้งเขาและตะวัน ต่างต้องการเปิดกว้างให้ผู้ชมได้มีโอกาสตั้งคำถามและตีความเองว่า ภาพเขียนแต่ละภาพ ศิลปินสองคนต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม


“เวลาชมงานศิลปะ ความคิดของผู้ชมอาจโลดแล่นไปในหลากหลายเรื่องราว และบางครั้งก็อาจเกิดการตั้งคำถามกับภาพเขียนที่ชมอยู่ว่า ศิลปินคิดอะไร ผมจึงอยากให้ผู้ชมค้นหาว่า อะไรคือสิ่งที่เราสองคน (ผมและตะวัน) สนทนากัน และอะไรคือสิ่งที่เราอยากสนทนากับผู้ชม” SI-LA-GI กล่าวทิ้งท้าย



KOANS นิทรรศการศิลปะ โดย SI-LA-GI และ ตะวัน วัตุยา ระหว่างวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ - ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ Tang Contemporary Art เลขที่ 919/3 ชั้น 5 Silom Galleria ถ.สีลม ๑๙ กรุงเทพฯ โทร.o-๒๖๓o-๑๑๑๔















ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"EMOTIONS โดย สุดาภรณ์ เตจา”


อารมณ์
ภาพเขียน โดย สุดาภรณ์ เตจา
๑๔ มกราคม - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
เซรินเดีย แกเลอรี่ โอ.พี.การ์เด้น ซอยเจริญกรุง ๓๖ กรุงเทพฯ


หนึ่งปีหลังจากการร่วมมือระหว่างเซรินเดีย แกเลอรี่ และ ไทยลี้วูด อาร์ตติส เรสซิเดนซี่ นำมาสู่นิทรรศการล่าสุด ‘EMOTIONS’ นำเสนอ สุดาภรณ์ เตจา หรือ ส้ม (๒๕๒๙) ศิลปินหญิงรุ่นใหม่ ซึ่งกำลังจะจบการศึกษาระดับปรัญญาโท จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สาขาจิตกรรม เธอได้ทำงานอยู่ท่ามกลางศิลปินจากนานาประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกจากไทยลี้วูด ระหว่างเดือน มีนาคม ถึง สิงหาคม ปี ๒๕๕๖


ฝีแปรงอันหนักแน่น มั่นใจ ดังห้วงอารมณ์ของเธอที่ได้ผลิบานสู่ภาวะความเป็น ผู้หญิงและศิลปินอย่างสมบูรณ์ เธอครอบครองประสาทสัมผัสอันแม่นยำในสี และทีแปรง สมานกลมกลืนเมื่อเธอแสดงอารมณ์เบื่องลึกแห่งความหรรษาและโศกเศร้า ภาพวาดของเธอพรรณนาถึงการเดินทาง อดีต และปัจจุบัน คือสำนึก และผลผลิตจากการฝึกฝนตัวเองอย่างหนักหน่วงของเธอเอง


เซรินเดีย แกเลอรี่ ได้คัดเลือกผลงานของสุดาภรณ์ สำหรับโปรแกรมของไทยลีวูดประจำปี ๒๕๕๗ (ปีที่ผ่านมาเรานำเสนอศิลปินจากเมืองเบอร์ลิน โอเล อูเกน่า) เรามั่นใจว่าผลงานของเธอจะเป็นที่กล่าวขวัญ ด้วยการสนับสนุนของเราในการเปิดประตูสู่การแสดงงานศิลปะระดับนานาชาติในอนาคต



ภาพและข้อมูลจากเวบ
serindiagallery.com
myemail.constantcontact.com














"เอกลักษณ์ไหมไทยพลิ้วไหว งานแสดงผ้าระดับโลกที่ปารีส”


ผ้าไหมไทยร่วมสมัย ๕o ชิ้น วางเรียงรายอยู่ในงานนิทรรศการผ้าไทยร่วมสมัย ณ ห้องเบิกโรง สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) กรุงเทพฯ เป็นชิ้นงานต้นแบบของโครงการ "ศึกษาวิจัยและพัฒนาต้นแบบไหมไทยร่วมสมัย" (Modern Thai Silk) ที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ รูปแบบ คุณภาพผ้าไหมไทยสู่การเป็นผ้าที่ใช้สวมใส่ได้ทุกโอกาส


สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (OKMD) ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัวผ้าไหมไทยนี้ ซึ่งเตรียมไปร่วมการแสดงสิ่งทอและผ้าผืนระดับโลกในงาน Premiere Vision 2014 ในวันที่ ๑๘-๒o กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส






Premiere Vision คืองานแสดงผ้าระดับโลกที่ดีไซเนอร์ระดับโลกใฝ่ฝันเยือน เป็นงานที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการด้านสิ่งทอจากทั่วโลกนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นคอลเลคชั่นที่ทันสมัยและดีที่สุดมาจัดแสดง เป็นครั้งแรกที่ผ้าไหมจากไทยมีโอกาสได้รับเชิญไปร่วมแสดงในงานร่วมกับแบรนด์ระดับพรีเมียม ทั้งกุชชี่ หลุยส์ วิตตอง ชาแนล ฯลฯ ที่สำคัญผ้าที่ได้รับคัดเลือกมาแสดงเป็นวัตถุดิบที่สินค้าแบรนด์ดังทั่วโลกจะเลือกใช้ในคอลเลคชั่นเสื้อผ้าต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อนปี ๒๕๕๘ ที่กำลังจะมาถึง


อารยะ มาอินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (OKMD) กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกผลิตภัณฑ์ไหมไทยมีมูลค่าลดลง หากไม่ทำอะไรเลย ผลิตภัณฑ์ไหมไทยจะไม่สามารถช่วงชิงตลาดโลกได้ ปัจจัยมาจากประเทศคู่แข่งทั้งจีน เวียดนาม มีบทบาทในตลาดโลก ขณะที่ไทยประสบปัญหาผู้ปลูกหม่อนไหมลดลงจาก ๕ แสนครัวเรือน เหลือ ๕ หมื่นครัวเรือน หายไป ๑o เท่า ทำให้ต้องนำเข้าวัตถุดิบไหม ต้นทุนการผลิตมากขึ้น ส่วนสถานะไหมไทยเราวางตำแหน่งไว้ที่ตลาดบน เป็นการผลิตสินค้าไฮเอนด์ ฉะนั้นต้องพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถ ทั้งนี้ ต้องหาเอกลักษณ์และสร้างแบรนด์ พัฒนาสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น โอกาสของไหมไทยในตลาดโลกขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเพื่อสร้างสินค้าแฟชั่นที่แตกต่าง






"โครงการ "โมเดิร์นไทย ซิลก์" เป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ผ้าไหมไทย ประยุกต์ใส่ได้ทุกโอกาส หรูหรา ทันสมัย ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ๗ บริษัท พัฒนาต้นแบบไหมไทยร่วมสมัย เดิมตั้งเป้า ๒๕ แบบ แต่ได้มาถึง ๕o แบบ มีการผสมเส้นไหมกับวัสดุใหม่ ๆ ลวดลายหลากหลาย ได้รูปลักษณ์ใหม่ จะนำไปโชว์ที่งานแสดงผ้าระดับโลกเดือนกุมภาพันธ์นี้" รอง ผอ. OKMD กล่าว


ด้าน ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและเทคโนโลยี สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ แนะนำผ้าไหมไทยร่วมสมัย ๕o ชิ้น คอลเลคชั่น Expansive Harmony ที่ได้ไปร่วมแสดงในงาน Premiere Vision ว่า ใช้เวลา ๓oo วัน ผ่านงานวิจัยและพัฒนาตั้งแต่กระบวนการ วิจัยเลี้ยงไหม สร้างนวัตกรรมปั่นเส้นด้ายไหม กระบวนการผลิตผ้าผืน การย้อมสีและพัฒนาลายพิมพ์ ทำร่วมกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ นักออกแบบ โดยเน้นผืนผ้าวัตถุดิบที่ดีไซเนอร์ต้องการ ทั้งยังวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่าต้องการผ้าไหมที่ใช้สวมใส่ได้ทุกโอกาส






"เราสำรวจความถี่การสวมใส่เครื่องนุ่งห่มจากผ้าไหม พบ ๕o% ใส่เมื่อมีโอกาสเท่านั้น งานมงคล งานบุญ งานกินเลี้ยง ใช้น้อย ในสายตาลูกค้ายังมองการใส่ผ้าไหมสำหรับคนแก่ และมีเรื่องราคาแพง ซื้อหายาก ชอบผ้าไหมมีพื้นผิว ไม่เรียบ มีมิติ โครงการนี้ยังไปศึกษาดูงานที่อิตาลี และนำผ้าไหมไทยให้ต่างชาติดู ต่างระบุคุณภาพผ้าไหมไทยดีกว่าและราคาสูงกว่าจีน อินเดีย แบรนด์อาร์มานี่อยากได้ไหมไทยที่มีอัตลักษณ์ชัดเจน ถ้าไม่มีเงาแวววาว ไม่ใช่ไหมไทย ก็ได้มุมมองใหม่โอกาสทางการตลาด" ดร.ชาญชัยเผย






โครงการวิจัยนี้เข้มข้น ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยด้านไหมของไทยนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ สุดท้ายได้ข้อสรุปอัตลักษณ์ไหมไทยสู่แนวทางการพัฒนาออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการตลาดโลก ดร.ชาญชัยเผย ๑. ความแวววาว เป็นคุณสมบัติไหมไทยสะท้อนแสงได้สวยงาม ๒. ความไม่สม่ำเสมอของเส้นด้ายและผ้าที่มีมิติ ๓. ความพลิ้วไหวและไหลลื่น ผลจากการทอแบบดั้งเดิมและย้อมสีธรรมชาติ เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าลายน้ำไหล และ ๔. ลวดลายโดดเด่นบนผ้า ต่างกันไปแต่ละท้องถิ่น เช่น ผ้าไหมยกดอก ต่างประเทศชอบผ้าทอลายดอกคมชัด นำมาตัดแฟชั่นเรียบหรูดูดี ผลวิจัยนี้มาทำเป็นคู่มือใช้พัฒนาผ้าไหมให้ร่วมสมัย นอกจากนี้ สีของผ้าไหมต้นแบบก็พัฒนาให้สอดคล้องกับเทรนด์ใบไม้ผลิ-ฤดูร้อนปี ๕๘ โดยมีออร์เนลลา บิกนามิ และดาร์เนียล อะลิเวอร์ติ สองนักออกแบบสิ่งทอชาวอิตาลีร่วมเป็นที่ปรึกษาพัฒนาด้วย






๗ โรงงาน ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำที่ร่วมพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ไหมไทยร่วมสมัย ได้แก่ บริษัท สปันซิลค์ เวิลด์ จำกัด, บริษัท ประชาอาภรณ์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อาร์ทรี จำกัด, บริษัท The Nature Silk จำกัด, บริษัท จุลไหมไทย จำกัด, ห้างหุ้นส่วน จำกัด ยงอุดมการณ์ทอ และบริษัท ไทยนำโชคเท็กไทล์ จำกัด


ดร.ปาจีรย์ คิวเจริญวงษ์ บริษัท สปันซิลค์ เวิลด์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทผลิตเส้นไหมปั่นแห่งเดียวในไทย ก้าวสู่ปีที่ ๓๑ ซึ่งไหมปั่นผลิตจากเส้นไหมใยสั้นมาต่อกัน และใช้กระบวนการปั่นผลิตเส้นด้าย เนื้อผ้าจะเนียนนุ่ม มันวาว น่าหลงใหล เหมาะสำหรับเสื้อผ้าหลายแบบ ดูแลง่าย สำหรับการร่วมโครงการโมเดิร์นไทย ซิลก์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งจะนำไปโชว์ที่งานด้วย มีเส้นด้าย ปั่นด้ายจากการผสมใยสีตามเทรนด์สีปีหน้า จุดเด่นมีสีเหลือบหลากสี






"ในเส้นด้ายหนึ่งเส้นจะมีสีผสมกันถึง ๕ เฉดสี ทำให้ผ้าทอออกมาต่างจากสีผ้าไหมทั่วไป ทันสมัย เป็นคอลเลคชั่นใหม่รับเทรนด์อิตาลี แล้วยังศึกษาเรื่องปรับเกลียวของเส้นไหมให้เป็น High Twist ผ้ามีความเบาบาง แต่มี Volume ทั้งผืนผ้า อีกผลิตภัณฑ์จะไปโชว์เป็นการผสมเส้นไหมและเส้นใยธรรมชาติ เช่น ลินิน การจับมือกันระหว่างต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ภายใต้โครงการนี้ ทำให้มีพลังเชื่อมโยงกัน ไม่ต้องเริ่มต้นหนึ่งใหม่หากมีโครงการอื่น ๆ ในอนาคต" ดร.ปาจรีย์บอกด้วยความภาคภูมิใจ






ด้าน วรดาชญา นาวานิมิตกุล ผู้บริหารบริษัท จุลไหมไทย จำกัด กล่าวว่า จุลไหมไทยเป็นผู้ผลิตเส้นไหมอยู่คู่วงการไหมไทย ๔๗ ปี เราส่งเสริมเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เหตุที่ร่วมพัฒนาผ้าไหมนั้น เห็นว่าเกษตรกรที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมลดลง หากไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมไทยให้เป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่ เพิ่มการบริโภคให้มากขึ้น เกษตรกรจะไร้งานทำ ขาดรายได้ อีกทั้งยังไม่สามารถปกป้องมรดกภูมิปัญญาไทยได้ ชื่อเสียงไหมไทยมี แต่แผ่วตามกาลเวลา จำเป็นต้องตอกย้ำอัตลักษณ์ ยึดเป็นแนวทางออกแบบ สร้างภาพพจน์ที่ดีต่อผ้าไทย






"ทีมงานได้พัฒนาเส้นไหมที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อนหลายชนิดให้กับผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการ เช่น เส้นไหมเกลียวสูงพิเศษ เส้นไหมผสมวัสดุใหม่ ๆ เส้นไหมยืดได้ เส้นไหมที่มีปุ่มปมสวยงาม ต่อจากนี้เราทำได้อีกหลายอย่าง จากโครงการแสดงให้เห็นว่าไทยมีศักยภาพตั้งแต่ผู้ผลิตกระทั่งโรงงานครบถ้วน บวกที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิตาลียังต่อยอดได้" ผู้บริหารจุลไหมไทยย้ำผลสำเร็จที่คุ้มค่าทิ้งท้าย.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
artbangkok.com




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2557 22:20:16 น. 0 comments
Counter : 5649 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.