happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
16 กุมภาพันธ์ 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๘๒




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










นิทรรศการ "แม่โพสพ”


ความสงสารและเห็นใจต่อชาวนาไทยจำนวนไม่น้อยที่กำลังประสบความเดือดร้อน และบางรายถึงขั้นผูกคอตาย อันเนื่องผลกระทบจาก “โครงการรับจำนำข้าว” ของรัฐบาล ทำให้คนทำงานศิลปะ จำนวนหนึ่ง พยายามใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยเฉพาะ facebook ให้เป็นประโยชน์ เพื่อหายรายได้ไปช่วยชาวนาและสะท้อนให้คนทั่วไปได้เห็นถึงความสำคัญของข้าวและอาชีพชาวนาไปพร้อมกัน ผ่านผลงานศิลปะ


กลุ่มแรกใช้ชื่อหน้าเพจว่า “เพื่อนสีน้ำช่วยชาวนาไทย” ซึ่งหน้าเพจนี้เปิดโอกาสให้ศิลปินทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ส่งภาพวาดเทคนิคสีน้ำของตนเองมาให้ผู้สนใจประมูลผ่านหน้าเพจ โดยกำหนดให้ศิลปินส่งภาพถ่ายของภาพวาดไปยัง กล่องข้อความของ อาจารย์นำชัย เฟซบุค namchai.saensupha และ อาจารย์เซฟ เฟซบุค safesuphawa


ระหว่างวันที่ ๘-๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อทำการอัพโหลดขึ้นเพจ ให้ผู้สนใจประมูลภาพ ระหว่าง ๘ กุมภาพันธ์ - ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งภาพวาดที่นำมาให้ประมูลมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ ๕oo -๑,ooo บาท และ ๒,ooo บาทเป็นต้นไป


จากนั้นการประมูลสิ้นสุดลงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ และทางหน้าเพจจะทำการประกาศผลว่าใครจะได้ภาพที่ประมูลไปครอบครอง ในวันรุ่งขึ้น โดยเงินรายได้ทั้งหมดจากการประมูลภาพ จะถูกนำไปช่วยเหลือชาวนาไทยที่ประสบความเดือดร้อน ซึ่งกลุ่ม“เพื่อนสีน้ำช่วยชาวนาไทย” จะประสานขอรายชื่อชาวนา และนำส่งผ่าน "สมาคมชาวนาไทย"


กลุ่มที่สองคือใช้ชื่อหน้าเพจว่า “นิทรรศการแม่โพสพ” จัดโดย อุทยานการเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์แม่โพสพ ไม่ใช่กิจกรรมหารายได้ แต่เป็นกิจกรรมเชิญชวนให้ศิลปินส่งผลงานศิลปะไม่จำกัดเทคนิค ที่สะท้อนเกี่ยวกับเรื่องข้าวและวิถีชีวิตชาวนา มาจัดแสดงในหน้าเพจ ซึ่งขณะนี้ได้มีศิลปินและผู้สนใจทยอยส่งมาผลงานมาร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ


ดังนั้น ๒ หน้าเพจนี้ จึงเป็นทางเลือก สำหรับผู้ที่ประสงค์จะ “ช่วย” และ “ชม” ในห้วงเวลาที่หลาย ๆ คนพยายามหาหนทางเพื่อช่วยซับน้ำตากระดูกสันหลังของชาติ





"พระราชบิดา"
ศิลปิน: คุณวนนท์ รักศิริพงษ์
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาดภาพ: ๒๔ x ๓๔ ซม.






"ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙"
ศิลปิน :คุณกิตติ พลศักดิ์ขวา
เทคนิค : สีน้ำมัน
ขนาด ๔๕ x ๖o ซ.ม พร้อมกรอบ
ราคาเริ่มประมูล : ๓,ooo บาท






"ในหลวงของปวงชนชาวไทย"
ศิลปิน : ดินหิน รักพงษ์อโศก
ขนาด : ๖๗X ๘๔ ซม. พร้อมกรอบ
เทคนิค+วัสดุ : ชาร์โคลแท่งบนกระดาษ
ราคาเริ่มประมูล : ๒,ooo บาท






"เราคือ ประชาชนของพระราชา"
ศิลปิน : ปิติมา นาคขำ
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาดภาพ : ๓๘ x ๕๖ ซม.
ราคาเริ่มประมูล : ๒,ooo บาท






ศิลปิน : คุณพีระ โภคทวี
เทคนิค : สีน้ำ
ขนาดภาพ ๓๑ x ๔๑ ซม.
ราคาเริ่มต้นประมูล ๒,ooo บาท






"พระบุญญาบารมี"
ชื่อศิลปิน: อานนท์ แซ่แต้
เทคนิค: ปากกา+ทองคำเปลว
ขนาดภาพ : ๕๖ x ๗๖ ซม.
ราคาเริ่มต้น: ๒,ooo บาท






"ใต้ฟ้า"
ศิลปิน : คุณนำชัย แสนสุภา
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาดภาพ : ๓o x ๔o ซม.
ราคาเริ่มประมูล : ๒,ooo บาท






"Chicks in shade"
ศิลปิน : ดิเรก กิ่งนอก
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาดภาพ ๓๖ x ๕o ซม.
ราคาประมูลเริ่มต้น : ๒,ooo บาท






"ชาวนา"
ศิลปิน : อ.พรชัย บุญเกิด (มอบภาพโดย น้องพรีม ชนิกานต์ ตังกบดี)
เทคนิค : ลายเส้น
ขนาด : ๓๓ x ๔๒ ซม..
ราคาประมูลเริ่มต้น : ๑,ooo บาท






"ป่าสะท้อน"
ศิลปิน: ปัญญา ชาวเมืองนนท์
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาด: ๓๕ x ๕๓ ซม.
ราคาเริ่มต้น: ๕oo บาท






"ลูกชาวนา"
ศิลปิน : คุณประภาส ชลศรานนท์
เทคนิค : สีน้ำ
ขนาดภาพ : a2
ราคาเริ่มประมูล : ๑,ooo บาท พร้อมกรอบ






"ควาย" เพื่อนแท้ชาวนาไทย
ศิลปิน ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์
เทคนิค : สีน้ำ
ขนาดภาพ : ๒๘ x ๓๘ ซ.ม.
ราคาเริ่มประมูล ๒,ooo บาท






ศิลปิน : ชนม์เขต พรรณวิเชียร
เทคนิค : สีน้ำ
ขนาด : ๑๕ x ๑๒ นิ้ว
ราคาประมูลเริ่มต้น : ๒,ooo บาท






"ไม่ขาดเม็ด"
ศิลปิน : คุณนำชัย แสนสุภา
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาดภาพ : ๓o x ๔o ซม.
ราคาเริ่มประมูล : ๒,ooo บาท






"เก็บตะวัน"
ศิลปิน : คุณกำพล ศรธนะรัตน์
เทคนิค : สีน้ำ
ขนาดภาพ ๕๕ x๓๕ ซม.
ราคาเริ่มต้นประมูล : ๕oo บาท






"Peonies "
ศิลปิน : อธิบ กสาบสัน
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาดภาพ : ๓๑ x41cm ๔๑ ซม.
ราคาเริ่มประมูล : ๕oo บาท






"กุหลาบ"
ศิลปิน : มธุรา วิตยากร
เทคนิค : สีน้ำ
ขนาดภาพ ๑๑ x ๑๕ นิ้ว
ราคาเริ่มต้นประมูล : ๕oo บาท






"Luzern in love "
ศิลปิน : ดวงมณี พรหมลิขิตชัย
เทคนิค สีน้ำ กระดาษวอเตอร์ฟอร์ด ๑๙o แกรม
ขนาดภาพ ๕o X ๓o ซม.
ราคาเริ่มประมูล : ๕oo บาท






"Rose #2"
ศิลปิน : พรพรรณ ศรีธนาบุตร
เทคนิค: สีน้ำ
ขนาดภาพ: ๒๖ x ๓๖ cm
ราคาประมูลเริ่มต้น : ๒,ooo บาท



ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ เฟซบุคเพื่อนสีน้ำช่วยชาวนาไทย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th
เฟซบุค namchai.saensupha













งาน 'วันวิภาวดี' รำลึกคุณความดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต


เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ครบ ๓๗ ปี ของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ นี้ ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกอบด้วยทั้งภาครัฐและเอกชน จะจัดงาน “วันวิภาวดี” ขึ้นเพื่อสดุดีและบำเพ็ญกุศลถวาย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ดังเช่นที่ได้จัดมาทุกปีณ ลานพระอนุสาวรีย์ ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.เวียงสระจ.สุราษฎร์ธานี






พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ทรงมีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าวิภาวดี (รัชนี) รังสิต ทรงเป็นพระธิดาในพระราชวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส ต้นราชสกุล รัชนี) และหม่อมเจ้าพรพิมลพรรณ (วรวรรณ) รัชนี ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๒o พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๓ ทรงศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย จนจบหลักสูตรสมบูรณ์ศึกษาที่โรงเรียนนี้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ หลังจากนั้นพระองค์หญิงได้ทรงรับใช้พระบิดาอย่างใกล้ชิด กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดีในวงการประพันธ์ในนาม “น.ม.ส.” ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็น “กวีเอก” แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์หญิงทรงมีพระปรีชาสามารถทางอักษรศาสตร์คล้ายพระบิดา ทรงเขียนเรื่องสำหรับเด็กตั้งแต่ชันษาเพียง ๑๔ ปี และทรงใช้นามปากกาว่า “ว.ณ ประมวญมารค”ทรงนิพนธ์นวนิยายอมตะเรื่อง ปริศนา รัตนาวดี เจ้าสาวของอานนท์ ฯลฯอีกทั้งสารคดีและนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ อาทิ เรื่องพระราชินีนาถวิกตอเรีย คลั่งเพราะรัก ฯลฯ






พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เสกสมรสกับหม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต โอรสองค์ใหญ่ของสมเด็จฯ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ โดยทรงเป็นคู่สมรสคู่เดียวที่ได้รับพระราชทานน้ำมหาสังข์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล


พระองค์หญิงทรงเริ่มเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตั้งแต่ปี ๒๕๕o เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรภาคต่าง ๆ ในราชอาณาจักรต่อจากนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โดยเสด็จในฐานะนางสนองพระโอษฐ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการรวม ๒๕ ประเทศ





หม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต และ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต



ในระยะ ๑o ปีสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์หญิงปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์ในด้านการพัฒนาพื้นที่ทุรกันดารภาคใต้ ทรงนำหน่วยพระราชทานไปช่วยเหลือประชาชนในท้องที่ที่ไกลและทุรกันดารที่สุด พระองค์หญิงมิได้ทรงย่อท้อต่อความยากลำบากในการเดินทางหรือที่พักแรม ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นโดยเสด็จเยี่ยมเยียนและพาแพทย์ไปรักษาพยาบาลคนที่เจ็บป่วย จัดสิ่งของหยูกยาไปช่วยชาวบ้านที่ยากไร้หรือประสบภัย แจกอุปกรณ์การศึกษาแก่เด็กนักเรียน แนะนำการงานอาชีพและส่งเสริมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังคงนำสิ่งของพระราชทานไปเยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน สมาชิกกองอาสาสมัครรักษาดินแดนแม้ในเขตที่มีผู้ก่อการร้ายปฏิบัติการอย่างรุนแรง ก็ยังทรงพระอุตสาหะเสด็จไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ถึงแนวหน้า






จนกระทั่งวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒o ระหว่างทางเสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อนำสิ่งของพระราชทานไปทรงเยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ที่อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทรงทราบจากวิทยุว่ามีตำรวจตระเวนชายแดนได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด ๒ นายด้วยความที่ทรงห่วงใยผู้บาดเจ็บ จึงรับสั่งให้นักบินเฮลิคอปเตอร์ร่อนลงเพื่อรับเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บ ๒ นายนั้นไปส่งโรงพยาบาล ขณะนักบินนำเครื่องร่อนลงต่ำใกล้บ้านเหนือคลอง อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงเฮลิคอปเตอร์กระสุนทะลุเข้ามาถูกพระองค์หญิง ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสและสิ้นพระชนม์ก่อนเสด็จถึงโรงพยาบาล






พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนาหม่อมเจ้าวิภาวดีรังสิต เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒o และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์


ถึงแม้ว่าพระองค์หญิงได้สิ้นพระชนม์ไป ๓๗ ปีแล้ว แต่คุณงามความดีของท่านยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวใต้ ชาวสุราษฎร์ฯได้กำหนดวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของทุกปี คือวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ เป็น “วันวิภาวดี” เพื่อทำพิธีสดุดีและบำเพ็ญกุศลถวาย ณ พระอนุสาวรีย์ ๕ แห่ง ทั่วจังหวัดสุราษฎร์ธานี





พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาดีรังสิต และพระธิดา



ภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต หม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต ทรงวิตกว่าพระกรณียกิจของพระองค์หญิงในด้านการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนทางภาคใต้จะหยุดชะงักลง จึงทรงก่อตั้งมูลนิธิวิภาวดีรังสิตขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒o เพื่อเป็นอนุสรณ์และเพื่อสืบทอดงานของพระองค์ท่าน ปัจจุบันหม่อมราชวงศ์ปรียนันทนา รังสิต เป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ การดำเนินงานของมูลนิธิฯ จำกัดอยู่ในเขตภาคใต้ เพราะเป็นท้องถิ่นหลักที่พระองค์หญิง ทรงปฏิบัติภารกิจเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่


กระทรวงการคลังได้ประกาศให้มูลนิธิวิภาวดีรังสิต เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๒๗๗ ของประกาศกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
วิกิพีเดีย
กระทู้ "ท่านชายพจน์" จากปริศนาฯ














"ข่วงศิลป์ร่วมสมัย ถ่ายทอดภูมิปัญญา ศิลปินล้านนาชั้นครู”


ชิ้นงานการทำเครื่องเงิน “ดุนโลหะ” ภูมิปัญญาล้านนาที่ลูกหลานของชาวชุมชนเวียงกุมกามได้เรียนรู้และทำชิ้นงานร่วมกับพ่อครูดิเรก สิทธิการ ผู้มีประสบการณ์ถ่ายทอดภูมิปัญญามากว่า ๔o ปี แม้ฝีมือ ลวดลายเดินเส้นจะไม่สุดยอดเหมือนสล่าพื้นบ้าน เป็นลายการ์ตูน รูปสัตว์ แต่เป็นการสร้างความรักและหวงแหนศิลปวัฒนธรรมล้านนาให้กับเยาวชนที่นับวันจะห่างไกลกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน


นอกจากงานดุนโลหะ ยังมีต้องตุงลายกระดาษ โคมผัด ผ้ามัดย้อม โปสต์การ์ดเทคนิคภาพพิมพ์ งานปั้นดินรูปสัตว์ ภาพถ่ายบอกเล่ามนต์เสน่ห์เวียงกุมกามนครโบราณ ที่เด็กๆ ฝึกปรือจากสล่าพื้นบ้านและศิลปินล้านนานำมาจัดแสดงในนิทรรศการ ”ข่วงศิลป์ร่วมสมัย” ณ วัดอีค่าง ชุมชนเวียงกุมกาม อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยมีเขมชาติ เทพไชย ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม มาเป็นประธานเปิด ในนิทรรศการยังมีการแสดงดนตรีล้านนาร่วมสมัย “สล่าเพลงร่ำ ขับลำนำ เวียงกุมกาม” ณ มหาเจดีย์ที่ทรงคุณค่าและงดงามวัดอีค่าง เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗


เขมชาติ เทพไชย ผอ.สศร. กล่าวว่า งานนี้เห็นถึงการเริ่มต้นในความเพียรพยายามของหน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยกันพัฒนาพื้นที่ชุมชนเวียงกุมกามให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมตามนโยบายสำคัญ วธ. หัวใจสำคัญคือความร่วมมือของชุมชนในการมีส่วนร่วมพัฒนาและอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมที่ล้ำค่า


“ผลงานศิลปะเยาวชนสร้างสรรค์สวยงาม แต่ละชิ้นลูกหลานเวียงกุมกามได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากศิลปินล้านนา เชื่อว่าชุมชนแห่งนี้จะมีเมล็ดพันธุ์ด้านศิลปวัฒนธรรมที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีความรู้และรักในศิลปวัฒนธรรมของตนเอง” เขมชาติเผยประโยชน์จากกิจกรรมที่จัดในพื้นที่


สำหรับการแสดงดนตรีล้านนาร่วมสมัย เขมชาติบอกว่า เชิญสล่าหรือพ่อครูแม่ครูด้านดนตรีพื้นเมืองมาแสดงผสมผสานกับดนตรีสมัยใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานใหม่ขึ้น ผศ.ลิปกร มาแก้ว โชว์สะล้อ พิณเปี๊ยะ, สุนทรี เวชานนท์ ขับร้องบทเพลงล้านนา วงดนตรีล้านนาชุมชนเวียงกุมกามก็ออกมาบรรเลงด้วย รับชมและรับฟังได้ทุกเพศทุกวัย มีเล่าขานตำนานเวียงกุมกามแฝงไว้ด้วยคุณค่าทางศิลปะอย่างลึกซึ้ง เสวนา ”ข่วงศิลป์ร่วมสมัย” เป็นอีกกิจกรรมหลักวันนั้นที่ได้รับความสนใจ มีชาวเวียงกุมกาม ชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวล้อมวงฟังการพูดคุยของเหล่าสล่าพื้นบ้านคับคั่ง อีกทั้งแม่ครูบัวซอน ศิลปินแห่งชาติ ได้ขับซอเล่าเรื่องราวการบูรณะเวียงกุมกามแบบเรียกรอยยิ้มทุกคน


ดิเรก สิทธิการ สล่าพื้นบ้านเมืองเชียงใหม่ หนึ่งในศิลปินล้านนาผู้ถ่ายทอดภูมิปัญญา กล่าวว่า งานดุนโลหะเป็นสุดยอดหัตถศิลป์ล้านนา เด็กที่ร่วมอบรมรู้ที่มาของการทำเครื่องเงิน เรียนรู้วัสดุอุปกรณ์ การเดินเส้นตามลวดลาย ให้ทำพวงกุญแจ ที่คั่นหนังสือลายการ์ตูน ลายนักษัตร แทนที่จะให้ลายดั้งเดิม เพื่อให้เด็ก ๆ สนใจ การทำชิ้นงานช่วยฝึกสมาธิ จบการอบรมสามารถนำไปหารายได้เสริม ทำสินค้าที่ระลึกขายในเวียงกุมกาม แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมยอดนิยม


“การสร้างงานดุนโลหะของสล่าพื้นบ้านในปัจจุบันเป็นงานสื่อผสม ใช้ทองแดง อะลูมิเนียมด้วย เพื่อทำของฝาก ของที่ระลึก งานดุนโลหะยังนิยมใช้ตกแต่งที่พักอาศัย รวมทั้งสร้างโบสถ์ วิหาร ช่อฟ้า ปั้นลม เดิมใช้ไม้ ภูมิปัญญานี้ไม่มีวันสูญหาย ครูดุนโลหะมีกว่า ๑o คน ก็ถ่ายทอดความรู้ให้คนรุ่นใหม่ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาด้านศิลปะ" พ่อครูวัย ๕๙ ปีย้ำ


ด้านพลเทพ บุญหมื่น ครูภูมิปัญญา กล่าวว่า วัดเจดีย์เหลี่ยม เวียงกุมกาม สอนเด็กทดลองต้องฉลุลายพื้นฐาน ต่อมาลายดอกแก้วชิงดวง ลายประจำยาม มีทั้งตอกลายบนกระดาษสา กระดาษตะกั่ว ต้องตุงลายกระดาษ จะใช้ประดับตกแต่งเพื่อความสวยงาม ใช้ประกอบพิธีงานต่าง ๆ ของคนล้านนา นอกจากกิจกรรมนี้ตนยังเปิดบ้านเป็นศูนย์กลางเรียนรู้ เปิดเรียนสอนด้านโคม ลายตอกล้านนาให้คนที่สนใจ และสถาบันการศึกษา


ขณะที่บุญรัตน์ ณ วิชัย ประธานชมรมส่งเสริมสล่าล้านนา กล่าวว่า เวียงกุมกามเป็นชุมชนเก่าแก่และมีศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน การจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ความรู้ด้านศิลปะร่วมสมัยแก่เยาวชนในพื้นที่วัดเจดีย์หลี่ยม วัดช้างค้ำ วัดอีค่าง และพื้นที่ในชุมชนเวียงกุมกาม เป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ โดยเฉพาะเด็ก ๆ มีความตื่นตัวและสนุกสนานกับทุกกิจกรรม


“เราต้องเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมอดีตผสมผสานเข้ากับปัจจุบันให้มีความร่วมสมัย แต่ไม่ออกนอกลู่นอกทาง วัฒนธรรมล้านนาที่ดีควรอนุรักษ์ นอกจากการศึกษาในระบบ นอกระบบ ยังมีศึกษาตามอัธยาศัย สล่าพื้นบ้านมาสอน เมื่อกิจกรรมจบจะมีแนวทางส่งเสริมต่ออย่างไรให้ยั่งยืน ไม่ใช่หายไปกับสายน้ำ นี่คือหน้าที่ของทุกฝ่ายผนึกกำลังกันสืบสาน" ศิลปินล้านนากล่าวฝากตอนท้ายวงเสวนา ”ข่วงศิลป์ร่วมสมัย”.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
dailynews.co.th














นิทรรศการ "สุดวิสัย”


ศิลปิน กลุ่ม ๒+๓=๑ จัดแสดง ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น ๒ ร้าน Brown Sugar : The Jazz Boutique ถนนพระสุเมรุ ใกล้สะพานวันชาติ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดเข้าชม ทุกวันตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.oo – ๒๓.oo น. วันเปิด วันศุกร์ ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น. (จัดเลี้ยงแบบเป็นกันเองและรับของที่ระลึกจำนวนจำกัด รวมไปทั้งมีการแสดงดนตรีสดจาก วง Yaan เวลา ๒๑.oo น. และ วง exitbird เวลา ๒๒.oo น.)


โทรศัพท์ o๘๓-o๙๒-๔๘๕๖ เทียน, o๘๓-๘o๓-๙๘๓๗ หมอก, o๘๒-๔๖๑-oo๕o เบีย, o๘๗-๘๑๒-๒๕๒๗ เตอร์
E-mail tean_0071@hotmail.com, tinnapat_yim@hotmail.com
Facebook : เฟซบุคนิทรรศการ

“ นิทรรศการ สุดวิสัย ของ กลุ่ม ๒+๓=๑1 ศิลปินรุ่นใหม่จากรั้วศิลปากร เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญทางความคิดที่เป็นไปในทางเดียวกันของศิลปินในกลุ่ม ที่ว่า ในปัจจุบันพื้นที่ในการแสดงงานศิลปะมีไม่มากนักที่จะให้โอกาสกับนักศึกษาศิลปะ และด้วยความต้องการพร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างงานศิลปะออกสู่สาธารณชนนั้นไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร จึงหันมาพึ่งพื้นที่ทางเลือกเพื่อนำเสนองานศิลปะตามทัศนคติของตัวเอง


ผลงานในนิทรรศการถูกรวมกันอย่างอิสระ มีทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และสื่อประสม ศิลปินในกลุ่มอาจจะดูแตกต่างกันออกไปแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ผลงานจะถูกจัดสรรให้มีการอยู่รวมกันอย่างลงตัวถึงแม้จะคนละรูปแบบ เทคนิควิธีการ และแนวความคิดก็ตาม


นิทรรศการ สุดวิสัย เป็นนิทรรศการที่พวกเราตั้งใจทำมันขึ้นมาเพื่อสื่อให้เห็นถึงภาวะที่เป็นอยู่ของพวกเรา การกระทำที่ควบคู่ไปกับกระแสหลักของโลกศิลปะในด้านทัศนคติ แต่ยังคงมีคุณภาพทางด้านรูปแบบ เทคนิควิธีการ และแนวความคิด ซึ่งพวกเราเพียงหวังว่า ก้าวเเรกของพวกเรานั้นจะทำให้ผู้ชมมีประสบการณ์ทางสุนทรียะ และกระตุ้นให้เกิดความคิดและมุมมองที่ชัดเจนต่อวงการและโลกศิลปะมากขึ้น หากผลที่จะเกิดขึ้นหลังจากนิทรรศการนี้ไม่อาจจะคาดเดาได้ แต่พวกเราก็พร้อมที่ยอมรับและก้าวต่อไป”







ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคนิทรรศการ
เฟซบุค brownsugarbangkok













"นิทรรศการภาพวาดสีน้ำ โดย อดิศร พรศิริกาญจน์”


วันที่ ๑๔ - ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗


ณ เพนนินซูล่า พลาซ่า (The Penninsula Plaza) ถ.ราชดำริ (ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม)


และ วันที่ ๑๔, ๑๕ และ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ เชิญผู้สนใจร่วมกิจกรรมเวิร์คชอป


วาดภาพกุหลาบ ด้วยเทคนิคสีน้ำ (ค่าลงทะเบียน ครั้งละ ๖oo บาท)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Art Eye View














"เทศกาลศิลปะน่าน ตอน น่าน เนิบ เนิบ" (Nan Arts Festival)


กำหนดการ เทศกาลศิลปะน่าน ตอน น่าน เนิบ เนิบ (Nan Arts Festival)
๒๑-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดน่าน


ศุกร์ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

๑๖.๓o น. แขกผู้มีเกียรติ (VIP) ร่วมนั่งรถสามล้อชมบรรยากาศและวิถีชีวิตคนเมืองน่านจากวัดมิ่งเมืองจนถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดน่าน
๑๗.oo - ๑๗.๓o น. แสดงดนตรีโดยวงดนตรีออเคสตร้าโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา
๑๗.๓o - ๑๗.๔๕ น. การแสดงกิงกะลา ท่าวังผา
๑๗.๔๕ - ๑๘.oo น. การแสดงฟ้อนต้อนรับในชุด “น่านฟ้านันทบุรี” จากโรงเรียนสตรีศรีน่าน
๑๘.oo - ๑๘.๒o น. เริ่มพิธีเปิดงาน อาจารย์วินัย ปราบริปู กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ
๑๘.๒o - ๑๘.๔o น. คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ อ่านบทกวีและเขียนกลอนการ
๑๘.๔o - ๑๙.oo น. การแสดงของศิลปินผายเบ้ง
๑๙.oo - ๑๙.๑o น. หนังสารคดี วิถีชีวิตคนเมืองน่าน “วิถีดอย” (ใหม่)
๑๙.๑๕ - ๑๙.๓o น. การเดินแบบของห้องผ้าคลาสสิกโมเดล ชุดภาพพิมพ์ในน่าน ปู่ม่าน-ย่าม่าน
๑๙.๓๕ - ๒o.๑๕ น. การแสดงดนตรีจากวงคันนายาว
๒o.๑๕ - ๒๑.oo น. เปิดฉายภาพยนตร์สารคดีที่รวบรวมภาพแห่งความสุขสงบของเมืองน่าน
“ดินดำน้ำก็ดี พืชผักเขียวขจี วิถีสุขสบาย เมืองน่าน””
และสัมภาษณ์แรงบันดาลใจของคุณบัณฑูร ล่ำซำ ในการเขียนหนังสือ “สิเนหามนตาแห่งลานนา”
๒๑.o๕ - ๒๑.๕o น. เสวนา “นักเขียนใต้ในเมืองเหนือ” โดย บินหลา สันกาลาคีรี/
วรพจน์ พันธุ์พงศ์ และเพื่อน
๒๑.๕o - ๒๔.oo น. ฉายหนังเรื่อง สวรรค์บ้านนา ของ ผู้กำกับ อุรุพงศ์ รักษาสัตย์


เสาร์ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
๑๗.oo - ๑๗.๓o น. แสดงดนตรีโดยวงดนตรีนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์
๑๗.๓o - ๑๗.๕o น. การแสดงของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๖ (ชุดรวมชาวเขา)
๑๗.๕o - ๑๘.๑o น. Sticky Rice หรือ Abstraction XL
๑๘.๑o - ๑๘.๓o น. Performance art & Installation (สุดฤทธิ์แกลเลอรี)
๑๘.๓o - ๑๙.๓o น. งานแสดงชุดภาพนิ่ง และงานเสวนาการถ่ายภาพเชิงสารคดี
โดย คุณธีรภาพ โลหิตกุล ช่างภาพและนักเขียนรางวัลศรีบูรพา และคุณนิพนธ์ เรียบเรียง ช่างภาพและนักเขียน
๑๙.๓o - ๒o.oo น. แสดงดนตรีโดย คุณศุ บุญเลี้ยง
๒o.๑o - ๒๒.oo น. เสวนาการทำหนังสั้น และมอบประกาศนียบัตรให้กับผลงานที่เข้ารอบ
๒๒.oo - ๒๒.๑o น. ปิดการประมูล บทกวีบนเฟรม อ.เนาวรัตน์
๒๒.๑o - ๒๔.๑o น. ฉายหนังเรื่อง ตั้งวง ของ ผู้กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี


อาทิตย์ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
๑๗.oo - ๑๗.๓o น. แสดงดนตรีโดยวงดนตรี ข่อม แค๊ม (ดนตรีไทยร่วมสมัย)
๑๗.๓๕ - ๑๗.๔๕ น. อ่านบทกวีของคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรท์
๑๗.๔๕ - ๑๘.๑๕ น. วงดนตรีนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ และเด็กนักเรียนโรงเรียนสาวิทยาคาร
๑๘.๑๕ - ๑๘.๒๕ น. ประกาศผลการประมูลบทกวีบนเฟรมผ้าใบของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
๑๘.๒๕ – ๑๘.๕๕ น. ละครหุ่นเชิดโจนา
๑๙.oo - ๑๙.๑๕ น. การเดินแบบชุด Nan Contemporary summer 2014 โดยสุดฤทธิ์แกลเลอรี
๑๙.๒o - ๑๙.๕o น. แสดงดนตรีโดยคุณสุรชัย จันทิมาธร
๑๙.๕o - ๒o.oo น. ถ่ายทอดสดบรรยากาศในงาน
๒o.oo - ๒๑.๓o น. แสดงดนตรีโดยศิลปิน วงนั่งเล่น
๒๒.๔o - ๒๓.๑o น. ฉายหนังหนังเรื่อง ที่รัก ผู้กำกับ ศิวโรจน์ คงสกุล


กิจกรรมนอกเหนือจากเวทีกลาง

- หอศิลป์ริมน่าน กิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงาน (Workshop) ๒๑-๒๓ ก.พ. ๕๗ และนิทรรศการตั้งแต่วันที่ ๒๑ ก.พ. – ๓๑ มี.ค. ๕๗
- ห้องสมุดบ้าน ๆ น่าน ๆ จัดนิทรรศการแสดงภาพการ์ตูนต้นฉบับ (๒๔ ม.ค.-๒๘ กพ. ๕๗) และเสวนาว่าด้วยการ์ตูนโดยวิทยากรจาก สนพ.วิบูลย์กิจ วันที่ ๒๒ กพ. ๕๗ เวลา ๑o.๓o – ๑๒.oo น.
- สุดฤทธิ์แกลเลอรี Art Installation ในพื้นที่จังหวัดน่าน และ มีการแสดง Performance art ในวันเสาร์ที่ ๒๒ ตั้งแต่ ๑o.oo น. ณ สุดฤทธิ์แกลเลอรี
- Performance Art ของกลุ่ม Asiatopia ณ บริเวณสนามหญ้า วันเสาร์ที่ ๒๒ กพ. ๒๕๕๗



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคนิทรรศการ














"หยอกเย้า เว้าวอน -งานคอลลาจ-จัดวาง”


หยอกเย้า เว้าวอน – งานคอลลาจและศิลปะจัดวางจากผ้าถุง
โดย Gi-ok Jeon
โรทันดา แอนด์ การ์เดน แกลเลอรี่ ห้องสมุดเนียลสัน เฮย์
๒๘ มกราคม – ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒o๑๔
พิธีเปิดโดยศิลปิน: อังคารที่ ๒๘ มกราคม เวลา ๑๘.oo – ๒o.oo น.


รทันดา แอนด์ การ์เดน แกลเลอรี่ ห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ ภูมิใจเสนอ นิทรรศการศิลปะ ‘Playful Prayer – Patoong collage & installation – หยอกเย้า เว้าวอน – งานคอลลาจและศิลปะจัดวางจากผ้าถุง’ นิทรรศการศิลปะเดี่ยวของศิลปินเกาหลี Gi-ok Jeon กับการนำเสนอผลงานชุดใหม่ที่หลอมรวมเทคนิคอันหลากหลายเข้าไว้บนภาพเดียวกัน ทั้งงานภาพเขียนจากหมึก (Ink Painting) ภาพพิมพ์หิน (Lithography) งานคอลลาจ (Collage) และการเย็บปักถักร้อย นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะจัดวางที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการแขวนลูกยางนา ตกแต่งด้วยลวดลายจากผ้าถุง นิทรรศการนี้จัดขึ้นระหว่างวันอังคารที่ ๒๘ มกราคม ถึง วันอาทิตย์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒o๑๓ และมี พิธีเปิด โดยศิลปินในวันอังคารที่ ๒๘ มกราคม เวลา ๑๖.oo – ๑๘.oo น.














ผลงานศิลปะใน “หยอกเย้า เว้าวอน” ถูกสร้างสรรค์ขึ้นบนกระดาษจากต้นไผ่ที่มีถิ่นกำเนิดจากจังหวัดลำปาง วัสดุอันเป็นตัวแทนของดินแดนและพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่ Gi-ok อาศัยอยู่ เทคนิคอันหลากหลายที่หลอมรวมอยู่บนภาพเดียวกัน สื่อถึงประเทศไทยในฐานะของดินแดนอันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ที่ซึ่งวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นส่วนสำคัญในสังคม แต่ในขณะเดียวกันก็ไปด้วยกันได้ดีกับวัฒนธรรมที่แตกต่างอื่น ๆ Gi-ok ยังคงให้ความสนใจกับการค้นหาตัวตนภายใต้วัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากประเทศบ้านเกิด โดยการใช้ ผ้าถุง วัตถุอันเป็นสัญลักษณ์ของพื้นถิ่น ร่วมกับภาพวาดของพระพุทธเจ้า เค้าโครงของใบโพธิ์ และรูปทรงของลูกยางนา เพื่อสื่อถึงประสบการณ์ที่เธอได้พบเจอในชีวิตประจำวัน งานศิลปะจัดวางของ Gi-ok ในครั้งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความรู้สึกสงบง่ายแต่ทรงพลังเมื่อได้เห็นลูกยางนากำลังร่วงหล่นอยู่กลางอากาศ (ต้นยางนา เป็นต้นไม้ที่เธอได้พบเห็นภายในวัดแห่งหนึ่งระหว่างที่เธอพำนักอยู่ในจังหวัดทางภาคอีสาน) เธอได้จำลองพื้นที่ทางจิตวิญญาณอันน่าพิศวงนี้ด้วยการแขวน ลูกยางนา ที่ถูกนำมาประกอบเข้ากับลวดลายของ ผ้าถุง กว่า ๕oo ชิ้น















ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคนิทรรศการ
libraryhub.in.th
บล็อกคุณ chailasalle
เฟซบุคห้องสมุด Neilson Hays














"กลิ่นของความสุข”


moonseekergallery ยินดีนำเสนองานนิทรรศการศิลปะสิ่งทอ “กลิ่นของความสุข” หวนหา วันวาน เอนกาย ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมหายใจอุ่น ของ ณัฐชา โพธิ์อุดม นักศึกษา ปริญญาโท คณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาประยุกต์ศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร


ผ้ากับความทรงจำ นิทรรศการนี้ถ่ายทอดความรู้สึกหลากหลายกับเรื่องราวของธรรมชาติที่หวนระลึกเสมอว่า ธรรมชาติโอบกอดเราเสมอ สะท้อนและกระตุ้นให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึก ความตระหนักรู้ต่อสิ่งแวดล้อม ที่ในวันหนึ่งเราจะหวนคืนสู่ธรรมชาติ อันเป็นต้นกำเนิดของชีวิต ของทุกสรรพสิ่ง


สายใยธรรมชาติอันเรียบง่ายเชื่อมโยง กลับคืนสู่ความงาม ที่สุขสงบอย่างแท้จริง จากแรงบันดาลใจจากอริยาบถของธรรมชาติและสีสันในแต่ละห้วงเวลาต่างๆ ถึงห้วงอารมณ์ความรู้สึกอันงดงาม สู่ความอบอุ่นอ่อนโยนของผืนผ้า “ผืนผ้าและเส้นใยสามารถสืบทอดความทรงจำ และความรู้สึกของตัวเองได้” อันเป็นลักษณะเฉพาะถ่ายทอดผ่านผลงานศิลปะสิ่งทอแสดงออกถึงความอิสระ ความสุข ความสงบ ที่ห้วงลึกภายในจิตใจของมนุษย์ทุกคนใฝ่หา แสดงออกผ่านความหลงใหลที่มีต่อสิ่งทอและผืนผ้า ในทุกแง่มุมทุกมิติ ด้วยความคิดที่ว่าผืนผ้านั้นได้เก็บรักษาไว้ซึ่งความทรงจำและอริยาบถความเป็นตัวตน ไว้ในผืนผ้านั้นด้วย แม้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป แล้วหวนระลึกอันทำให้ความทรงจำที่เก็บซ่อนไว้ภายในผืนผ้าได้เผยออกมา






ผลงานศิลปะชุดนี้ถูกจัดแสดงในนิทรรศการกลุ่มครั้งแรกใน พ.ศ ๒๕๕๕ ในนิทรรศการศิลปะในสวน กับกลุ่ม จันทร์กระพ้อ ดนตรีเเละศิลปะในสวนกาแฟ. Mini Art Exhibition @7 ตุลาคม ๒๕๕๕ Coffee Model ในชื่อนิทรรศการ Relive.. Believe สร้างสรรค์ผลงานเป็นระยะเวลา ๒ ปีโดยประมาณ เรื่องราวและเนื้อหาสาระ สื่อชัดเจนในเรื่องของความผูกพันธ์กับธรรมชาติ ซึ่งธรรมชาติอาจดูเป็นเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวที่ไม่ได้พิสดารอะไรนักกับคนทั่วไปไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น แต่อาจด้วยเพราะความใกล้ตัว นี้เองเรากลับมักมองข้ามและลืมความสำคัญของธรรมชาติไปอย่างเนียบเนียนด้วยการกลืนกินจากสังคมเมือง






ผลงานที่ชื่อ ” กลิ่นของความสุข ” ถูกสร้างสรรค์ด้วยเทคนิคการทอ และการปัก ในรูปแบบและรายละเอียดของการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของความอบอุ่นความสบายและเส้นสายของความเป็นธรรมชาติ โดดเด่นในเรื่องของการถ่ายทอดอารมณ์ของความอบอุ่น อิสระ และสงบสุข ในห้วงแห่งจินตนาการ แม้ในความวุ่นวายของเมืองใหญ่ยังมีความโหยหาวิถีทางเรียบง่ายในพื้นถิ่น แม้ในความรุ่มร้อนของฤดูกาลสายลมและต้นไม้ใหญ่ยังคงปกคลุมโอบอุ้มเราไว้ให้เย็นใจ ในแนวความคิดการถ่ายทอดที่ซื่อตรงคือการเลือกสรรวิธีการเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ปลูกฝังอยู่ในห้วงลึกอารมณ์ของศิลปิน






ผ้าและเส้นใย กับงานศิลปะ อาจไม่ใช่เรื่องใหม่มากนักแต่ก็มีแง่มุมทางด้านเทคนิคไม่น้อยในการสร้างสรรค์ผลงานด้วยวัสดุ,วัตถุดิบแต่ละชิ้นที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันสีสันที่คาดเดาไม่ได้ หรือผลที่เกิดขึ้นอาจไม่สามารถควบคุมได้เหมือนกับ ปลายพู่กันและสี แต่จากที่เคยเป็นประเด็นปัญหาที่ไม่สามารถคุมภาพที่ต้องการให้เป็นไปอย่างใจในตอนแรก แต่ได้มองเห็นถึงการเห็นเสน่ห์บางอย่างจากเทคนิคคือสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความคาดเดาไม่ได้ นั้นกลับกลายเป็นอัตลักษณ์เฉพาะ เป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับเนื้อหาสาระที่จะถ่ายทอด “ความไม่แน่นอน ความแปรเปลี่ยน ในแบบที่ไม่สามารถคาดเดาได้จากเทคนิค นั่นก็คือนิยามของคำว่า “ธรรมชาติ” ของตัวศิลปินนั่นเอง






ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ด้วยจุดเริ่มต้นจากความรักในงานศิลปะที่มาจากผ้า จบปริญญาตรีจาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปะอุตสาหกรรม วิชาเอก สิ่งทอ (Textile) แต่ด้วยความรักในศิลปะและอยากตามความฝันที่จะสร้างผลงานที่สามารถ บำบัดจิตใจของผู้คนภายใต้สังคมที่มีความเครียดเพิ่มมากขึ้นเป็นทวี และส่งเสริมสิ่งที่จะช่วยรักษาธรรมชาติ ให้มนุษย์ยังคงรักหวงแหน และดูแลธรรมชาติร่วมกันไว้ได้ เมื่อมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับ ปริญญาโท ในมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยแห่งศิลปะ ในคณะมัณฑนศิลป์ สาขาวิชา ประยุกตศิลปศึกษา จึงใช้เวลาในการเล่าเรียนทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ผลงาน ฝึกฝนและแก้ปัญหา ด้วยในแต่ละช่วงได้รับคำแนะนำจากคณาจารย์หลายท่าน จนรวบรวมเป็นผลงานมากมายมาจนถึงวันนี้ ได้ลองผิดลองถูกทั้งทางด้านเทคนิคและด้านความคิดสร้างสรรค์ถ่ายทอดตัวตนและภาวะภายในจิตใจออกมาบนผลงานชุดนี้ ความพากเพียรจากการเรียนรู้สัมผัสและเข้าใจในธรรมชาติ อย่างบริสุทธิ์ แสดงให้เห็นถึงแรงบันดาลใจจากรากเหง้าของความเป็นอยู่ของศิลปินที่เกิดและเติบโตมาท่ามกลางบ้านสวนที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและสรรพชีวิตเล็ก ๆ ที่สวยงามและสุขสงบอย่างแท้จริง






งานเปิดนิทรรศการในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.oo น. โดยมี อาจารย์กำจร สุนพงษ์ศรี เป็นประธานในพิธีเปิด


นิทรรศการ : กลิ่นของความสุข
ศิลปิน : ณัฐชา โพธิ์อุดม
วันที่ : ๓ กุมภาพันธ์ – ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : Moon Seeker Gallery
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๗๑๑-๗๔๙๙
อีเมล : iam@moonseekergallery.com
เว็บไซต์ : moonseekergallery.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














"Follow(l)me:ตามฉันมา”


นำเสนอผลงานภาพพิมพ์แกะไม้ ภาพพิมพ์แกะไม้สีน้ำ และภาพพิมพ์ปะติดวัสดุสื่อผสม โดยใช้รูปนกฮูกซึ่งเป็นสัตว์ที่ศิลปินชื่นชอบ มาเป็นสัญลักษณ์แทนตัวตนและความรู้สึกนึกคิดที่ศิลปินมีต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว


เพื่อถ่ายทอดถึงมุมมองเกี่ยวกับความรัก ความปรารถนา ครอบครัว การเดินทาง ความสันโดษ ตลอดจนโลกส่วนตัวที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน จนเกิดเป็นผลงานภาพพิมพ์เต็มไปด้วยเส้นสายสีสันอันงดงาม โดยศิลปินสาวรุ่นใหม่ แคทลียา พันธ์โตดี


นิทรรศการ : “Follow(l)me:ตามฉันมา”
ศิลปิน : แคทลียา พันธ์โตดี
วันที่ : ๓ เมษายน – ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ถนนบรมราชชนนี)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : o๒-๔๒๒-๒o๙๒















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














" The Second ... "


หากเราลองหลับตาลง เพื่อคิดนึก ถึงคำว่า ‘สอง’ เราอาจจะพบกับตัวเลขอารบิค (๒) ตัวเลขไทย(๒) หรือ นึกถึงการเรียงลำดับ หรือ ความเป็นคู่ ความเป็นแฝด หรือ ความพ้ายแพ้ ความเป็นรอง ฯลฯ ความเป็นรูปนัยเกิดขึ้นภายในใจของเรา ตามแต่เรื่องราวส่วนตัวที่เราจับยึดเป็นแก่นให้เราคิดนึกถึงก่อน ‘สอง’จึงเป็นเพียงนามธรรมหนึ่งในใจของเราที่เราเลือกในมันปรากฏณ์ขึ้นและตีความตามรสนิยม


“The Second”

อาจเป็นเช่นนั้น การตีความของศิลปิน ที่พยายามจะเล่าเรื่องราวในชีวิตที่เกิดขึ้น ในบริบทของศิลปะ เมื่อครั้งที่หนึ่งเป็นเรื่องราวของประสบการณ์ของชีวิตจริงที่เราสามารถประสบพบโดยตรง ที่ไม่ได้ผ่านการตีค่า หรือพยายามทำให้เป็นไปใดใด การนำความรู้สึก ห่วงอารมณ์ของความแท้จริงมาแปรสภาพเป็นสิ่งที่จับต้องได้ เห็นเป็นรูปธรรม ในนามของ ‘ศิลปะ’ การเล่าเรื่องจึงถูกทำซ้ำและถูกบอกผ่านอีกครั้งเป็น ‘ครั้งที่สอง’


อาการเพิ่มเติม ปกปิด อำพรางหรือการกระทำที่พยายามทำให้เกิดเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ มองเห็นมัน จึงแฝงไปด้วยนัยยะต่างๆที่ศิลปินเลือกนำเสนอแง่มุมหนึ่ง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยน และเพื่อเลือกให้คุณค่าเพียงแก่นแกนที่หนึ่งเดียว ในการเล่าต่อเป็น ‘ครั้งที่สอง’


เวลาจัดแสดง : ๒๓ ม.ค.-๒๓ ก.พ., ๒๕๕๗
สถานที่จัดแสดง : Pongnoi Community Art Space
เว็บไซต์ : //www.facebook.com/pongn…
โทรศัพท์ : o๘๑-๒๘๘-๓๙o๘



ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net














"นิทรรศการ "ART THESIS"


งานเเสดงศิลปนิพนธ์ นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ คณะศิลปกรรม สาขาวิชาจิตรกรรม ภาพพิมพ์ศิลปะไทย ประติมากรรม


มีจำนวนนักศึกษา ๘๘ คนจำนวนผลงานประมาณ ๒oo ชิ้น


ขอเชิญมาร่วมชมผลงานกันได้


เปิดงานเวลา วันที่ ๑๓-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.๓o น.


ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่



ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2557 10:05:50 น. 0 comments
Counter : 7359 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.