Group Blog
All Blog
<<< "ฆ่ากิเลสแล้วจะไปนิพพาน" >>>










"ฆ่ากิเลสแล้วจะไปนิพพาน"

หน้าที่ของเราก็คือฆ่ามัน ฆ่ากิเลส

 ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ติดคุก ไม่ไปนรก ไม่ไปอบาย

 ฆ่ากิเลสแล้วจะไปนิพพาน

ไม่ชอบฆ่ากันกิเลส ชอบไปฆ่าคนอื่นเหรอ

 ชอบฆ่ากิเลสของคนอื่น

ฉะนั้น ต้องพยายามหยุดความอยากต่างๆ ให้ได้

ความอยากนี้เป็นตัวทำให้เกิดความเครียด

ความทุกข์ต่างๆ ขึ้นมา ถ้าเราไม่มีกำลัง

เราก็ต้องออกไปหาที่สร้างกำลัง

ที่ๆ เราอยู่นี้ไม่ได้เป็นที่สร้างกำลัง

แต่เป็นที่สร้างความอยากกัน

 เราต้องไปอยู่ที่ๆ เสริมสร้างกำลัง

ที่จะต้องมาหยุดความอยาก ก็คือต้องที่วิเวก

 ที่อยู่คนเดียว ที่ห่างไกลจากทรัพย์สมบัติ

ข้าวของเงินทอง ห่างไกลจากบุคคลต่างๆ

 ห่างไกลจากเรื่องราวต่างๆ

เราก็จะได้สร้างกำลังสร้างสติ

สติเป็นเหมือนเบรค

เบรคที่จะหยุดความอยากต่างๆ

 ในเบื้องต้น ถ้ามีสติแล้ว

ขั้นต่อไปก็สามารถที่จะสร้างปัญญาขึ้นมา

เพื่อมาถอดถอนรากของความอยาก

 พอรากของความอยากถูกถอนไปแล้ว

 ทีนี้ความอยากก็จะหมดไป

สตินี้เพียงแต่กดเอาไว้ กดความอยากเอาไว้

 พอเผลอสติ พอปล่อยให้ใจคิดปั๊บ

ความอยากก็ไหลตามออกมา

พอมันไหลตามออกมา

ถ้าอยากจะให้มันหายไปหมดไปก็ต้องใช้ปัญญา

 ถอนรากของความอยาก

 รากของความอยากก็คือความไม่รู้

ว่าการทำตามความอยากนำไปสู่ความทุกข์ต่างๆ

 แล้วพอเราเห็นว่า การทำตามความอยาก

ทำให้เราต้องทุกข์ เราก็จะได้ไม่ทำ

 พอเราไม่ทำตามความอยาก

 ความอยากก็จะหมดกำลังไป

 แล้วเราก็จะไม่มีอะไรมาทำให้เราต้องทุกข์

ทำให้เราต้องเสียใจทำให้เราต้องโกรธ

ทำให้เราต้องน้อยเนื้อต่ำใจน้อยอกน้อยใจ

ทำให้เราไม่ต้องมากังวล ไม่ต้องวิตก

ไม่ต้องหวาดกลัวกับอะไรต่างๆ

 นี่อยู่แค่ตรงนี้เอง อยู่ระหว่างปัญญากับสติ

 ที่จะมาหยุดความอยาก

ที่จะมาถอดถอนรากของความอยาก

 คือความหลง ความหลงก็คือ

เราเห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง

 เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ของเราว่าเป็นของเรา

 เห็นสิ่งที่เรา ไม่สามารถที่จะไปควบคุมบังคับได้

ว่าสามารถควบคุมบังคับได้

มันเลยทำให้เราทุกข์กับสิ่งต่างๆ

 ทุกข์เพราะเราอยากให้สิ่งที่ไม่เที่ยงมันเที่ยง

 ทุกข์กับร่างกายเพราะเราอยาก

ให้ร่างกายไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย

 แต่มันก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตายไป

 เวลาแก่ก็ไม่สุขแล้ว

 เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่สุขแล้ว

 เวลาตายก็ไม่สุข แต่เรามองไม่เห็นว่า

เราไม่สามารถที่จะไปห้ามร่างกาย

ไม่ให้แก่ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตายได้

ถึงต้องสอนใจอยู่เรื่อยๆ ว่าร่างกายมันต้องแก่

ต้องเจ็บต้องตาย เป็นธรรมดา

แสดงว่านี่คืออนิจจัง ไม่เที่ยง

ล่วงพ้นความแก่ความเจ็บความตายไปไม่ได้

 หรืออนัตตา ไปทำให้มันไม่แก่

ไม่เจ็บไม่ตายไปไม่ได้

ร่างกายนี้เราไปสั่งมันไม่ได้ สั่งได้บางอย่าง

 สั่งได้ในสิ่งที่มันไม่สำคัญอะไร

 สั่งให้มันเดินสั่งให้มันนอน

สั่งให้มันนั่ง แบบนี้สั่งได้

 แต่ไปสั่งเรื่องที่สำคัญๆ นี้สั่งไม่ได้

 สั่งให้มันไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายสั่งไม่ได้

ที่เราต้องมาคิดอย่างนี้บ่อยๆ

 เราจะได้เห็นความจริง ว่ามันไม่เที่ยง

 มันไม่อยู่ภายใต้การควบคุมบังคับของเรา.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

......................................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 16 ตุลาคม 2561
Last Update : 16 ตุลาคม 2561 4:49:41 น.
Counter : 442 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ