Group Blog
All Blog
<<< "ปฏิบัิติดี ปฏิบัติชอบ" >>>










“ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ”

การที่พวกเราได้มาพบกับพระพุทธศาสนา

 เป็นเหมือนกับได้พบกับทรัพย์สมบัติอันล้ำค่า

 เป็นสมบัติที่มีคุณค่ามากกว่าสมบัติ

ของเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก

 เพราะพระพุทธศาสนานั้นจะให้สิ่งที่ไม่มีอะไรในโลกนี้

ที่จะสามารถให้กับจิตใจของพวกเราได้

นั่นก็คือให้การหลุดพ้นจากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิด

 กองทุกข์แห่งการเกิดแก่เจ็บตาย

 ต่อให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก

 มีทรัพย์สมบัติมากมายกายกอง

 แต่ก็ยังจะไม่สามารถที่จะทำให้จิตใจของตน

ได้หลุดพ้นออกจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้

 มีแต่พระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะสามารถ

ทำให้จิตใจของพวกเราได้หลุดพ้นออกจากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้

 ตอนนี้จิตใจของพวกเราทุกคนยังติดอยู่ในวัฏสงสาร

 คือติดอยู่ในไตรภพ วัฏสงสารนี้คือ

 ที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ที่มีภพอยู่ ๓ ภพด้วยกัน

 ภพที่ ๑ เรียกว่า “กามภพ”

ภพที่ ๒ เรียกว่า รูปภพ

ภพที่ ๓ เรียกว่า “อรูปภพ”

นี่คือภพที่จิตใจของพวกเราติดกันอยู่

เป็นภพที่เจริญแล้วก็เสื่อม มีเกิดแล้วเดี๋ยวก็มีดับ

 เวลาเกิดก็เป็นสุข เวลาดับก็เป็นทุกข์

จิตใจของพวกเราจึงยังถูกความทุกข์ครอบงำอยู่

ไม่ว่าจะไปเกิดในภพไหนก็ตาม

เกิดแล้วเดี๋ยวก็ต้องตายไป ไปเกิดในสวรรค์

เดี๋ยวก็ต้องตายจากสวรรค์ลงมา มาเกิดเป็นมนุษย์

เดี๋ยวก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย นี่คือเรื่องของจิตใจ

ของพวกเราที่ยังติดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่

 ยังไม่สามารถที่จะหลุดออกจากภพต่างๆเหล่านี้ได้

เพราะว่าเราไม่รู้จักทางที่จะออกจากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง

 การที่เราจะออกจากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้นี้

เราต้องมีคนรู้จักทางพาเราไป

เหมือนกับที่เราจะเดินทางไปในสถานที่ที่เราไม่เคยไป

 ถ้าไม่มีคนนำทางเราก็จะหลงทางกัน

จะไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทาง

ที่เราต้องการไปกันได้

พระพุทธศาสนานี้เป็นเหมือนผู้นำทาง

 เป็นผู้นำพาจิตใจของพวกเราให้หลุดออกจากไตรภพ

 ออกจากกามภพ ออกจากรูปภพ ออกจากอรูปภพ

ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนาก็จะติดอยู่ในไตรภพนี้

 มีพระพุทธศาสนาเพียงศาสนาเดียว

ที่จะสามารถพาให้สัตว์โลกทั้งหลาย

ให้ออกจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้

นี่คือความสำคัญหรือความวิเศษของพระพุทธศาสนา

ที่พวกเราโชคดีได้มาเกิดได้มาพบ

บางคนเกิดมาแล้วไม่ได้พบก็มี เช่นไปเกิดในประเทศอื่น

 ก็ไปพบกับศาสนาอื่น ศาสนาอื่นนั้นก็ไม่รู้จักทาง

ที่จะพาให้สัตว์โลกหลุดจากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ พวกเราจึงถือว่า

มีโชคมหาศาลที่ได้มาเกิดอยู่ในเมืองพุทธ

 มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

เป็นศาสนาที่จะสอนให้เราออกจากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิด การที่เราจะได้รับประโยชน์

จากพระพุทธศาสนา เราจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตาม

เงื่อนไขของพระพุทธศาสนา

เหมือนกับเวลาที่เราถูกลอตเตอรี่รางวัลที่๑

 เราจะไปขึ้นรางวัล เราก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข

ของสำนักงานสลากกินแบ่ง เช่นเขาก็ต้องบอก

ให้เราเอาหลักฐานต่างๆไปยืนยันว่าเราเป็นใคร

 และลอตเตอรี่ที่เราถูกนี้เป็นของเรา

เขาถึงจะให้เงินรางวัลเรา

 ฉันใดพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน

ถึงแม้จะได้มาเกิดเป็นชาวพุทธ

แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่า

จะได้รับประโยชน์จากพระพุทธศาสนา

เพียงแต่ได้พบ เพียงแต่ได้นับถือพระพุทธศาสนานั้น

ยังไม่ได้ทำให้เราสามารถรับผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่

จากพระพุทธเจ้าได้ การที่เราจะได้รับประโยชน์

จากพระพุทธศาสนา คือได้รับการหลุดพ้น

จากกองทุกข์แห่งการเกิดแก่เจ็บตาย

 เราจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของพระพุทธศาสนา

 ที่มีเงื่อนไขอยู่สองเงื่อนไขด้วยกันคือ

 ๑. เราต้องศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 ๒. หลังจากที่เราได้ศึกษาแล้วรู้แล้วว่า

พระพุทธเจ้าสอนให้เราทำอะไร เราก็ต้องปฏิบัติตาม

 นี่คือเงื่อนไขข้อที่ ๒ คือ ปฏิบัติปฏิบัติตามคำสอน

ของพระพุทธเจ้า ถ้าเราได้ศึกษาเราก็จะได้รู้จัก

วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องที่เรียกว่า “ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ”

เมื่อเราได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผลก็คือการหลุดพ้น

จากความทุกข์ต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาตามลำดับ

จนถึงขั้นสูงสุดของการหลุดพ้นจากความทุกข์

 ดังนั้นการที่เราถือว่าเราเป็นชาวพุทธนับถือพุทธศาสนานั้น

 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการที่จะมารับประโยชน์

จากพระพุทธศาสนา เพราะถ้าเราไม่มีศรัทธาความเชื่อ

ในพระพุทธศาสนาเราก็อาจจะไปนับถือศาสนาอื่นก็ได้

 หรืออาจจะไม่นับถือศาสนาใดก็ได้

คนสมัยนี้มีการศึกษาทางโลกกันมาก

มีวิชาต่างๆที่จะสามารถเอื้อประโยชน์

ให้กับผู้ที่ศึกษาวิชาต่างๆทางโลก

ก็เลยอาจจะไม่เห็นความสำคัญ

ของวิชาทางพระพุทธศาสนาก็ได้

 เพราะวิชาทางพระพุทธศาสนานี้

จะสอนเกี่ยวกับเรื่องจิตใจ แต่วิชาทางโลกนี้

จะสอนเกี่ยวกับเรื่องของทางร่างกาย

 คือวิชาต่างๆทางโลกนี้จะสอนให้ผู้ศึกษามีความรู้

ที่จะเอาไปทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงร่างกาย

ให้อยู่อย่างสุขอย่างสบายได้

 พอมีวิชาความรู้มีความสามารถที่จะเลี้ยงดูร่างกาย

ให้อยู่อย่างสุขสบายได้ ก็อาจจะไม่เห็นความสำคัญ

ของศาสนาก็ได้ เพราะเมื่อมีรายได้ที่จะสามารถ

มาให้ความสุขกับร่างกายและจิตใจได้

ก็เลยไม่เห็นความสำคัญของศาสนาก็ได้

 ถึงแม้จะมาเกิดในประเทศไทย

ที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

 ก็อาจจะไม่เห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาก็ได้

เพราะไม่รู้ว่าพระพุทธศาสนานั้น

ทำประโยชน์ให้กับตนเองได้อย่างไรบ้าง

เมื่อเห็นว่าความรู้ที่ได้เรียนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ

 เช่นมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้วพอเรียนจบ

ก็สามารถออกไปทำมาหากิน

 ได้เงินทองมาเป็นจำนวนมากมาย

ก็เลยคิดว่าเท่านี้ก็พอแล้ว จะต้องไปเรียนอะไรอีก

 เพราะเมื่อมีเงินมีทองก็สามารถซื้อความสุขทุกอย่างได้

 อยากจะได้อะไรก็ซื้อได้ อยากจะต้องการไปที่ไหน

ก็สามารถไปได้ สามารถหาความสุข

ผ่านทางร่างกายได้ตลอดเวลา

 จึงไม่เห็นความสำคัญของศาสนา

ว่าจะมาทำประโยชน์ให้กับตนเองได้อย่างไร

คนส่วนมากที่เกิดในเมืองไทย

กลับไม่นับถือศาสนาพุทธกัน

 หรือถ้านับถือก็นับถือแบบทะเบียนบ้าน

คือเมื่อมาเกิดในครอบครัวที่นับถือพระพุทธศาสนา

ก็นับถือตามไป แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกติกาเงื่อนไข

ของศาสนา จึงไม่ได้รับประโยชน์จากพระพุทธศาสนา

 จะมาเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาก็อาจจะสายเกินไป

 เช่นมาเห็นตอนที่แก่ตอนที่เจ็บตอนที่จะตาย

 เพราะตอนนั้นเงินทองที่มีอยู่มากมายก่ายกอง

ก็ไม่สามารถมาซื้อความสุขให้กับใจได้

 ไม่สามารถมาดับความทุกข์ให้กับใจได้

 เพราะตอนนั้นร่างกายไม่อยู่ในฐานะ

ที่จะไปหาความสุขต่างๆได้เหมือนตอนที่ยังไม่แก่

 ตอนที่ยังไม่เจ็บ ตอนที่ยังไม่ตาย

คนเราจะลืมกันตรงนี้ ลืมว่าเมื่อเกิดมาแล้ว

จะต้องมีการแก่ มีการเจ็บ มีการตายตามมา

 หรือไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าหลังจากที่ตายไปแล้วนั้น

ไปเกิดดีหรือไม่ดี ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากเหตุอะไร

นี่คือเรื่องที่ถ้าเราไม่คิดกัน

เราก็อาจจะไม่เห็นคุณค่าของศาสนา

เพราะตอนที่เรายังมีกำลังวังชา

มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง

มีความสามารถที่จะหารายได้

เพื่อที่จะเอามาหาความสุขต่างๆ

 เราก็เลยอาจจะไม่เห็นความสำคัญของศาสนา

 ก็จะไม่สนใจที่จะเข้าศึกษา

และปฏิบัติจากพระพุทธศาสนา

 ถึงแม้จะอยู่กับศาสนาก็เหมือนกับทับพีในหม้อแกง

 ทัพพีในหม้อแกงถึงแม้จะอยู่ในหม้อแกง

เป็นเวลายาวนานเพียงไรก็ตาม

ทัพพีจะไม่รู้ว่าแกงที่ทัพพีไปอยู่ในนั้นเป็นแกงชนิดไหน

 เป็นแกงเผ็ดแกงจืดหรือแกงหวาน

 เพราะทัพพีไม่มีความสามารถที่จะรู้รสของแกงได้

ถ้านับถือศาสนาพุทธแบบทัพพีในหม้อแกง

 ก็จะไม่ได้รับประโยชน์อันล้ำค่าของพระพุทธศาสนา

 ประโยชน์อันล้ำค่าของพระพุทธศาสนา

ก็คือการมากำจัดความทุกข์ต่างๆ

ที่มีอยู่ในใจของพวกเรา ทั้งในขณะที่มีชีวิตอยู่

และหลังจากที่เราตายไปแล้ว

ความทุกข์ของพวกเรานี้มันมีอยู่กับจิตใจ

ของพวกเราตลอดเวลา แต่การดับความทุกข์ของเรานั้น

เป็นการดับความทุกข์แบบเสริมสร้างความทุกข์

ให้มีเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้เป็นการดับความทุกข์

เพื่อให้ความทุกข์นั้นน้อยลงไปหรือหมดไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 29 ธันวาคม 2561
Last Update : 29 ธันวาคม 2561 11:17:16 น.
Counter : 377 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ