เชื่อกันมาก็ทำตามกันมา
ความสุขที่พวกเราชาวฆราวาส
ญาติโยมแสวงหาสัมผัสกัน
เป็นความสุขที่เป็นความสุขชั่วคราว
เป็นความสุขปลอม เพราะมันจะกลายเป็น
ความทุกข์ขึ้นมาเวลาที่มันเสื่อมไปหมดไป
แต่พวกญาติโยมก็ไม่มีทางเลือก
เพราะเกิดมาอยู่ในสังคมที่หาความสุขแบบนี้กัน
ปู่ย่าตายาย บิดามารดา ญาติพี่น้อง
ญาติสนิทมิตรสหาย ก็หาความสุขแบบนี้
ไม่มีใครรู้จักวิธีหาความสุขแบบพระพุทธเจ้า
นอกจากได้มาวัด ได้มาศึกษา ได้มาฟังเทศน์ฟังธรรม
ได้มาพบปะกับพระสงฆ์องค์เจ้า
ถึงจะเห็นว่ามีความสุขอีกแบบหนึ่ง
ที่ดีกว่าความสุขที่กำลังได้เสพได้สัมผัสกันอยู่
เพราะเป็นความสุขที่ปะปนคลุกเคล้าด้วยความทุกข์
ด้วยความวุ่นวายใจ ด้วยความวิตกกังวล
ด้วยความหวาดกลัวนี่คือผลที่เกิดจากการ
ที่ญาติโยมมาหาความสุขจาก ลาภ ยศ สรรเสริญ
หาความสุขจาก รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
เพราะของพวกนี้มันไม่เที่ยง เวลามีมันก็ดี
แต่เวลาไม่มีมัน มันไม่ดี มันเป็นพิษเป็นภัย
ถ้าเราไปอาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นลมหายใจ
เวลามันหมดไปนี้จะทำให้ทรมาน
แต่ก็ไม่รู้จักวิธีหาความสุขทางอื่น
สาเหตุที่พวกเราไม่ค่อยมาวัด เพราะเห็นว่า
วัดเป็นเรื่องงมงายไปเสียอีก ไม่เข้าใจ
ว่าวัดนี่แหละเป็นแหล่งของความรู้
เป็นแหล่งของความสุขที่วิเศษ แต่ไม่เข้าใจกัน
ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะคนสอน
คนสอนก็สอนไม่เป็น ไม่รู้เรื่อง
คนที่รู้จริงๆ เรื่องของศาสนาพุทธนี่มีไม่มาก
พระอริยเจ้านี่เป็นผู้ที่รู้เรื่องของศาสนาอย่างจริงจัง
ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นพระอริยะนี้จะไม่รู้จะไม่เข้าใจ
แล้วก็จะทำให้ศาสนากลายเป็นของงมงายไป
ทำให้ศาสนากลายเป็นเหมือนกับแหล่งหลอกลวง
หลอกลวงให้คนทำบุญทำทาน
โดยที่คนทำบุญทำทานทำไปก็ไม่รู้ว่าได้อะไร
ทำไปก็เพราะเชื่อเท่านั้นว่าได้นู่นได้นี่
แต่ไม่ได้เห็น ได้สัมผัสอย่างจริงจัง
ก็เลยยังไม่มั่นใจไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร
บุญเป็นอย่างไร ความสุขทางใจเป็นอย่างไร
เลยไม่ค่อยเข้าใจกัน เพราะความกลัวบาปกลัวนรก
ก็เลยมาทำบญุ แต่ยังไม่ได้สัมผัสกับผลจริงๆ
เลยไม่ได้ทำอย่างจริงจัง ทำแบบกั๊กเอาไว้
ทำไว้บ้าง เผื่อไว้ เผื่อมันเป็นเรื่องจริง
ตายไปจะได้ไม่ขาดทุน
ถ้าสวรรค์มีจริง ทำบุญไว้ก็ยังได้ไปสวรรค์
บาปก็ไม่ทำ หรือถ้าทำบ้างก็พยายามทำให้น้อย
ถ้ายังต้องทำก็ทำไป แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ทำ
นี้คือไม่เชื่ออย่างจริงจัง
ทีนี้ยังไม่รู้ว่าบุญทำให้เกิดอะไรขึ้นมา
ยังไม่รู้ว่าบาปนี่ทำให้เกิดอะไรขึ้นมา
เพราะคนขายบุญขายบาปนี้
ไม่แจ้งรายละเอียดให้ทราบ
เหมือนคนขายประกันไม่ได้บอกว่า
จะรับประกันอะไรให้บ้าง เพียงแต่พูดรวมๆ
ว่ารับประกัน รับรอง มีเหตุมีภัยแล้วจะรับดูแล
ให้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียด
คนซื้อประกันเลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
ว่าจะถูก หลอกหรือเปล่า
นี่คือที่มาว่าทำไมศาสนาเรา
จึงไม่มีความศรัทธาทำกันแบบจริงจัง
ส่วนหนึ่งที่ทำเพราะว่าถูกสอนมาแต่เด็ก
เชื่อกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย
เชื่อกันมาก็ทำตามกันมา ทำด้วยความเชื่อ
แต่ยังไม่ได้สัมผัสกับผลจริงๆ
อันนี้เพราะว่าไม่ได้ทำอย่างจริงๆ
ทำอย่างเต็มที่กัน
แต่ถ้าเชื่ออย่างจริงจังนี้ บาปจะไม่ทำเลย
จะทำแต่บุญอย่างเดียว.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
................................
หนังสือสัมมาทิฏฐิ
ความเห็นชอบ ความเห็นที่ถูกต้อง
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ