"ซ้อมรับกับเหตุการณ์จริงที่จะเกิดขึ้น
พิจารณาว่าร่างกายมีอาการ ๓๒ มาจากดินน้ำลมไฟ
แล้วก็จะต้องกลับไปสู่ดินน้ำลมไฟต่อไป
ก่อนจะไปก็ต้องแก่ก่อน ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยก่อน
ให้พิจารณาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซ้อมไปเรื่อยๆ
ให้พร้อมที่จะรับกับเหตุการณ์จริงที่จะเกิดขึ้น
ถ้าอยากจะพิสูจน์ว่าพร้อมหรือยัง
เช่นกับความเจ็บของร่างกาย ก็ให้นั่งสมาธิ
พอเกิดอาการเจ็บปวด ก็ไม่ต้องขยับ
ไม่เปลี่ยนอิริยาบถเพื่อให้ความเจ็บหายไป
ปล่อยให้หายไปเอง เหมือนกับเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย
พอโรคหายความเจ็บปวดก็หายไปเอง
เช่นเวลาเป็นไข้แล้วปวดไปทั้งตัว
ก็อย่าไปกินยาแก้ปวด นั่งสมาธิแทนใช้ธรรมะโอสถ
ทำใจให้สงบ ปล่อยวางความเจ็บปวดของร่างกาย
ร่างกายจะเจ็บก็ปล่อยให้เจ็บไป
ถ้าทำจิตให้สงบได้ จะระงับความเจ็บของใจได้
ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า
ความเจ็บของร่างกายหลายร้อยเท่า
พอความเจ็บของใจหายไป
ความเจ็บของร่างกายจะรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา
พอรับได้ พอทนได้ ไม่เดือดร้อน
แต่ถ้ามีความเจ็บทางใจแล้ว
ถึงแม้ความเจ็บทางร่างกายจะไม่รุนแรง
ก็จะรับไม่ได้ เพราะทรมานที่ใจ
ไม่ได้ทรมานที่ร่างกาย นี่ก็เป็นการพิสูจน์ไว้ก่อนว่า
เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย หรือช่วงใกล้ตาย
ร่างกายจะมีอาการเจ็บปวดมาก
ใจจะนิ่งหรือจะทุรนทุราย ต้องควบคุมใจให้นิ่ง
ด้วยการบริกรรมพุทโธ หรือจะใช้อุบายของปัญญา
พิจารณาให้เห็นว่าร่างกายนี้ มันรู้หรือไม่เวลามันเจ็บ
กระดูกมันรู้หรือไม่ว่ามันเจ็บ
เวลาเอากระดูกไก่กระดูกหมูไปต้มในน้ำร้อน
มันรู้ว่ามันเจ็บหรือไม่
หรือมันก็เป็นเหมือนกับวัตถุชิ้นหนึ่ง ที่ไม่รู้เรื่องอะไร
ร่างกายของคนที่ตายไปแล้ว
เวลาเอาไปเผาไฟรู้หรือไม่ ว่าเจ็บหรือไม่
เขาไม่รู้หรอก ผู้รู้ก็คือใจ ที่ไม่ได้ถูกเผา
ใจไปทุกข์ทรมานแทนร่างกายทำไม
เช่นเดียวกับความเจ็บของร่างกายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้
ใจไม่ได้เป็นผู้เจ็บเสียหน่อย
แต่ใจไปทุกข์ทรมานกับความเจ็บของร่างกายทำไม
ทำไมไม่ปล่อยให้เขาเจ็บไปตามเรื่องของเขา
เพราะนิสัยเราถูกปลูกฝังมา
ให้รังเกียจให้ปฏิเสธความเจ็บของร่างกาย
พอเกิดความเจ็บของร่างกาย ต้องทำให้หายไป
ไม่ปล่อยให้มันหายเอง ถ้ามันเจ็บขยับได้ก็จะขยับ
หรือรับประทานยาแก้ปวด
นี่ไม่ใช่เป็นการดับความทุกข์ที่เกิดจากสมุทัย
คือความชอบหรือความชัง
ทุกข์แบบนี้ต้องละความชอบความชัง
เช่นสุขเวทนาก็อย่าไปชอบ ทุกขเวทนาก็อย่าไปชัง
ต้องทำใจให้เป็นกลางเฉยๆ สุขก็ไม่ยินดี
ทุกข์ก็ไม่ยินร้าย ปล่อยไปตามเรื่องของเขา
ทำใจให้สักแต่ว่ารู้ เหมือนกับอยู่ในสมาธิ
ถึงแม้จะรับรู้ก็รับรู้เฉยๆ ไม่มีอารมณ์.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.......................................
กำลังใจ, ๔๙ กัณฑ์ ๔๑๔
วันที่ ๒๕ กรกฏาคม ๒๕๕๓
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ