เหตุและผลเป็นของคู่กัน
ยินดีที่ทุกคนมีความสนใจใฝ่ธรรม
เพราะไม่มีอะไรมีคุณค่า เป็นประโยชน์กับชีวิตจิตใจ
ยิ่งกว่าธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะมีธรรมะเท่านั้น ที่ทำให้พวกเรา
ได้หลุดพ้นจากความทุกข์
และพบความสุขอย่างแท้จริงและถาวร
ที่วิธีดับทุกข์และสร้างความสุขต่างๆของโลกทำไม่ได้
เช่นการสร้างความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ
จากลาภยศสรรเสริญ ที่ให้ความสุขในขณะที่ได้สัมผัส
แล้วก็จางหายไปเหมือนควันไฟ
เหลือแต่ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
ความหิวความอยากความทุกข์ต่างๆ
ที่ทำให้ต้องไปหาความสุขใหม่อีก
แต่ไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่จะดับความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้
นอกจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
การใฝ่ธรรมยินดีในธรรมจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เป็นคุณเป็นประโยชน์กับชีวิตจิตใจอย่างแท้จริง
อย่าให้ความยินดีในธรรมหายไปจากใจ
ด้วยการศึกษาธรรมะ ฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่เรื่อยๆ
เวลาว่างจากภารกิจการงานอื่นๆ
แทนที่จะดูหนังฟังเพลง ที่ให้ความสุขชั่วคราว
แต่ไม่เป็นคุณเป็นประโยชน์กับจิตใจเลย
ถ้าได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว จะเข้าใจธรรมะ
จะสามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกต้อง
และบรรลุผลได้อย่างแน่นอน
เหตุและผลเป็นของคู่กัน เหตุทำให้เกิดผล
ถ้าเจริญเหตุที่ถูก ก็จะได้ผลที่ถูก ถ้าเจริญเหตุที่ผิด
ก็จะได้ผลที่ผิด การศึกษาธรรมะจึงเป็นเรื่องสำคัญ
เป็นอันดับแรก ทรงสอนปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
คือศึกษา ปฏิบัติ บรรลุผล
ในเบื้องต้นต้องศึกษาจากผู้รู้เช่นพระพุทธเจ้า
ครั้งแรกที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรมคำสอน
มีนักศึกษาอยู่ ๕ รูป คือพระปัญจวัคคีย์
ทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
พระอริยสัจ ๔ ไตรลักษณ์ หลังจากที่ทรงแสดงเสร็จ
หนึ่งในผู้ฟังคือพระอัญญาโกณฑัญญะ ก็ได้บรรลุผล
ที่เกิดจากการได้ยินได้ฟังได้ปฏิบัติในขณะนั้นเลย
ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ที่เกิดขึ้นตามลำดับ ขณะที่ทรงแสดง
ผู้ฟังก็พิจารณาตาม พอเข้าใจแล้ว
ก็ปล่อยวางความเห็นผิด ความยึดมั่นถือมั่น
ในสิ่งที่ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
เพราะเป็นความทุกข์นั่นเอง
ไปยึดในสิ่งที่ไม่ควรยึด ก็จะสร้างความทุกข์ใจขึ้นมา
ทรงสอนว่าความทุกข์อยู่ที่ร่างกาย ที่เกิดขึ้นมาแล้ว
ก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายเป็นธรรมดา
ถ้าไปยึดไปติดร่างกาย ไปอยากให้ร่างกาย
ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย พอร่างกายแก่เจ็บตาย
ใจก็จะทุกข์ ถ้าจะดับความทุกข์
ก็ต้องปล่อยวางร่างกาย คืออย่าไปอยากให้ร่างกาย
เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ปล่อยให้ร่างกาย
เป็นไปตามความจริง คือมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ย่อมมีการแก่ การเจ็บ การตายเป็นธรรมดา
พอฟังแล้วพิจารณาตาม ทำใจให้ปล่อยวาง
ตัดอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายได้
ใจก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ ความแก่
ความเจ็บ ความตาย ก็จะไม่เป็นปัญหา
ต่อผู้ที่เห็นด้วยปัญญาแล้วว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
มีการเกิดขึ้นตั้งอยู่ แล้วดับไป
พระอัญญาโกณฑัญญะ
หลังจากได้ฟังพระอริยสัจ ๔
คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ก็ปรากฏมีดวงตาเห็นธรรมขึ้นมาว่า
ความทุกข์เกิดจากความอยาก
อยากในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่อยากทุกข์
ก็ต้องตัดความอยาก ด้วยการยอมรับว่า
ธรรมอันใดมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา
พอยอมรับแล้วก็จะไม่ทุกข์
กับสิ่งที่มีการเกิดมีการดับเป็นธรรมดา
จะไม่ยึดไม่ติดอีกต่อไป.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.........................................
กำลังใจ ๕๓, กัณฑ์ที่ ๔๒๓
วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๔
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ