"ให้มีจาคะ คือการเสียสละ
เพราะคนเรามีสติปัญญาความสามารถต่างกัน
คนที่มีปัญญาน้อย
ก็จะเห็นคำสอนของพระพุทธเจ้าไร้คุณค่า
คนที่มีปัญญาถึงจะรู้คุณค่า
เพราะพระธรรมของคำสอนเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
ที่จะเข้าใจได้ เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม
กับความรู้สึกของสัตว์โลกทั้งหลาย
ที่เห็นวัตถุข้าวของเงินทองเป็นสิ่งที่วิเศษ
เป็นสิ่งที่ดี ที่นำความสุขมาให้
แต่ไม่เห็นสิ่งที่เลวร้ายที่ซ่อนอยู่กับความวิเศษ
คือความทุกข์ต่างๆที่ตามมา
เพราะจะต้องกังวล ต้องห่วง ต้องหวง
ต้องเสียดายเสียใจเมื่อสิ่งของต่างๆ
บุคคลต่างๆ ที่ได้มาต้องจากไป
เพราะไม่เป็นเหมือนเดิมไปตลอดเวลา
มีการเปลี่ยนแปลง
มีการพลัดพรากจากกันไปในที่สุด
นี้คือสิ่งที่เราคิดว่าวิเศษวิโสกัน
ที่เราแสวงหากัน จึงไม่เห็นคุณค่า
ของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่ทรงสอนให้ตัด ให้ละ ความโลภ
ความอยากได้สิ่งต่างๆมากเกินความจำเป็น
เพราะมีเท่าที่จะดูแลอัตภาพร่างกาย
ให้อยู่ได้อย่างสบายก็พอแล้ว
มีมากไปกว่านั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
แต่จะกลายเป็นภาระทางจิตใจไป
เพราะจะต้องคอยดูแลรักษา
ต้องคอยกังวลคอยห่วงคอยหวง
เพราะสมบัติของเรามีหน้าที่รับใช้เรา
คือดูแลอัตภาพร่างกายของเรา
ให้อยู่อย่างสะดวกอย่างสบาย
แต่ถ้ามีมากเกินไปก็แสดงว่าเราไม่ฉลาด
ไม่มีปัญญา เราก็จะกลายเป็นคนรับใช้สมบัติต่างๆไป
เพราะจะต้องมาคอยดูแลรักษา คอยห่วงคอยกังวล
แต่คนที่มีปัญญาคนฉลาดจะรู้จักใช้สิ่งต่างๆเหล่านั้น
ให้เกิดคุณเกิดประโยชน์ และไม่ให้เป็นภาระทางจิตใจ
ส่วนใดที่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้
เพื่อดูแลรักษาอัตภาพชีวิตร่างกายก็เก็บไว้
ส่วนที่เหลือก็ไม่เก็บไว้ให้เป็นภาระ
เอาไปจำหน่ายจ่ายแจก ไปสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์
เพื่อนสัตว์ร่วมโลก ดีกว่าเก็บไว้ไม่ได้ทำประโยชน์
เพราะจะนำมาซึ่งความทุกข์ ความกังวลใจต่างๆ
นี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่ทรงสอนให้พวกเราปฏิบัติกัน
ให้มีจาคะ คือการเสียสละ
ถ้าไม่มีจาคะไม่มีการเสียสละ
เราจะไม่สามารถเดินตามแนวทาง
ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนได้
เราก็จะไม่ได้รับประโยชน์คือความสุข
ที่เกิดจากการปฏิบัติตาม
เพราะความตระหนี่ความหวงแหน
จะเป็นศัตรูต่อจาคะการเสียสละ
แต่ถ้าเรามีศรัทธามีความเชื่อมั่น
ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน
เราก็ต้องกล้าที่จะเสียสละ
ในเมื่อสิ่งที่เรามีอยู่นั้น
ถ้าพิจารณาด้วยปัญญาแล้ว
เราก็จะรู้ว่าไม่ได้ทำให้เรามีความสุข
มากขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่
หมดไปก็ไม่ทำให้เราเดือดร้อนอย่างไร
มีไว้กลับเป็นภาระ เป็นเหตุที่จะสร้างความกังวลใจ
สร้างความห่วงใย สร้างความเสียอกเสียใจ
เวลาที่ต้องสูญเสียไป แล้วไม่ช้าก็เร็ว
สักวันหนึ่งเราก็ต้องจากทุกสิ่งทุกอย่างไป
เพราะโลกนี้ไม่ได้เป็นโลกที่จิรังถาวรยั่งยืน
เรามาแล้วเดี๋ยวเราก็ต้องไป
จะไปด้วยความสุขหรือไปด้วยความทุกข์
ก็อยู่ที่ว่ามีจาคะหรือไม่
ถ้ามีก็จะไปอย่างสบายอย่างสุขใจ
ไปสู่ที่ดี ไปสู่สุคติ ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์
เป็นเทพ เป็นพรหม
ถ้าไปแบบเสียอกเสียใจเสียดายอาลัยอาวรณ์
เพราะต้องจากสิ่งที่รักไป ก็จะไปสู่ที่ไม่ดี
ไปสู่ทุคติ ไปสู่อบาย
เพราะความทุกข์ของจิตใจเป็นเหตุ.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..............................
กำลังใจ ๒๕, กัณฑ์ที่ ๒๖๔
วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ