เวลา
การปฏิบัติสำหรับผู้ที่ยังมีคู่ครอง
ควรรักษาศีล ๘ อย่างน้อยก็อาทิตย์ละ ๑ ครั้ง
แล้วค่อยเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ
เวลารักษาศีล ๘ ก็ต้องภาวนาให้มากกว่าวันที่ไม่ได้รักษา
เช่นวันที่ต้องไปทำมาหากินทำงานทำการ
ก็จะมีเวลาเฉพาะตอนเช้าและตอนค่ำก่อนหลับนอน
ก็นั่งสมาธิ สัก ๓๐ นาที สัก ๑ ชั่วโมง
ถ้าจะอ้างว่าไม่มีเวลา ก็ต้องหาเวลา
เพราะเวลามีเท่ากัน วันละ ๒๔ ชั่วโมง
ถ้าไม่มีเวลาภาวนาก็แสดงว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่น
ก็ต้องสำรวจดูว่าเอาไปทำอะไรบ้าง
ถ้าไปทำกับแสงสีเสียงก็ควรลดลงมา
เช่นดูหนังดูละคร แทนที่จะดู ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง
ก็ดู ๑ ชั่วโมง ดูสิ่งที่มีประโยชน์
เช่นข่าวสารเหตุการณ์ต่างๆ ตัดเรื่องบันเทิงไป
จะได้มีเวลาภาวนามากขึ้น ถ้าเป็นวันหยุดทำงาน
ก็ถือศีล ๘ ตัดไปหมดเลย เรื่องข่าวสารเรื่องบันเทิง
ดูหนังสือธรรมะแทน ฟังเทศน์ฟังธรรมแทน
เดินจงกรมนั่งสมาธิ สลับกับการทำภารกิจที่จำเป็น
กวาดบ้านถูบ้าน ทำอาหารรับประทานอาหาร
ทำตารางขึ้นมาว่าวันหยุดนี้
จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับจิตใจ
ถ้าไม่ทำตารางพอถึงเวลาก็จะไม่ได้ทำ
เช่นตื่นขึ้นมาก็นั่งปฏิบัติธรรม ๑ ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ดูแลรักษาร่างกาย อาบน้ำแปรงฟัน
รับประทานอาหาร เสร็จแล้วก็เดินจงกรม
พอเมื่อยก็นั่งสมาธิ ออกจากสมาธิก็ดูหนังสือธรรมะ
หรือฟังเทศน์ฟังธรรม เวลาก่อนเที่ยง
ก็รับประทานอาหาร หลังจากเที่ยงวัน
ก็จะไม่รับประทานอาหาร ต่อจากนั้นก็เดินจงกรม
เสร็จแล้วก็พักสัก ๑ ชั่วโมง ทำตารางไว้เลย
ถ้าทำตามได้ก็จะก้าวไปข้างหน้า
ก้าวไปด้วยการปฏิบัติ ด้วยการกระทำ
จึงต้องคอยดูการกระทำอยู่เสมอ
ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่
กำลังทำประโยชน์ให้กับใจหรือเปล่า
ถ้าไม่ทำตารางการปฏิบัติ ปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์
รับรองได้ว่าจะไม่ได้ปฏิบัติ จะไปเปิดตู้เย็นเสียมากกว่า
เปิดตู้เย็นแล้วก็ไปเปิดทีวี เปิดทีวีแล้วก็ไปหาหมอน
ตื่นขึ้นมาก็เปิดตู้เย็นใหม่เปิดทีวีใหม่
ต้องบังคับตัวเอง ต้องมีวินัย
ถ้าไม่มีวินัยจะไม่เจริญก้าวหน้า
ต้องคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากการควบคุมบังคับตน
ก็คือมรรคผลนิพพาน ไม่มีอะไรจะวิเศษ
เท่ากับมรรคผลนิพพาน ทำงานนี้เสร็จแล้ว
จะสบายไปตลอดอนันตกาล ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป
ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่ ไม่ต้องกลับมาดิ้นรน
ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
หาเงินหาทองมาซื้อความสุข
ไม่ต้องทุกข์กับความแก่ความเจ็บความตาย
มีแต่ความสุขตลอดเวลา ไม่มีความทุกข์เลย
ถ้าคิดอย่างนี้แล้วจะมีกำลังใจ มีความกล้าหาญ
มีความเข้มแข็ง มีความพากเพียร มีความอดทน
ที่จะพาไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์
ไปสู่ความสุขที่ถาวรที่ยั่งยืน เริ่มจากการปฏิบัติที่บ้าน
เพราะอยู่บ้านตลอดเวลา ถ้าจะไปปฏิบัติที่วัด
พอไปถึงวัดก็หมดแรงแล้ว
พอปฏิบัติเข้าร่องเข้ารอยก็ต้องกลับบ้าน
เหมือนกับรถพอวิ่งได้หน่อยหนึ่งก็ต้องจอด
ต้องกลับบ้าน จึงควรปฏิบัติที่บ้านไปก่อน
ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเวลาปฏิบัติ
เอาเวลาที่ใช้ไปกับพวกบันเทิง
ถ้าเอามาไม่ได้หมดก็แบ่งมาสักครึ่งก่อน
สละละครไปสัก ๑ หรือ ๒ เรื่อง
ละครน้ำเน่าดูไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
เรื่องโลภโกรธหลง อิจฉาริษยา อาฆาตพยาบาท
ผิดศีลผิดธรรม ดูไปทำไม ไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา
เกิดความเบื่อหน่ายสลดสังเวช
ดูธรรมะอ่านหนังสือธรรมะดีกว่า ภาวนาดีกว่า
ถ้าทำแล้วก็จะเจริญก้าวหน้าไปตามลำดับ
ต่อไปถ้าปฏิบัติที่บ้านแล้วรู้สึกว่ามีอุปสรรคมาก
ก็ต้องไปอยู่ที่วัดบ้าง เพราะอยู่ที่บ้านจะมีธุระนั้นธุระนี้
มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มารบกวน มาคอยแย่งเวลาไป
ถ้าปฏิบัติได้ผลบ้างแล้วจะเห็นคุณค่าของการปฏิบัติ
และเห็นโทษของการทำภารกิจที่ไม่จำเป็น
เช่นการหาเงินหาทองมากเกินความจำเป็นก็เป็นโทษ
ไม่ได้เป็นประโยชน์ เป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ
ถ้าเอาไปเที่ยว เอาไปซื้อความสุข
ทางตาหูจมูกลิ้นกาย ก็เหมือนไปซื้อยาเสพติด
น้อยนักที่จะเอาไปทำประโยชน์
เช่นเอาไปทำบุญ ถ้าไม่มีเงินจะทำบุญก็ไม่ต้องทำ
ไม่ต้องเสียเวลาไปทำบุญ เอาเวลามาภาวนา
เพื่อบุญที่ใหญ่กว่า
มากกว่าบุญที่ได้จากการทำบุญให้ทาน
เอาเวลามารักษาศีล ๘ ดีกว่า มาภาวนากันดีกว่า
ตัดเวลาหาเงินให้น้อยลงไป อย่ามีเงินมาก
มีเวลามากจะดีกว่า เวลามีคุณค่ากว่าเงินทอง
ถ้ารู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์นี้
เวลามีคุณค่ากว่าเงินทองเป็นหมื่นล้านแสนล้าน
เพราะเงินทองหมื่นล้านแสนล้านดับความทุกข์ไม่ได้
แต่เวลาที่ใช้ปฏิบัติธรรมนี้ดับความทุกข์ได้.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..................................
กำลังใจ ๖๐, กัณฑ์ที่ ๔๕๒
วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ