Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 

เลือกสียาทาเล็บอย่างไรดี

เคยรู้สึกหนักใจไหมว่า จะเลือกสียาทาเล็บอย่างไรดีถึงจะเข้ากับมือของเราที่สุด สียาทาเล็บบางสีก็ดูสวย แต่ทำไมพอมาอยู่บนเล็บเราแล้วถึงได้ดูไม่จืดเลย ทีกลับสาวบางคนทาออกมากลับสวยซะงั้น เรามีเทคนิคง่ายๆ ในการเลือกสียาทาเล็บให้เหมาะกับผิวสาวแต่ละประเภท แน่นอนว่าทาออกมาสวยถูกใจแน่นอน

สาวผิวขาวอมเหลือง :
เหมาะกับยาทาเล็บสีชมพูอมส้ม สีน้ำตาลทองสว่าง หรือสีสดๆ จะทำให้มือดูอ่อนเยาว์ ไม่ซีดเซียวและสดใสขึ้น

สาวผิวขาวอมชมพู :
เหมาะกับยาทาเล็บสีชมพูอมน้ำตาล สีชมพูอมม่วง หรือสีโทนเย็น จะทำให้ดูอ่อนหวานขึ้น

สาวผิวคล้ำอมเหลือง :
เหมาะกับยาทาเล็บสีน้ำตาลทองเข้ม สีแดงสด หรือสีทอง จะช่วยทำให้ดูอบอุ่น ลุ่มลึก น่าค้นหา

สาวผิวคล้ำหรือดำแดง :
เหมาะกับยาทาเล็บสีแดงเข้ม สีชมพู จะดูเป็นคนมีพลัง ฉลาดเฉลียว ทันคน ปรับตัวเก่ง

TIPS
สีอ่อนเข้าไว้
ถ้าคุณยังไม่คล่องพอที่จะทาสีเล็บด้วยตัวเอง หรืออยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่อยากจะทาสีเล็บเพื่อออกงาน ให้เลือกสีเล็บที่มีเฉดสีอ่อน เพราะหากทาสีเล็บเลยไปหรือทาไม่เต็มหรือไม่เนียนพอ จะได้เห็นไม่ชัด

เลือกสีตามเทรนด์
ลองมองหาเทรนด์สีเล็บที่นิยมกัน ด้วยการสังเกตเวลาเข้าร้านทำเล็บว่าสีไหนที่ถูกใช้งานไปเยอะมากที่สุด นั่นแหละคือสีที่ใช่

ยิ่งสั้นสียิ่งสวย
ถ้าต้องการทาเล็บสีสว่างสดใส ควรตัดเล็บให้สั้นกว่าปกติ สีเล็บที่สดใสก็จะช่วยดึงความสนใจได้เพียงพอแล้ว

บำรุงเล็บบ้าง
ถ้าเล็บของคุณบาง อ่อนแอ และฉีกขาดง่าย ทานวิตามินเสริมอย่างธาตุเหล็กบ้าง วันละเม็ด นอกจากนี้ควรทาท๊อปโค้ทที่ปราศจากสารฟอร์มัลดิไฮด์ และทำจากโปรตีน เพื่อช่วยบำรุงให้เล็บแข็งแรงเสริมเข้าไปด้วย

รูปทรงของเล็บก็สำคัญ
ไม่จำเป็นจะต้องไว้ให้ยาวเสมอไปถึงจะสวย เพียงดูแลและตัดเล็บให้ได้รูปร่างที่สวยงามก็ใช้ได้แล้ว อย่างตอนนี้เทรนด์เล็บนิยมการตัดเล็บแนวสี่เหลี่ยมปลายมนเล็กน้อย ถ้าไม่อยากทาสีเล็บก็ทาท๊อปโค้ทบำรุงเล็บและช่วยให้เล็บเป็นเงางามสวยก็ได้




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2551    
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 20:50:04 น.
Counter : 411 Pageviews.  

"สไตล์แต่งหน้า.....แอ๊บแบ๊ว"

1. ก่อนแต่งหน้าทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้าทุกครั้ง แต่ต้องรอสัก 10 นาทีให้ครีมบำรุงซึมซาบเข้าสู่ผิวก่อนจะเริ่มแต่งหน้า

2. ทาแป้งฝุ่นอัดแข็งเนื้อบางเบาหรือ loose powder โดยเลือกเนื้อแป้งที่สีกลมกลืนกับผิว อย่าพยายามใช้โทนสีขาวที่อ่อนกว่าผิวจริงของตัวเองมาก เพราะจะทำให้หน้าวอกดูเฟค

3. ปัดแก้มด้วยบลัชออนสีชมพูหรือสีพีช โดยเน้นปัดที่โหนกแก้ม ไล้จากขอบหน้ามาถึงประมาณกลางลูกตาดำ แล้วปัดวนเป็นวงกลมๆ จะช่วยให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาก สุขภาพดี มีเสน่ห์ น่าหอม

4. ทาอายชาโดว์สีน้ำตาลอ่อนเมทาลิค หรือสีเบจเป็นสีพื้นให้ทั่วเปลือกตา

5. เขียนขอบตาให้คมชัด โดยใช้ดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลหรือดำ วาดจากหัวตาไปจนถึงหางตา แล้วตวัดปลายชี้ขึ้นเล็กน้อย

6. ดัดขนตา ซึ่งต้องดัดตั้งแต่โคนขนตาขึ้นไปกลางขนตา และก็ดัดที่ปลายขนตารวม 3 steps แล้วปัดมาสคาร่าชนิดเพิ่มความหนาและความยาว

7. ทาริมฝีปากด้วยลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้น แล้วทับด้วยลิปกลอส หรือลิปเจลสีชมพูอ่อนๆ




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2551    
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 20:49:21 น.
Counter : 460 Pageviews.  

ไม่รวยก็สวยได้!!

ผิวดีเริ่มต้นที่บ้าน
การดูแลผิวไม่ได้หมายถึงการบำรุงด้วยครีมแพงๆเสมอไป แค่คุณเลิกดื่มชา กาแฟหรือแอลกอฮอล์ได้ หรือหัดทำ Dry Skin Brushing (การแปรงผิวแบบแห้งเพื่อช่วยขับพิษจากระบบต่อมน้ำเหลือง) ทุกวันก่อนอาบน้ำ เพียงเท่านี้ก็รับรองได้ว่าจะเห็นความแตกต่างที่ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
เคล็ดลับ
บริษัทเครื่องสำอางใหญ่ระดับโลกที่มีสินค้าหลายๆแบรนด์และราคา มักมีแนวคิดที่จะรองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกระดับงบประมาณ หากเราใจเย็นสักนิดแล้วรออีกเพียง 2-3 เดือนหลังจากที่สินค้าราคาสูงออกวางตลาด ถึงตอนนั้นเราก็จะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหมือนหรือใกล้เคียงกับสินค้าราคาสูง แต่มาในราคาย่อมเยากว่า
แน่นอนว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีก็มีส่วนช่วยได้มากเหมือน แต่แทนที่จะต้องเสียเงินเสียเวลา และน้ำมันรถไปทำทรีตเมนต์ที่ร้าน ทำไมไม่ลงทุนซื้อสกินแคร์และครีมนวดหน้าดีๆมาใช้เองล่ะ เพราะถึงอย่างไรทำเองก็ย่อมสะดวกกว่าอยู่แล้ว และของก็ใช้ได้นาน ไม่แพงเหมือนไปทำที่ซาลอนเป็นครั้งๆ
อย่ามองข้ามการดื่มน้ำเปล่าสะอาดๆวันละ 8 แก้วกับการนอนวันละ 6-8 ชั่วโมง เพราะนี่คือตัวบำรุงผิวให้สดใสที่ราคาถูกและดีที่สุดในโลก

เมกอัพสวยราวกับเศรษฐี
คนที่แต่งหน้าแล้วดูเนี้ยบสวยไม่ได้แปลว่าเครื่องสำอางทุกชิ้นที่ใช้จะมีราคาเป็นหลักร้อยหลักพันขึ้นไปแต่อย่างเดียวหรือต้องแต่งหน้าแบบครบเครื่องตลอดเวลา เมกอัพที่จำเป็นจริงๆสำหรับผู้หญิงนั้นมีเพียงสามชิ้น คือ มาสคาร่า บลัชออน และลิปกลอส แต่สำหรับสาวไทยอาจเพิ่มแป้งทูเวย์มาช่วยเสริมให้หน้าดูนวลใส และหากดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่าก็จะยิ่งดูตาโตและเพิ่มความงอนสวยติดทนนานยิ่งขึ้น ปัดแก้มด้วยบลัชสีส้มพีชอ่อนๆ แต้มกลอสชนิดใสไร้สีให้ริมฝีปากดูมันวาวนิดๆ เท่านี้ก็ดูดีได้แล้ว
เคล็ดลับ
ควรลงทุนกับ

อายแชโดว์

รองพื้น

แป้งฝุ่น

คอนซีลเลอร์

แปรงและอุปกรณ์แต่งหน้า
ควรประหยัดกับ

ลิปสติก ลิปกลอส ลิปบาล์ม

มาสคาร่า

ลิปไลเนอร์

บลัชออน

บรอนเซอร์

กระดาษซับหน้ามัน


เรียวขาเกลี้ยงเกลา

ทั้งสาวไทยและสาวเทศหลายคนที่นิยมแว๊กซ์กำจัดขนแต่แม้จะทำเองราคาก็ยังแพงอยู่ ดังนั้น การสครับผิวบ่อยๆนอกจากจะช่วยชะลอการเกิดใหม่ของขนและยืดอายุการแว๊กซ์ครั้งต่อไปแล้ว ยังช่วยให้ผิวเนียนดีด้วย

เคล็ดลับ
ควรหมั่นสครับผิว แล้วตามด้วยการหาครีมบำรุงเนื้อข้นๆเป็นประจำ

การโกนเป็นทางเลือกที่ง่ายและถูกกว่าเสมอ



เรือนผมสุดไฮคลาส
เรือนผมที่ดูเปล่งราศีความมีระดับคือผมที่เป็นประกายเงางามและมีชีวิตชีวา คล้ายๆผมของนางแบบที่สะบัดไปมาในโฆษณาแชมพูนั่นล่ะ และที่สำคัญคือเรื่องความสะอาด การใช้คอนดิชันเนอร์ที่ดีและแปรงผมเส้นใยธรรมชาติที่มีคุณภาพ ล้วนแต่ช่วยให้เกล็ดผมเรียบสลวยดูดีได้ทั้งสิ้น
เคล็ดลับ
ลงทุนซื้อทรีตเมนต์มาหมักผมเองที่บ้านบ่อยดีกว่าไปทำที่ร้าน

อย่าขี้เหนียวในการทำสีและไฮไลต์กับช่างดีๆ

สระ ดราย หรือหนีบผมเป็นเรื่องที่คุณทำเองได้ ถูกกว่าให้ร้านทำ
ทำสีผมแล้วอย่าลืมใช้แชมพูและครีมนวดที่ช่วยรักษาสีผมด้วย จะได้ยืดอายุการทำครั้งต่อไปได้นานๆ
ผมม้าสามารถเล็มเองได้ที่หน้ากระจกเราเอง

เล็บงาม
เราสามารถทำทรีทเมนต์เท้าและเล็บได้เอง โดยใช้นมผงละลายน้ำอุ่นพร้อมหยดน้ำมันอัลมอนด์ลงไปแล้วแช่เท้าไว้สักครู่ ก่อนตัดแต่งเล็บและหนังต่อไป เท้าจะนุ่มขึ้นและเล็บจะดูเงาสวยมากๆ
เคล็ดลับ
หัดตัดเล็บและหนังเองจะช่วยประหยัดได้มาก

ควรลงทุนกับอุปกรณ์ตัดแต่งเล็บดีๆ สักชุด เพราะทั้งทนทานและสะอาดกว่าไปทำที่ร้าน
ควรซื้อตะไบดีๆมีคุณภาพไว้ใช้แทนตะไบเหล็กราคาถูก เพราะช่วยถนอมเล็บไม่ให้ฉีกขาดได้ดีกว่า
หมั่นทาโลชั่นบำรุงมือ (ที่ไม่จำเป็นต้องแพง) หลังล้างมือหรือทำงานบ้าน
หากชอบเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ ควรซื้อเบสและท็อปโค้ตดีๆมาใช้ เล็บจะได้ไม่เหลืองแม้จะใช้ทายาทาเล็บราคาถูก




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2551    
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 20:48:28 น.
Counter : 439 Pageviews.  

แต่งหน้า.... ยามกลางวัน





ถึงเราจะสวมเสื้อผ้า รองเท้า และสะพายกระเป๋าที่ถูกใจแถมยังอินเทรนด์สุดๆ ก็ยังไม่พอนะคะ ก่อนออกจากบ้านเราน่าจะต้องดูสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า เรามีคำแนะนำการแต่งหน้าที่เป็นธรรมชาติเหมาะกับการไปเที่ยวช้อปปิ้งหรือทำงานมาฝากค่ะ


การแต่งหน้าต้องเริ่มจากล้างหน้าให้สะอาดเสียก่อน จากนั้นก็ทาครีมบำรุงต่างๆ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ครีมกันแดด ถ้าไม่เจอแดดแรง ๆ ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 ก็พอ แต่ถ้าแดดแรงก็ให้เพิ่ม SPF มากขึ้นแต่ไม่ควรเกิน 30 เพราะจะทำให้ไปตกค้างบนผิวหน้าและเป็นผื่นได้ หลังจากทาครีมกันแดดเรียบร้อยแล้ว


ขั้นตอนแรกในการแต่งหน้า คือการรองพื้น ควรเป็นรองพื้นชนิดน้ำ เพราะจะไม่ทำให้หน้าดูหนาแต่จะดูเนียนเป็นธรรมชาติ สำหรับสีรองพื้นควรเป็นสีเดียวกับสีผิวของเรานะคะ ไม่ควรขาวกว่าเพราะจะทำให้หน้าเราดูหลอกขาววอกลอยมาแต่ไกล เมื่อรองพื้นเสร็จแล้วก็ลงแป้งฝุ่นชนิดโปร่งใส (หาซื้อได้ตามบูธเครื่องสำอางทั่วไปค่ะ)


จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการแต่งสีตา การแต่งตาตอนกลางวัน อยากจะแนะนำให้ใช้สีน้ำตาลมากกว่า เพราะเข้าได้กับทุกสีของเสื้อผ้าที่เราใส่ สีที่ต้องใช้มี 2 สี คือ สีน้ำตาลอ่อนกับสีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน ทาจากขอบตาบนไปยังกลางเบ้าตา เกลี่ยให้ดูเป็นธรรมชาติ

เสร็จแล้วจึงใช้สีน้ำตาลเข้มทาที่ขอบตาบนและล่างจากหัวตาไปยังหางตา การเขียนหรือทาขอบตาจะทำให้ตาดูโตน่ามองไม่ต้องกลัวว่าจะดูดุนะคะ ส่วนใครที่ตาโตอยู่แล้วทาอ่อน ๆ ก็ได้ค่ะ จากนั้นก็ดัดขนตาและปัดด้วยมาสคาร่าสีดำหรือน้ำตาลเข้ม


ทีนี้มาถึงขั้นตอนการเขียนคิ้ว ถ้าคนที่มีคิ้วเข้มอยู่แล้ว ใช้มาสคาร่าใสปัดก็ได้ หรือใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อนปัดด้วยพู่กัน

สำหรับคนที่คิ้วบางใช้ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเขียนไปเบา ๆ ตามรูปของคิ้วแล้วใช้มาสคาร่าใสปัดทับ ต่อไปก็ปัดแก้มด้วยสีชมพูอ่อนหรือสีส้ม แล้วทาลิปสติกสีที่ชอบตบท้ายก็เป็นอันเสร็จค่ะ



เทคนิคแต่งหน้าง่ายๆ ที่เราแนะนำไป ลองนำไปปฏิบัติตามดูนะคะในช่วงระหว่างวันก็อาจซับและเติมหน้าได้เป็นระยะ... เพียงแค่นี้ก็ทำให้คุณดูสวยได้ตลอดวันแล้วค่ะ




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 16:42:49 น.
Counter : 455 Pageviews.  

การดึงหน้า หน้าผาก ดึงคอ

ทุกเช้าที่คุณตื่นขึ้นมาส่องกระจก ลองสังเกตดูใบหน้าของคุณอย่างใกล้ชิดดูสิครับ แล้วจะเริ่มเห็นริ้วรอยที่มาเยือนตามส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังอันได้แก่ ร่องหน้าผาก ที่มีรอยเหี่ยวย่นให้มองเห็นชัด คิ้วทั้ง 2 ข้างเริ่มจะหย่อนลงมา ทำให้หนังตาย้อยมาปิดที่เปลือกตา และหางตาที่ตกเป็นแนวลู่ลง เมื่อมองดูที่หนังตาล่างก็เห็นมีถุงไขมันป่องนูนออกมา มีร่องน้ำตาลึกขึ้น

ส่วนด้านข้างของจมูกก็เห็นมีรอยร่องลึกขึ้นเป็นร่องแก้ม ที่เด่นชัด ครั้นพอยิ้มเข้าหน่อยก็ชักจะเห็นขีดรอยพับจีบที่หางตาเป็นรอยที่เรียกกันว่า ตีนกา อาจจะมีเป็นสองแฉก สามแฉก หรือหลายแฉก ขึ้นที่ปลายหางตา เมื่อสังเกตลงมาถึงคางก็จะเห็นลักษณะของคางที่ห้อยย้อย และมีเนื้อที่เหี่ยวรวมตัวอยู่ข้าง ๆ ขากรรไกรส่วนบริเวณคอก็เห็นเป็นลำกล้ามเนื้อและมีหนังที่เป็นแนวเหี่ยวย่นมากขึ้น

เพื่อใบหน้าที่เต่งตึงและแลดูอ่อนวัยตลอดเวลา คุณควรดูแลเอาใจใส่ผิวพรรณอยู่เสมอ แต่หากเกิดรอยเหี่ยวย่นดังที่หมอกล่าวมาข้างต้น การที่จะทำให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึงและดูอ่อนวัยขึ้นจึงจำเป็นต้องพึ่งแพทย์ การดึงหน้า ก็เป็นวิธีแก้ไขปัญหาหน้าตาหย่อนยานอย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้

ความจริงแล้ว การดึงหน้า นั้นเป็นวิธีการแก้ไขใบหน้าที่หย่อนยานให้เต่งตึงขึ้นได้อย่างเห็นผลทันตาเลยทีเดียว และเป็นวิธีการผ่าตัดที่ทำกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้วเรียกว่าเกือบจะร้อยปีแล้วก็ได้ วิธีการผ่าตัดก็มีการพัฒนาและเทคนิคการผ่าตัดก็ได้รับการปรับปรุงให้เกิดความรวดเร็วและปลอดภัยตลอดเวลา

ในปัจจุบันนี้นับได้ว่าการผ่าตัดดึงหน้าเป็นการผ่าตัดที่ได้ผลดีมาก และมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงทีเดียว ถึงแม้ว่าในความรู้สึกของคนทั่วไปแล้วการดึงหน้าดูจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวและเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้แล้ว คุณจะไดรู้รายละเอียดที่แท้จริงของการผ่าตัดชนิดนี้ ซึ่งหมอว่าเป็นการผ่าตัดที่ผู้ได้รับการผ่าตัดส่วนใหญ่จะพอใจกับผลการรักษาอย่างมากทีเดียวรวมทั้งไม่น่ากลัวอย่างที่คิดด้วย

เอาล่ะ เรามาเริ่มขั้นแรกกันเลยดีกว่า คือขั้นตอนการตรวจ และการพิจารณาการดึงหน้า

สำหรับคุณผู้หญิงที่มีใบหน้าหย่อนยาน หรือเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะอายุเลย 30 ปี ขึ้นไปแล้ว บางคนจะสังเกตเห็นว่าหนังตาเริ่มหย่อน จึงมักจะไปพบหมอเพียงเพื่อจะทำการผ่าตัดแก้ไขเปลือกตาหย่อน ทั้งนี้เพราะเป็นจุดที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดและอาจส่งผลต่อการมองเห็นของดวงตาด้วย

แต่เมื่อลองสังเกตเพิ่มเติม คุณจะเห็นลักษณะของผิวหนังบนใบหน้าหย่อนยานร่วมด้วยเสมอไม่มากก็น้อย หมอจึงมักจะให้คำแนะนำและชี้ให้เห็นจุดที่คุณอาจสังเกตไม่เห็นในกรณีที่ใบหน้ามีความหย่อนยานมาก ซึ่งหากคุณจะทำการผ่าตัด แก้ไข เปลือกตาหย่อนอย่างเดียวแล้ว อาจจะได้ผลไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร คือยังดูไม่สวย ไม่สาว เช่น หางตายังย้อยอยู่ จึงอาจจะต้องพิจารณาการผ่าตัดดึงส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าร่วมด้วย

ในการผ่าตัดดึงหน้านั้น ก่อนอื่นคุณควรจะพูดคุยกับคุณหมอเสียก่อนว่า การผ่าตัดดึงหน้าหรือส่วนอื่น ๆ นั้น จะได้ผลเปลี่ยนแปลง หรือเต่งตึงขึ้นที่ส่วนใดบ้าง และส่วนไหนที่ยังจะมีการหย่อนหลงเหลืออยู่บ้างเพราะการดึงหน้านั้นจะทำให้คุณมีใบหน้าที่ตึงขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นสาววัยรุ่นได้ทุกคนนะครับ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพของผิวหนัง และโครงสร้างของกล้ามเนื้อแต่ละบุคคลด้วย

การผ่าตัดดึงหน้านั้นก็เป็นการผ่าตัดที่สำคัญพอสมควร และใช้เวลาประมาณ 2-4 ชม. ดังนั้นคุณจึงตองมีสุขภาพที่แข็งแรงพอสมควร จึงจะทำการผ่าตัดได้ ทั้งนี้การผ่าตัดสามารถทำโดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ ร่วมกับการใช้ยานอนหลับอย่างอ่อน ๆ หรือการผ่าตัดโดยใช้การดมยาสลบซึ่งแพทย์นิยมทำโดยวิธีนี้มากกว่า เพราะคุณจะหลับตลอดระยะเวลาใน

ระหว่างการผ่าตัด รวมทั้งการดูแลการหายใจและระบบไหลเวียนก็อาจจะดีกว่าการฉีดยาชาเฉพาะที่ เพราะคุณจะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ดมยาด้วย

สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่มีผลต่อการดมยาสลบ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเสมอ เพื่อจะได้ควบคุม อาการและความรุนแรงของโรคให้ได้เลียก่อน รวมทั้งหากคุณทานยาบางชนิดอยู่เป็นประจำ เช่น ยากลุ่มแอสไพริน ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนบางชนิดมาเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะเพื่อรักษาภาวะหมดประจำเดือน วิตามินอี หรือเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น ควรแจงให้แพทย์ทราบด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผ่าตัดและการสมานของแผลทั้งทางตรงและทางอ้อมได้

คนไข้บางคนสูบบุหรี่จัดก็เป็นเหตุให้ผิวหนัง เสื่อมวัยเร็วกว่าปกติและยังเป็นเหตุให้ผิวหนังไม่แข็งแรง ดังนั้นหมอจึงมักจะขอให้หยุดการสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดจนกว่าแผลจะหายสนิทแล้วเหล่านี้เป็นตัวอย่างของการเตรียมคนไข้ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า นอกจากนั้นแล้ว แพทย์ยังต้องมีการตรวจ เพื่อดูความแข็งแรงของร่างกายเป็นพื้นฐานก่อนการผ่าตัด

เห็นไหมครับว่าขั้นตอนในการเตรียมคนไข้ให้พร้อมก่อนการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยแก่คนไข้มีความสำคัญมากเหมือนกัน ต่อไป เรามาดูเกี่ยวกับรายละเอียดการผ่าตัดกันต่อเลยนะ


วิธีการผ่าตัดนั้น

แพทย์จะเริ่มจากการเปิดแผลบริเวณเหนือหู ขึ้นไปถึงบริเวณขมับ
โดยผ่านผิวหนังหลังแนวผมเข้าไปตามขอบใบหูด้านหน้า และอาจจะเว้าขึ้นไปที่ติ่งหน้ารูหูเล็กน้อย แล้วต่อลงมาที่ติ่งหู ด้านล่าง โค้งอ้อมติ่งหูไปทางด้านหลังหูตรงบริเวณซอกหลังใบหูขึ้นไปจากนั้นจึงลากผ่านเข้าไปในผมอีกทีเพื่อซ่อนแผลไว้ในแนวเสนผม

จะเห็นได้ว่า แผลที่โผล่มาให้เห็นนั้น อยู่ตรงบริเวณขอบหูด้านหน้าเท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อแผลหายสนิทแล้วก็มักจะมองไม่ค่อยเห็นชัด ส่วนบริเวณอื่น ๆ แพทย์จะซ่อนเอาไว้อย่าง ตามแนวเส้นผม โดยไม่ต้องกังวล ว่าจะมีใครมาเห็น นอกจากคุณจะเปิดโชว์ให้ดูเท่านั้น


หลังจากนั้นแพทย์ก็จะเปิดผิวหนังส่วนบนของใบหน้าหรือส่วนที่หย่อนยานขึ้น
เมื่อเปิดได้กว้างเพียงพอแล้วแพทย์ก็จะเปิดยกผืนพังผืดและกล้ามเนื้อขึ้น อีกชั้นหนึ่งเพื่อจะได้ดึงให้ตึงเป็น 2 ชั้น (คือชั้นตื้นและชั้นลึก)
คราวนี้ แพทย์ก็จะเริ่มจัดการกับกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่มีผลต่อริ้วรอยของใบหน้า เช่น กล้ามเนื้อหางตา (หรือที่เคยรู้กันมาว่า ตัดตีนกา นั่นแหละครับ) กล้ามเนื้อหน้าผาก หว่างคิ้ว กล้ามเนื้อที่คอด้านข้างแพทย์ก็จะจัดการเย็บขึงให้ตึงขึ้น
แล้วเย็บติดกับส่วนที่แข็งแรงเพื่อตรึงเอาไว้เป็นแห่งๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วแพทย์จึงจะดึงหนังส่วนบนให้ตึง และตัดหนังส่วนเกินที่หย่อนออกไป แล้วเย็บผิวหนังปิดเข้ากับที่ใหม่ด้วยไหมเล็กๆ ให้แข็งแรงเป็นชั้นๆ อีกที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ในปัจจุบันนี้มีการเย็บรอยแผลให้ปิดด้วยไหมเหล็กเหมือนลวดเย็บกระดาษก็จะช่วยทุ่นเวลาการผ่าตัดของคนไข้ได้มากทีเดียว จะมีแพทย์หลายท่านที่ใช้วิธีนี้ช่วยในบางส่วนของการเย็บแผล เช่น แผลที่ซ่อนอยู่ในผม

ดังนั้นคุณไม่ต้องตกใจหากตื่นขึ้นมาแล้วเกิดไปเจอลวดเย็บแผลชนิดนี้เข้า เพราะเป็นอุปกรณ์เย็บแผลชนิดหนึ่งเท่านั้น เวลาใช้ก็รวดเร็ว เวลาถอดออกก็ไม่เจ็บเลย แถมสะดวกดีด้วย ไม่ต้องกังวลว่าจะมีไหมค้างหรือกลัวว่าแพทย์จะตัดไหมไม่หมดด้วย เพราะลวดเย็บคลำเจอได้ง่ายกว่าไหมเย็บ


หลังผ่าตัดแพทย์อาจจะใส่ท่อเล็ก ๆ สำหรับช่วยดูดเลือดที่ซึมเล็ก ซึมน้อยจากการผ่าตัดออก
เพื่อช่วยป้องกันเลือดที่จะค้างคาหลังจากเย็บแผลเรียบร้อยแล้ว ท่อนี้แพทย์จะเอาออกให้ในเวลาไม่นานนักอาจจะเป็น 1-2 วัน เท่านั้น


เมื่อผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการดูแลหลังการผ่าตัด
หลังการผ่าตัดนั้นโดยทั่วไปก็ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดหน่อยทั้งนี้ เพื่อสังเกตอาการต่าง ๆ ว่าแผลผ่าตัดเป็นอย่างไร มีอาการปวดหรือเลือดออกผิดปกติหรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้วก็มักจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงนัก

แผลผ่าตัดก็มักจะปวดไม่มากนัก เพราะอาจจะใช้ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการได้ หรือการประคบเย็นที่ใบหน้าก็ช่วยทำให้อาการปวดลดลงรวมทั้งป้องกันอาการบวมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดได้มากทีเดียว

เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 วัน แพทย์ก็จะตรวจดูแผลและถอดสายระบายเลือด รวมทั้งอาจจะถอดผ้าพันต่าง ๆ ออก และเริ่มทำความ สะอาดแผล หลังจากนั้นก็อาจจะให้คำแนะนำไปดูแลต่อที่บ้านได้

ส่วนไหมที่เย็บไว้รวมทั้งไหมเหล็กด้วยนั้นแพทย์มักจะถอดออกได้ใน เวลาประมาณ 7-10 วัน ซึ่งหากไม่มีปัญหาใด ๆ อาการบวมหรือฟกช้ำก็มักจะหายสนิทในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ รวมทั้งรูปโฉมใหม่ก็จะเริ่มเข้าที่ให้เห็นประมาณ 1 เดือนไปแล้ว ไม่ช้าไม่เร็วเกินไปนะ

รอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นตามวัยจากภาพแรกจะหายไป ทำให้ใบหน้าเต่งตึงดูอ่อนวัยเมื่อได้รับการผ่าตัดดึงหน้าแล้ว


การดูแลสภาพผิวหลังการผ่าตัด
เพื่อให้หน้าที่ตึงเอาไว้คงสภาพ อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน เพราะตามปกติแล้วผลของการดึงหน้านั้น มักจะมีอายุการตึงของผิวหน้าได้นานหลายปีทีเดียว แต่ว่าปัจจัยหลายอย่างก็มีผลทำให้อายุการดึงตัวของการดึงหน้านั้นลดลงเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น การสูบบุหรี่ หรือการอยู่ท่ามกลางมลภาวะต่าง ๆ หรือที่ที่มีคนสูบบุหรี่มาก ๆ เราก็กลาย เป็นคนสูบบุหรี่มือสองไปด้วย การตรากตรำกรำแดดเป็นประจำโดยไม่มีอะไรปกป้อง เช่น ครีมกันแดด หมวก ร่ม การถูนวดหน้ารุนแรง หรือผิวหนังที่ขาดการบำรุง เป็นต้น ก็ทำให้หน้าตาเหี่ยวย่นกลับมาใหม่ได้รวดเร็วเหมือนกันนะ

ยิ่งอายุมากขึ้นด้วยแล้วก็ต้องบำรุงสุขภาพ โดยรวมด้วย เช่น พักผ่อน ออกกำลังกายบ้าง กินอาหารที่มีประโยชน์ และคลายเครียดด้วยกิจกรรมต่าง ๆ จะได้ชะลอความแก่ตามธรรมชาติ ที่จะมาเยือนอีกรอบได้นานขึ้น

คงมีหลายคนนึกถามหมอขึ้นมาว่า คุณหมอคะ แล้วการดึงหน้า มีผลข้างเคียงมากมั้ยค่ะ มีคนบอกว่าทำแล้วอาจหน้าเบี้ยวได้

ก็อย่างที่ทุกคนทราบกันดีแล้วว่า การผ่าตัดทุกชนิดย่อมจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้เหมือนกัน แต่อาจจะมากน้อย รุนแรงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่สำหรับการดึงหน้านั้นก็พบได้บ้าง ซึ่งก็ต้องเล่าสู่กันฟังไว้ด้วยเพื่อความสมบูรณ์ โดยยกเอาเฉพาะที่สำคัญ ๆ อันได้แก่

1. แผลเป็น
แน่นอนที่สุดว่าการผ่าตัดจะต้องมีแผลเป็นเกิดขึ้น แต่ถ้าแผลปกติแล้วมักจะเป็นเส้นเล็ก ๆ และแพทย์จะพยายามซ่อนแผลไว้ในที่ที่มองเห็นได้น้อยที่สุด และที่สำคัญคือหากแผลหายได้ไม่ปกติอาจจะเกิดแผลปูด แผลนูน ตามมาได้เหมือนกัน ซึ่งตรงนี้ก็คงต้องทำการรักษาต่อไป อาจจะใช้วิธีฉีดยาละลายแผลปูด การใช้ยาถูนวด หรือสุดท้ายก็ต้องตัดแต่งแผลเป็นกันอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ก็คงต้องให้แพทย์ที่ผ่าตัดเป็นคนประเมินและแนะนำกันต่อไป

2. เลือดค้างใต้ผิวหนัง
อันนี้เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น การผ่าตัดห้ามเลือดได้ไม่ดี แต่ขอบอกก่อนว่า ในการผ่าตัดทุกครั้งแพทย์คงต้องพยายามห้ามเลือดให้ดีที่สุดอยู่แล้ว การมีเลือดออกมาใหม่หลังการผ่าตัด เนื่องเพราะความดันสูง การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน เป็นต้น เหล่านี้ต้องเตรียมให้ดีก่อนการผ่าตัดและดูแลหลังการผ่าตัดให้ แต่หากเกิดขึ้นจริงก็คงต้องระบายเลือดที่คั่งค้างออก ถ้าไม่มากก็อาจจะแค่เจาะดูดออก หรือต้องเปิดแผลเข้าไปอีกทีก็ต้องให้แพทย์จัดการแหละ

3. หน้าเบี้ยวในบางคน
เห็นเรื่องนี้เข้าแล้วบางคนกลัวถอยกรูดไปเลย ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่แพทย์ที่จะผ่าตัดดึงหน้าทุกคนต้องพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดอยู่แล้ว โดยการฝึกฝนให้มีความชำนาญและผ่าตัดด้วยความละเมียดละไมอย่างที่สุด ทั้งนี้ในมือของแพทย์ผู้ชำนาญจริง ๆ แล้ว โอกาสเกิดขึ้นก็น้อยมาก และเมื่อเกิดขึ้นก็มักจะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น และจะหายไปเองในไม่ช้า

4. อาการชาที่หน้า
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่พบได้ปกติในการดึงหน้าเลยครับ เพราะว่าผิวหนังที่ถูกแยกขึ้นมาจากที่เดิมย่อมจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นตัวของเส้นประสาทที่เลี้ยงผิวหนังบ้าง โดยทั่วไปก็ประมาณ 1 - 2 เดือน อาการก็จะเป็นปกติหายชาไปเอง

จะเห็นได้ว่า การผ่าตัดดึงหน้าอาจมีผลข้างเคียงได้บ้างในบางคนแต่สามารถแก้ไข และหายไปเองได้

การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีการผ่าตัดที่ช่วยทำให้ใบหน้า ที่หย่อนยานจากผลของผิวหนังที่ร่วงโรยและการเปลี่ยนแปลงตามสภาพสิ่งแวดล้อมให้ถอยกลับไปเต่งตึงสมวัยหรืออ่อนกว่าวัยได้ นับว่าเป็นการผ่าตัดที่ได้ผลอย่างทันตา และมีผลข้างเคียงก็เกิดขึ้นน้อยมาก ไม่น่ากลัวอย่างที่เข้าใจกัน

แต่ทั้งนี้การเตรียมตัวอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพและการได้เลือกผ่าตัดกับแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญโดยตรงด้วยความระมัดระวัง รวม ทั้งคุณก็ควรจะดูแลใบหน้าอย่างถูกต้องก็จะเป็นวิธีการที่ได้ผลดีที่สุด เท่านี้คุณก็จะได้สาวขึ้นสมใจแล้วละ




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 16:40:14 น.
Counter : 436 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.