Group Blog
All Blog
<<< "สติสามารถดับอารมณ์ต่างๆได้" >>>









”สติสามารถดับอารมณ์ต่างๆได้”

ไม่ว่าจะเป็นสงฆ์หรือเป็นฆราวาส

ความสามัคคีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

 อยู่ร่วมกันต้องไม่แตกแยก

ถึงแม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกัน

มีการกระทำที่แตกต่างกัน

ก็ให้สงวนความแตกต่าง ประสานความเหมือน

 ส่วนที่มีความเห็นไม่ตรงกันก็เก็บไว้ในใจ

ส่วนที่ต้องทำร่วมกันเพื่อให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

 ก็ทำกันไป ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบก็ตาม

 ถ้าอยู่ในสังคมนั้นเขาทำกันอย่างนั้น

ก็ต้องทำตาม ถ้าทะเลาะวิวาทกัน

ก็ทำให้เกิดเป็นปัญหาขึ้นมา

ถ้าเป็นสังคมระดับประเทศชาติอย่างที่ผ่านมา

เราก็เห็นกันว่าเป็นอย่างไร

พอเกิดความเห็นที่ไม่ตรงกัน

แยกเป็นสองฝักสองฝ่าย

 บ้านเมืองก็จะเดินไปสู่ความหายนะ

 ถ้าไม่มีมาตรการยับยั้ง

ก็อาจจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมาก็ได้

ในประวัติศาสตร์ก็มีประเทศที่มีปัญหา

เรื่องความเห็นไม่ตรงกัน

 จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองมาแล้ว

คนในประเทศเดียวกันต้องฆ่ากันเอง

 แม้แต่ในปัจจุบันก็มีให้เห็นเป็นข่าว

ในหน้าหนังสือพิมพ์

 ต่างศาสนาต่างนิกาย

 พอใครมาพูดเรื่องนิกายของพุทธศาสนา

 ก็ต้องรีบตัดไปเลยว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน

 เป็นพระเหมือนกัน มีพระพุทธเจ้าเป็นครู

เป็นอาจารย์เหมือนกัน

 ต่างกันเพราะมีความคิดเห็นที่ต่างกัน

จึงแยกกัน เราอยู่นิกายไหนก็อยู่ไป

ถ้าเห็นว่าไม่ดีไม่ถูกต้องก็ย้ายได้

เช่นพระที่ญัตติในสมัยหลวงปู่มั่น

หลวงปู่มั่นอยู่ในนิกายที่เคารพพระธรรมวินัยมาก

ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

 มีพระบางรูปอยู่อีกนิกายหนึ่ง

ที่ปฏิบัติไม่เคร่งครัดเท่า ก็เกิดความเลื่อมใส

อยากเป็นลูกศิษย์ อยากจะอยู่ศึกษาปฏิบัติกับท่าน

 ท่านก็ให้ทำญัตติกรรม

 เปลี่ยนจากนิกายหนึ่งไปอีกนิกายหนึ่ง

ก็ต้องเริ่มต้นใหม่เหมือนกับบวชใหม่

ถึงแม้บวชมาสิบยี่สิบพรรษาแล้ว

พอทำญัตติกรรมแล้วก็ต้องนับหนึ่งใหม่

แต่ท่านก็ไม่ถือเรื่องพรรษา

 เพราะบวชเพื่อธรรมะจริงๆ ไม่ได้บวชเพื่อพรรษา

 บวชแบบทัพพีในหม้อแกงจะเกิดประโยชน์อะไร

เทียบกับบวชแบบลิ้นกับแกงไม่ได้

บวชเพื่อสัมผัสธรรมะ รู้ธรรมะ

 เกิดธรรมะขึ้นมาในใจ

 กิเลสล้มหายตายจากไปจากใจ

 ถึงแม้จะเป็นผู้บวชใหม่

ก็มีศักดิ์ศรีมากกว่าผู้บวชมานาน

แต่ไม่ได้สัมผัสธรรมะ บวชแบบทัพพีในหม้อแกง

 จึงต้องให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติ

ที่จะทำให้ได้สัมผัสกับธรรมะ

การได้ยินได้ฟังอย่างเดียวยังไม่พอ

เหมือนกับรับยามาจากหมอ

 แต่ไม่รับประทานยาโรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่หาย

 เพราะยายังไม่ได้เข้าไปในร่างกาย

ธรรมะของพระพุทธเจ้า

ที่เราได้ยินได้ฟังก็เช่นเดียวกัน

 ถ้ายังไม่ได้นำมาปฏิบัติกับกายวาจาใจ

ก็ยังไม่เกิดประโยชน์

เหมือนยาที่ยังไม่ได้รับประทาน

 ฟังไปมากน้อยเพียงไร

 ถ้าไม่น้อมเข้ามาปฏิบัติกับกายวาจาใจ

 ก็ยังเป็นธรรมะภายนอกอยู่

ยังไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังอะไร

 เราต้องน้อมเข้ามาปฏิบัติกับกายวาจาใจ

ประโยชน์ถึงจะเกิดขึ้นมา

 เช่นเรื่องการให้มีสติอยู่ตลอดเวลา

 เราก็ต้องฝึกทำให้ได้ ถ้าทำได้แล้ว

จะเห็นคุณเห็นประโยชน์เห็นผล

ที่เกิดขึ้นจากการมีสติ เพราะสติสามารถ

ระงับดับอารมณ์ต่างๆได้

 อาจจะยังไม่ได้อย่างถาวร

 อย่างน้อยก็จะตัดอารมณ์ได้เป็นพักๆ

ไม่ให้ลามเป็นลูกโซ่ ถ้ามีสติเวลาเกิดอารมณ์

เราจะรู้ทันที ถ้ายังระงับไม่ได้

ก็ใช้การเบี่ยงเบนไปก่อน

พอคิดแล้วเกิดอารมณ์ขึ้นมา รู้ว่าอารมณ์ไม่ดี

 ก็หันไปคิดเรื่องอื่น คิดเรื่องธรรมะแทน

 ถ้าคิดเรื่องธรรมะแล้วใจจะเย็น

ถ้ายังคิดเรื่องธรรมะไม่เป็น

ก็ให้ระลึกชื่อของพระพุทธเจ้าไปก่อน

 บริกรรมพุทโธๆไปในใจ

 อย่าไปคิดถึงเรื่องที่ทำให้เกิดอารมณ์

เช่นกำลังมีปัญหากับใครสักคนหนึ่ง

 เกิดความโกรธเกลียดชังขึ้นมา

ก็หันมาบริกรรมพุทโธๆไปในใจ

หรือจะสวดมนต์บทใดบทหนึ่งก็ได้

ไม่ให้คิดถึงเรื่องอื่น พอสวดไปสักระยะหนึ่ง

 ความอยากจะไปคิดถึงเรื่องนั้นก็จะอ่อนตัวลง

 แล้วก็จะหายไป อารมณ์ที่เกิดขึ้น

จากการคิดเรื่องนั้นก็จะหายตามไป

 ใจก็กลับสู่ปกติ ก็จะคิดด้วยเหตุด้วยผล

ยอมรับเหตุผล ก็จะคิดว่าเขามีความเห็นอย่างนี้

 เขาชอบทำอย่างนี้ เราไม่ชอบทำอย่างนี้

 แต่จะทำอย่างไรได้ เขาเป็นเขา

 เราเป็นเรา เราไปบังคับให้เขาทำตามใจเราไม่ได้

 เมื่อเขาอยากจะทำก็ปล่อยให้ทำไป

 ถ้ายังต้องอยู่ด้วยกันก็ต่างฝ่ายต่างอยู่

 ถ้าคิดว่าอยู่ร่วมกันแล้วไม่เจริญ ก็แยกทางกันไป

เช่นเขาชอบดื่มสุรายาเมา

 ดื่มแล้วก็อาละวาดทุบตี ก็จะอยู่ไปทำไม

อยู่อย่างนี้ไม่เจริญ ก็แยกทางกันดีกว่า

 คิดด้วยเหตุด้วยผลไป ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้

 ถ้ามีเหตุมีผลเราจะชั่งน้ำหนักของคุณของโทษ

ของการกระทำของเรา ว่าเมื่อทำอย่างนี้แล้ว

จะได้จะเสียมากน้อยเพียงไร

ถ้าทำแล้วได้มากกว่าเสียก็ทำไป

ถ้าทำแล้วเสียมากกว่าได้ก็อย่าเพิ่งทำ

 อดทนไว้ก่อน ถ้าแยกทางกันแล้วเรากลับแย่ลง

 เพราะเรายังต้องอาศัยเขา ในการส่งเสียเลี้ยงดู

แยกทางกันแล้วไม่มีรายได้เลย

ก็จะเสียประโยชน์มากกว่าได้ ก็ทนอยู่กันไปก่อน

 จนกว่าจะหารายได้เอง แล้วค่อยแยกทางกันไป

นี่คือเรื่องของเหตุผล ที่แก้ปัญหาต่างๆได้.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

กำลังใจ ๓๔, กัณฑ์ที่ ๓๗๒

วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๐






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2561 15:05:39 น.
Counter : 435 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ