Group Blog
All Blog
<<< "ที่พึ่งของเรา" >>>











“ที่พึ่งของเรา”

คนเราทุกคนไม่ช้าก็เร็ว

ก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตายด้วยกัน

 ต่างกันตรงที่ว่าจะแก่จะเจ็บจะตาย

อย่างมีความทุกข์มากหรือไม่มีความทุกข์เลย

 เราสามารถเลือกได้ จะทุกข์กับร่างกายก็ได้

จะไม่ทุกข์ก็ได้ ถ้าไม่อยากทุกข์

ก็ต้องคอยสอนใจให้ปล่อย เตือนสติอยู่เรื่อยๆ

ว่าเดี๋ยวเราต้องแก่แล้วนะ

เดี๋ยวเราต้องเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วนะ

 เดี๋ยวเราต้องตายแล้วนะ คอยเตือนคอยสอนใจอยู่เรื่อยๆ

 แล้วจะไม่กล้าไปยึดไปถือว่าเป็นตัวเราเป็นของเรา

จะไม่กล้าไปอยากให้อยู่ไปนานๆ ไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย

 เมื่อไม่มีความอยาก ไม่มีความหลง ไม่มีอุปาทานแล้ว

 เวลาร่างกายเป็นอะไรไป เราจะรู้สึกเฉยๆ

รับรองได้ พวกเราทุกคนสามารถทำกันได้

 ถ้าหมั่นคิดหมั่นพิจารณาอยู่เรื่อยๆ ถ้าไม่พิจารณา

ความหลงก็จะครอบงำจิตใจ

 ความอยากไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายก็จะครอบงำจิตใจ

 ความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเรา

ก็จะเข้าครอบงำจิตใจ เวลาเกิดความแก่

ความเจ็บความตายขึ้นมาก็จะร้องห่มร้องไห้

 เศร้าโศกเสียใจ วุ่นวายใจ

 นี้คือสิ่งที่พวกเราต้องทำกันเอง ไม่มีใครทำให้เราได้

 พระพุทธเจ้า พระอริยสงฆสาวกเป็นเพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น

 เป็นผู้บอกวิธีแก้ความทุกข์ให้กับเรา

 เพื่อเราจะได้อยู่ในโลกนี้อย่างร่มเย็นเป็นสุข

 ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องราวต่างๆ

ถ้ารู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดไม่ติดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่

 มีไว้ใช้ประโยชน์ มีไว้ดูแลรักษา แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อยึดติด

 อยากให้อยู่กับเราไปตลอด

 อย่างวันนี้ญาติโยมก็ได้มาฝึกปล่อยวางกัน

มาปล่อยวางเวลาอันมีค่า ปล่อยวางเงินทอง

 เอาเงินทองไปซื้อข้าวของมาถวายพระ

 ญาติโยมก็ไม่รู้สึกเสียอกเสียใจ เสียดายเงินทองที่เสียไป

เพราะปล่อยวางเงินทองก้อนนั้นแล้ว

ถ้ายังไม่ได้ปล่อยวาง ยังหวงเงินก้อนนั้นอยู่

ก็จะไม่สามารถเอาไปซื้อข้าวซื้อของมาถวายพระได้

ถ้าฝึกปล่อยวางอย่างนี้ไปเรื่อยๆแล้ว

ต่อไปถ้ามีขโมยมาลักเงินลักทองของเราไป

 เราจะไม่เศร้าโศกเสียใจ ไม่เสียดาย

 กลับคิดว่าเป็นเหมือนได้ทำบุญไปในตัว

 เพราะใครเอาไปก็ได้รับประโยชน์มีความสุข

 เราก็มีความพอใจ เพราะชอบทำบุญเป็นปกติอยู่แล้ว

 ไม่ยึดไม่ติดกับเงินทอง ต่างกับคนที่ไม่รู้จักให้

 ไม่รู้จักปล่อยวางเงินทอง เวลาเงินหายไป

เพียง ๕ บาท ๑๐ บาทก็วุ่นวายใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ

 เสียดาย โกรธแค้น เกิดความทุกข์ขึ้นมา

 เสีย ๒ ต่อ เสียเงินเสียทองแล้ว

ยังต้องมาเสียใจมาเจ็บใจอีก

 แต่คนที่รู้จักปล่อยวางเงินทอง ทำบุญทำทานอยู่เรื่อยๆ

 เวลาเสียเงินเสียทองไป จะได้กำไร เพราะจะไม่เสียใจ

กลับรู้สึกสบายใจว่าหมดปัญหาไป

เงินก้อนนั้นถ้าอยู่กับเรา ก็ต้องคอยดูแลรักษา

เมื่อถูกขโมยไปแล้วก็หมดภาระไป

 ไม่ต้องมาห่วงมาดูแล มาคิดว่าจะเอาไปทำอะไร

 เราได้กำไร ได้ทำบุญ ได้ปล่อยวาง

 เรากลับมีความสุข เวลาสูญเสียอะไรไป

 เราจะมีความสุขมากขึ้น เพราะสิ่งต่างๆที่เรามีอยู่

 ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือเป็นบุคคล

 ล้วนเป็นภาระทางด้านจิตใจทั้งนั้น

มีอะไรก็ต้องคอยดูแลรักษา เป็นห่วงเป็นภาระ

เป็นความกังวล แต่เมื่อไม่อยู่กับเราแล้ว เราก็สบายใจ

 เช่นมีรถเราก็ต้องคอยดูแลรักษารถ

 ต้องคอยห่วงเวลาจอดจะถูกใครมาทำอะไรหรือเปล่า

 จะขโมยไปหรือเปล่า พอถูกขโมยไปก็หมดภาระไป

 เราก็สบายใจ ไม่ต้องดูแลอีกต่อไป

ถ้ารู้จักปล่อยวางแล้ว เวลาสูญเสียอะไรไป จะรู้สึกเฉยๆ

 ไม่เสียอกเสียใจ ไม่เสียดาย ไม่เสีย ๒ ต่อ

 การที่จะปล่อยวางได้ ก็ต้องสอนใจอยู่ตลอดเวลาว่า

 ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีอะไรเป็นตัวเราของเรา

 ถ้าไปหลงไปยึดไปติดก็จะทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมา

 ให้ท่องคาถานี้ไว้ตลอดเวลา สอนใจเรา

 แล้วเราจะไม่กล้าไปยึดไปติดกับอะไร

จะไม่กล้าไปอยากให้อะไรเป็นไปตามใจของเรา

จะยอมรับสภาพความเป็นจริงอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป

 แต่ใจของเราจะไม่วุ่นวาย กับการเกิดการดับของสิ่งต่างๆ

 นี้คือความสุขที่แท้จริงที่จะเกิดขึ้นในใจ

ที่ถูกปลดเปลื้องจากความทุกข์ ความวุ่นวายใจ

 ความเศร้าโศกเสียใจ ความอาลัยอาวรณ์ต่างๆ

จะไม่มีอยู่ในใจของผู้มีดวงตาเห็นธรรม มีปัญญา

จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเราน้อมเอา

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เข้ามาปฏิบัติ

 ปฏิบัติอย่างสุปฏิปันโน อุชุฯ ญายะฯ สามีจิฯ

ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง อย่างสม่ำเสมอ

รับรองได้ว่าไม่ช้าก็เร็ว พวกเราทุกคน

จะมีดวงตาเห็นธรรมกัน จะมีที่พึ่งในจิตในใจ

 จะไม่ทุกข์วุ่นวายกับอะไรอีกต่อไป

ขอให้ท่านทั้งหลายให้ความสำคัญ

แก่การเข้าหาพระรัตนตรัย ด้วยการมาวัดอยู่เรื่อยๆ

 มาทำบุญทำทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรม

 ฟังเทศน์ฟังธรรมกันเพราะนี่คือวิธีสร้างพระรัตนตรัย

ให้ปรากฏขึ้นมาในจิตในใจ

เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งของเรานั่นเอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.........................

กำลังใจ ๓๑, กัณฑ์ที่ ๓๐๑

วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2562 8:19:55 น.
Counter : 325 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ