Group Blog
All Blog
<<< "การกระทำที่ดีจะนำมาซึ่งความสุข" >>>









“การกระทำที่ดีจะนำมาซึ่งความสุข”

วันนี้มีญาติโยมมามากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นวันพระ

และวันหยุดราชการ เป็นวันเสาร์

 จึงมีศรัทธาญาติโยม ๒ กลุ่มด้วยกัน ที่มาวัดเป็นประจำ

 กลุ่มหนึ่งจะมาทุกๆวันพระ

 อีกกลุ่มหนึ่งจะมาวันหยุดราชการ

 คือวันเสาร์หรือวันอาทิตย์

ถ้าวันพระไปตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์

ก็จะมีศรัทธาญาติโยม มาทำบุญกันมากกว่าปกติ

 ดังที่เป็นอยู่ในวันนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะมาวันพระก็ดี

 หรือมาวันหยุดราชการก็ดี สิ่งที่ดึงดูดหรือผลักดัน

ให้มาสู่วัดเพื่อมาประกอบคุณงามความดี

ทำบุญทำทาน รักษาศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม

 ก็คือศรัทธาความเชื่อ เชื่อในพระพุทธเจ้า

 เชื่อในพระธรรม เชื่อในพระสงฆ์ คือ

๑. เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าว่าเป็นเรื่องจริง

 เชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่สิ้นกิเลสแล้ว

 เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้รู้จริงเห็นจริง

 นี่คือความเชื่อในพระพุทธเจ้า

๒. เชื่อในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

ว่าเป็นคำสอนที่ถูกต้องตามหลักความจริง

 สอนที่เหตุและที่ผล เหตุก็คือการกระทำ

 ผลก็คือความสุขความเจริญ

 หรือความทุกข์ความเสื่อมเสีย

 ล้วนเกิดขึ้นจากการกระทำของเราทั้งสิ้น

คือ การกระทำทางกาย ทางวาจาและทางใจ

 ถ้าทำดีผลก็ดี คือความสุขความเจริญก็จะตามมา

 ถ้าทำบาปทำกรรมทำความชั่ว ผลก็ชั่ว

คือความทุกข์ความเสื่อมเสียก็จะตามมา

 นี่คือความเชื่อในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

๓. เชื่อในพระอริยสงฆสาวกทั้งหลาย

ว่าเป็นผู้ที่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

 คือกระทำแต่ความดี ละการกระทำบาปทั้งปวง

 ชำระจิตใจให้สะอาดหมดจด บริสุทธิ์ผุดผ่อง

 จนได้บรรลุธรรม เป็นผู้สิ้นกิเลสเหมือนกับพระพุทธเจ้า

 เป็นผู้สืบทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

ให้กับผู้อื่นต่อไป นี่ก็คือความเชื่อในพระอริยสงฆสาวก

ความเชื่อนี้ทำให้เรามาวัดกัน ประกอบคุณงามความดีกัน

 ละการกระทำความชั่วกัน และชำระจิตใจของเรา

ให้สะอาดหมดจด เพราะเราเชื่อว่า

การกระทำของเราเท่านั้น ที่จะทำให้เราดีได้

 ที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้

 เพราะพระพุทธเจ้าก็ดี พระอริยสงฆสาวกก็ดี

ก็ปฏิบัติมาดังนี้ ท่านเป็นแบบฉบับของเรา

 ท่านเป็นผู้ที่นำสิ่งที่ดีที่งาม

 ที่ท่านได้ประสบพบเห็นมาบอก มาสอนพวกเรา

 แต่ท่านไม่สามารถที่จะเสกจะเป่า จะทำให้เราดีได้

โดยที่เรานั่งฟังพระธรรมคำสอนเฉยๆ

 แล้วกลายเป็นผู้ดีขึ้นมา

 แต่เราต้องน้อมจิตน้อมใจของเราให้ดีไปด้วย

 จึงจะกลายเป็นคนดีได้ จึงจะเจริญ จึงจะมีความสุขได้

ถ้าเราฟังเทศน์ ฟังธรรม ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

 แต่ไม่เปลี่ยนใจของเรา ใจของเรายังมีความโลภ

 ความโกรธ ความหลงอยู่ ยังมีความอยากต่างๆอยู่

 ยังประพฤติตนไปในทางที่ไม่ดี เช่น ยังติดสุรายาเมา

 ยังติดสิ่งเสพติด ยังเล่นการพนัน

ยังชอบเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน ยังชอบความเกียจคร้าน

 ยังชอบคบคนชั่วเป็นมิตรอยู่

ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้

 ต่อให้พระพุทธเจ้ามานั่งเสกเรา อาบน้ำมนต์ให้เรา

 ทุกเช้าทุกเย็น เราก็จะไม่เป็นคนที่เจริญ

ที่จะมีความสุขได้ เพราะความสุขและความเจริญ

เกิดจากเหตุ คือการกระทำของเรา

 ทางกาย ทางวาจา และทางใจ

 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำทางใจ

คือความคิดของเรานี่แหละ เป็นต้นเหตุ

ของการกระทำทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำบาปก็ดี

 หรือการกระทำบุญก็ดี ล้วนเกิดจากความคิดของเรา

เป็นผู้เริ่มต้น อย่างวันนี้เรามาวัดกันได้

ก็เพราะความคิดของเรา เกิดขึ้นมาในจิตของเรา

 ว่าจะมาวัดมาทำบุญกัน เมื่อคิดแล้ว

ก็มีการสั่งการไปสู่ร่างกาย ให้มีการเคลื่อนไหว

 การกระทำทางกาย ก็เกิดขึ้น

มีการเตรียมข้าวเตรียมของ เตรียมตัวเตรียมใจ

 และเมื่อถึงเวลาก็เดินทางมาที่วัด มาทำบุญตักบาตร

มาสมาทานศีล มาฟังเทศน์ฟังธรรมกัน

 นี่แหละคือการกระทำที่ดี ที่จะนำมาซึ่งความสุข

และความเจริญที่แท้จริง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.........................................

กำลังใจ ๘, กัณฑ์ที่ ๑๒๙

วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๕







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2562 8:02:13 น.
Counter : 266 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ