Group Blog
All Blog
<<< "อธิษฐานในเหตุอย่าไปอธิษฐานในผล" >>>








“อธิษฐานในเหตุ

   อย่าไปอธิษฐานในผล”

บุญก็เป็นเหมือนเงินฝากในธนาคาร

 บาปเป็นเหมือนหนี้ที่ต้องใช้

มีเงินในธนาคารก็เบิกมาใช้ได้

 ฉันใดเมื่อทำบุญก็จะได้เสวยบุญ ได้เกิดในสุคติ

 เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม เป็นพระอริยเจ้า

 ถ้าไปก่อกรรมทำเข็ญก็ต้องไปใช้หนี้ในอบาย

 ไปตกนรก เป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นผี

 บุญและบาปเป็นของจริง พระพุทธเจ้าตรัสรู้

ก็ตรัสรู้เรื่องบุญและบาปนี้แล ไม่ได้ตรัสรู้เรื่องอะไร

 ทรงตรัสรู้ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

 การกระทำเป็นเหตุ ผลคือความสุขความเจริญ

 ความทุกข์ความเสื่อม

 ภพชาติที่ดีหรือภพชาติที่ไม่ดี

 ก็เกิดจากการกระทำของเรา

ในแต่ละภพในแต่ละชาติ

ในแต่ละวัน ในแต่ละเวลา

 เช่นวันนี้เรามาทำความดี

 มาทำบุญ สะสมบารมี ก็เหมือนกับเอาเงิน

ไปฝากไว้ในธนาคารบุญ

 เมื่อเราเดินทางไปข้างหน้า

 ก็จะสามารถเบิกเอาบุญ

ที่ได้ฝากไว้ในธนาคารบุญมาใช้ได้

ก็จะไปเกิดดีกว่าเก่าสูงกว่าเก่า

 เป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม

เป็นพระอริยเจ้าที่ดีที่สูงกว่าเก่า

เกิดจากการกระทำไม่ได้เกิดจากการปรารถนา

 ถ้าปรารถนาจะไปนิพพาน แต่ไม่ทำบุญให้ทาน

 ไม่รักษาศีล ไม่ตัดกิเลส ไม่ปฏิบัติธรรม

ต่อให้ปรารถนาไปกี่ร้อยภพกี่ร้อยชาติ

ก็จะเป็นเพียงแต่ความปรารถนาเท่านั้น

 เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

 เช่นปรารถนาจะมาวัดในวันนี้

 ก็ต้องคิดก่อนว่าวันนี้อยากจะมาวัด

เมื่ออยากแล้วก็ทำในสิ่งที่ทำให้มาวัดได้

เตรียมตัวเตรียมข้าวเตรียมของ

เมื่อถึงเวลาก็ออกจากบ้าน

เดินทางมา ก็จะมาถึงวัดได้

แต่ถ้าอยากจะมาวัดเฉยๆ พอตื่นเช้าขึ้นมา

ก็ไม่อยากจะลุก อยากจะนอนต่อ

ก็เลยไม่ได้มาวัด ถ้านอนต่อป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น

ความปรารถนาจึงไม่ใช่เหตุ

ที่จะพาให้ไปถึงที่หมายได้

 เป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องมาก่อน

ถ้าวันนี้ไม่คิดจะมาวัด

 ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้จะไปไหนดี

ก็อาจจะไม่ได้ไปไหน

ถ้ามีใครมาชวนให้ไปที่นั้นที่นี่

 ก็อาจจะไปกับเขา

แต่ถ้าได้ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะมาวัด

ถึงแม้จะมีใครมาชวนให้ไปที่อื่น ก็จะปฏิเสธ

 เพราะได้ตั้งใจจะมาวัดแล้วนั่นเอง

 ตั้งใจแล้วก็ต้องทำ

การตั้งใจในภาษาพระเรียกว่าอธิษฐานบารมี

 ให้อธิษฐานในเหตุ อย่าไปอธิษฐานในผล

 อย่าอธิษฐานให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้

 เพราะการอธิษฐานขอไม่เป็นเหตุ

ที่จะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

ต้องทำเหตุที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นมา

 อยากจะได้ข้าวของก็ต้องไปที่ร้าน ไปซื้อมา

 ถ้าอยู่ที่บ้านแล้วอธิษฐานขอให้สิ่งของต่างๆมา

 มันก็จะไม่มา ต้องไปซื้อที่ร้าน

 ฉันใดถ้าอยากจะไปสู่ภพชาติที่ดี ไปสู่สุคติ

 ไปเกิดเป็นมนุษย์อยู่ทุกภพทุกชาติ

 เป็นเทพเป็นพรหมเป็นพระอริยเจ้า

 ก็ต้องเจริญเหตุที่จะทำให้ได้ผลนั้น

คือการสะสมบุญบารมีนี้เอง ไม่ได้อยู่กับอะไร

 อย่างที่พวกเราได้มาทำกันในวันนี้

เรากำลังสะสมบุญบารมี

 จะอธิษฐานหรือไม่ก็ตาม

 ขอหรือไม่ก็ตาม ถ้าทำบุญอยู่เรื่อยๆแล้ว

 เมื่อตายไปก็จะไปเกิดที่ดีอย่างแน่นอน

 จะปรารถนาหรือไม่ก็ตาม เพราะการทำบุญ

เป็นเหตุให้ไปเกิดในที่ดีนั่นเอง

ไม่อยากติดคุกติดตะรางแต่ไปทำผิดกฎหมาย

ก็ต้องไปติด เพราะการทำผิดกฎหมายเป็นเหตุ

 ถ้าไม่อยากจะติดคุกติดตะราง

เราก็ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ต้องเคารพกฎหมาย

 นอกจากการมีความตั้งใจที่ดีแล้ว ก็ต้องทำดีด้วย

 ไม่ตั้งใจเฉยๆ อยากจะมาวัด พอถึงเวลาก็ไม่มา

 อยากไปจนวันตายก็ไม่ได้มา

คนบางคนชอบพูดเสมอว่า ไม่ได้มาวัดเลย

 ไม่มีเวลา จะมาได้อย่างไร จะมีเวลาได้อย่างไร

 ถ้าไม่ตั้งใจจะมา ไม่ให้เวลากับการมาวัด

 เอาเวลาไปใช้อย่างอื่นหมด เอาเวลาไปนอน

ไปเที่ยว ไปทำอย่างอื่น

ก็ไม่ได้มาวัด ไม่ได้มาทำบุญ

ไม่ได้สะสมบารมี ไม่ได้ในสิ่งที่อยากจะได้กัน

ได้แต่สิ่งที่ไม่อยากจะได้กัน ถ้าทำบาป

ก็ต้องไปตกนรก เป็นเดรัจฉานเป็นต้น

 จึงควรดูการกระทำของเราเสมอ ในแต่ละวัน

ในแต่ละเวลา ในแต่ละขณะ ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่

 กำลังทำบุญสะสมบารมี หรือกำลังทำบาปทำกรรม

 ทำสิ่งที่ไร้สาระ การกระทำของเรา

มี ๓ ลักษณะด้วยกันคือ

 ทำดี ทำชั่ว ทำไม่ดีไม่ชั่ว

 ทำดีก็จะได้ผลดี ทำชั่วก็จะได้ผลชั่ว

ทำไม่ดีไม่ชั่ว ก็จะไม่ได้ผลดีหรือผลชั่ว

 คือจะไม่ได้ไปไหน

 เป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้นต่อไป

 ถ้าอยากจะให้ชีวิตของเราดีขึ้น

มีความสุขมากขึ้น มีความเจริญมากขึ้น

ก็ต้องทำความดี

ถ้าไม่ต้องการให้ชีวิตของเราตกต่ำลง

เราก็ต้องไม่ทำความชั่ว

เพราะหลักกรรมเป็นหลักตายตัว

 จะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่สามารถลบล้างความจริง

ของหลักกรรมได้ ถ้าปฏิบัติดี

ถึงแม้จะไม่เชื่อก็จะได้ผลดี

ถ้าปฏิบัติชั่วถึงแม้จะไม่เชื่อ

ก็จะได้รับผลของความชั่วที่ทำไว้

 จึงควรเชื่อพระพุทธเจ้า

 เชื่อพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย

 เพราะได้สัมผัสได้พิสูจน์มาแล้วว่า

 ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจริงๆ ทำดีได้ไปเกิดที่ดี

 ไปสวรรค์ ไปพระนิพพาน ทำบาปทำกรรม

ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในอบาย

ไปตกนรก ไปเป็นเดรัจฉาน

สลับกันไปสลับกันมาอยู่เรื่อยๆ

 เป็นความจริงที่พระพุทธเจ้า

และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย

ได้รู้ได้เห็นแล้วนำเอามาสั่งสอนพวกเรา

 ถ้าเชื่อเราก็จะได้กำไร เพราะเมื่อเชื่อแล้ว

เราก็จะปฏิบัติตาม ถ้าไม่เชื่อเราก็จะขาดทุน

จะไม่ได้รับประโยชน์จากพระศาสนา

 จากการได้มาเกิดเป็นมนุษย์

เพราะพระพุทธศาสนา

และการได้เกิดเป็นมนุษย์นี้เท่านั้น

ที่จะทำให้เราสามารถสร้างความดี

สร้างบุญและกุศล สร้างบุญบารมี

ให้เราได้ไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต

 คือการสิ้นสุดแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้

 ไม่มีอย่างอื่นที่จะทำได้ ต้องมีทั้งศาสนา

และการได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะถ้ามีศาสนา

แต่ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์

ก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากศาสนา

 เช่น ได้มาเกิดเป็นสุนัข ได้มาอยู่ในวัด

แต่จะไม่รู้เรื่องพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

 จะไม่สามารถปฏิบัติได้

ไม่สามารถสะสมบุญบารมีได้

มีมนุษย์เท่านั้นในบรรดาสัตว์โลกทั้งหลาย

 ที่จะสามารถสะสมบุญบารมีได้

 เป็นสัตว์เดรัจฉาน ไปตกนรก

ก็สะสมบุญบารมีไม่ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ไม่ได้

สะสมบุญบารมี เพราะมัวแต่เสวยความสุข

เสวยอาหารทิพย์

มีความสุขอยู่กับอาหารทิพย์ต่างๆ

ก็เลยไม่สนใจที่จะสะสมบุญบารมี

มีมนุษย์นี้เท่านั้นที่จะมีโอกาส

 มีเวลาและมีสติปัญญา

 ที่จะรับรู้คำสอนของพระพุทธเจ้า

แล้วนำเอาไปปฏิบัติได้ ภพชาติของมนุษย์

จึงเป็นเหมือนกับปั๊มน้ำมัน

เป็นที่เติมน้ำมัน เป็นที่เติมเสบียง

 จิตใจที่ยังมีความโลภโกรธหลงอยู่ยังต้องเดินทาง

ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ถ้าต้องการไปที่ดี

 ไปด้วยความสุขความอิ่มหนำสำราญใจ

 ก็ต้องแวะเติมน้ำมันเติมเสบียง

ถ้าไม่เติมก็เหมือนเกิดมาเป็นมนุษย์

แล้วไม่ทำบุญทำทาน รักษาศีล ภาวนา

ปฏิบัติธรรม มัวแต่หาเงินหาทอง

แล้วก็เอาเงินทองไปกินไปใช้ไปเที่ยวไปดื่ม

ไปหาความสุขจากกามารมณ์

จากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะต่างๆ

 ถึงแม้จะมีความสุขแต่ก็เป็นความสุขที่ไม่นาน

 เป็นความสุขในขณะที่เสพ พอไม่ได้เสพ

ก็จะว้าวุ่นขุ่นมัวเบื่อหน่าย เศร้าสร้อยหงอยเหงา

 ต้องหาสิ่งนั้นสิ่งนี้มาเสพ

 เป็นเหมือนคนติดยาเสพติด

ไม่มีความสุขถ้าอยู่เฉยๆ

ต้องมีสิ่งนั่นสิ่งนี้มาบำรุงบำเรออยู่เรื่อยๆ

 แต่ถ้าได้ทำบุญอยู่เรื่อยๆ ได้ทำทาน

รักษาศีล ภาวนา ก็จะมีบุญหล่อเลี้ยงจิตใจ

 ทำให้มีความอิ่มหนำสำราญใจ

 ไม่ต้องไปหาสิ่งนั่นสิ่งนี้มาให้ความสุข

มาบำรุงบำเรอจิตใจ เพราะบุญและกุศล

เป็นอาหารที่แท้จริงของใจ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.........................

กำลังใจ ๓๓, กัณฑ์ที่ ๓๑๒

วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๐







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2561 11:23:22 น.
Counter : 473 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ